กลุ่มรถโดยสารสาธารณะสุดทน! ยกขบวนบุกทำเนียบรัฐบาล วิงวอนรัฐบาลช่วยลดราคาค่าก๊าซ NGV 12.74 บาท ต่อ กิโลกรัม หลังทนแบกรับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงต่อไม่ไหว ไร้วี่แววเยียวยา
วันที่ 28 พ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารร่วมบริการสาธารณะ นำโดยนายปรีดา มากมูลผล นายกสมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัด พร้อมด้วยนางรุ่งเรือง ทองคำ เลขาธิการสมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัด / นายปัญญา เลิศหงิม นายกสมาคมรถตู้โดยสารสาธารณะกรุงเทพ ปริมณฑล / นายอนุชิต จตุรงคปัญญา ตัวแทนผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะหมวด 1 และผู้ประกอบการรถรถตู้ รถมินิบัส รถเมล์ รถโดยสาร และรถสองแถว นำรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ประมาณ 200-300 คัน ไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือราคาก๊าซเอ็นจีวี สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ
ตั้งแต่ที่สมาคมรถตู้รถโดยสารสาธารณะกรุงเทพฯ ปริมณฑล สมาคมรถตู้ต่างจังหวัด และผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะหมวด 1 และปริมณฑล ได้มีหนังสือถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้ล่วงเลยเวลามามากแล้ว ที่ทางกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ต้องแบกรับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางได้ทยอยล้มหายตายจากไปจนแทบจะไม่มีให้บริการผู้โดยสารแล้วในปัจจุบัน
ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีจดหมายตอบกลับมาว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ และศึกษาการแก้ไขปัญหาก๊าซเอ็นจีวี สำหรับรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ และรถแท็กซี่ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ทางกลุ่มผู้ประกอบการฯ เห็นว่าการทำเรื่องเอ็นจีวีให้ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ดี แต่การบรรเทาผลกระทบอย่างปัจจุบันทันด่วน ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบอาชีพ หรือประกอบการรถโดยสารสาธารณะ เรียกร้องมี 4 ข้อ ดังนี้
1. ขอให้มีมาตรการช่วยเหลือราคาก๊าซเอ็นจีวี สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ ที่ 12.74 บาท ต่อกิโลกรัม
2. ขอให้ไม่กำหนดปริมาณการเติมก๊าซเอ็นจีวี (กิโลกรัม) ที่ได้รับการตรึงราคา สำหรับรถแต่ละประเภท
3. ขอให้มีระยะเวลาของมาตรการช่วยเหลือถึงเดือนธันวาคม 2568 เนื่องจากปัญหาการได้รับบัตรสิทธิประโยชน์ฯ ล่าช้า ซึ่งผู้ประกอบการฯ ไม่ได้สิทธิมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 และ 4.ขอให้เพิ่มเติมรถที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในภายหลังได้