กรณีเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตภายในซอยสายไหม 6 แขวงสายไหม เขตสายไหมกรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิต 2 ราย  เบื้องต้นทราบว่า เป็นการก่อเหตุสามียิงภรรยาเสียชีวิต แล้วยิงตัวเองตายตาม โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายสุพจน์ และ นางสมลักษ์

ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาจุดเกิดเหตุบริเวณบ้านหลังหนึ่ง พบศพผู้เสียชีวิต 2 คน นอนลักษณะคล้ายกับกอดกันอยู่ โดยพบรถจยย.จอดอยู่ในบ้าน และมีเอกสารโอนรถ รวมถึงจดหมายของผู้ตายวางไว้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหมได้มีการกันพื้นที่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในบ้านแต่อย่างใด

จากการสอบถามหนึ่งในญาติที่กำลังอยู่หน้าบ้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเห็นเมื่อคืนนี้คุณสมลักษณ์ ฝ่ายหญิงได้ไปนอนบ้านของพี่ชาย ตอนเช้าเดินทางมาที่บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่คุณสมลักษณ์พักอยู่กับนายสุพจน์มานานกว่า 16 ปีแล้ว โดยฝ่ายหญิงเป็นลูกจ้างข้าราชการเกษียณ ส่วนฝ่ายชายทำงานอยู่ ทั้งสองอยู่บ้านลำพัง โดยวันเกิดเหตุฝ่ายชายได้โทตามฝ่ายหญิงให้มาเซ็นโอนรถจยย. ฮอนด้าเวฟ เป็นทรัพย์สินของฝ่ายชาย ก่อนจะเกิดเหตุยิง


เปิดวงจรปิดคนตายขับรถกลับบ้านก่อนไปเคลียร์กับสามีแล้วถูกยิงตาย

ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณถนนพหลโยธิน 54/1 ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะเห็นรถเก๋ง สีบรอนซ์ทองของ นางสมลักษ์ คนตาย ขับเข้าไปที่บ้านที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะไปเคลียร์กับนายสุพจน์ จนกระทั่งถูกยิงในเวลาต่อมา ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดกลางซอยจับภาพก่อนถึงบ้านที่เกิดเหตุได้ โดยเจ้าตัวขับรถผ่านกล้อง 2 มุม กลับบ้าน

เปิดวงจรปิดวินาทีลั่นไกลยิงเมียและยิงตัวเองตาย เรียกชื่อเล่นเมียก่อนยิง “แอ๋ว”

ทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับลานจอดรถของ นางสมลักษ์ หรือ แอ๋ว คนตาย ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัวขับรถเลี้ยวเข้ามาในบ้าน ได้มีการจอดรถที่บริเวณลานลานจอดรถหลังบ้าน ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปภายในบ้านเพื่อที่จะพูดคุยกับนายสุพจน์สามี ก่อนถูกยิง

โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นปลายมุมกล้องจับภาพนางสมลักษ์เดินลงจากรถ และเดินเข้าไปภายในบ้าน ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดวงจร เวลา 09.12 น.

กล้องวงจรปิดฝั่งข้างบ้านติดกับบ้านที่เกิดจับวินาทีเสียงปืน เวลา 09.14 น. ซึ่งจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก 1 นัด โดยเข้าใจว่าตัวของนายสุพจน์มีการก่อเหตุยิงนางสมลักษ์ ภรรยา หลังจากที่สิ้นเสียงปืน จะได้ยินเสียงนายสุพจน์ตะโกนเรียกเรียกชื่อภรรยาขึ้นมา1ครั้ง ซึ่งมีการพูดชื่อเล่น ว่า “แอ๋ว” จากนั้นได้ยินเสียงปืนนัดที่2 ตาม อีกนัด เข้าใจว่าเป็นการปิดชีวิตตัวเอง

จากนั้นเวลาประมาณ 11.44 น. กล้องวงจรปิดจับภาพ เห็นรถตำรวจเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ

 

 

พี่สะใภ้เล่าวินาทีผัวยิงเมียตายต่อหน้า แล้วยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนลั่นไกตายศพ 2

ทีมข่าวได้พูดคุยสอบถามกับ น.ส.จุ๋ม พี่สะใภ้ของน.ส.สมลักษณ์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า คู่นี้คบหากันมานานกว่า 16 ปีแล้ว โดยก่อนหน้าก็ไม่เคยเห็นทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะรุนแรงอะไรกันเลย แต่ไปๆ มาๆ เกิดมีปัญหาอะไรกันก็ไม่ทราบ

จากนั้น 2 วันก่อนหน้านี้ น.ส.สมลักษ์ ได้มาขอตนพักอาศัยที่บ้านของตนย่านสายไหม ตนก็ให้พัก กระทั่งเมื่อวานนี้ (27 พ.ย. 66) นายสุพจน์ ได้โทรศัพท์มาหา นางสมลักษ์ให้เข้ามาเซ็นเอกสารโอนรถจยย.ที่ใช้ชื่อนางสมลักษ์ ให้เปลี่ยนเป็นชื่อของนายสุพจน์ที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ

ตอนแรกตนก็ไม่อยากให้นางสมลักษ์ไปตามนัด เพราะมองว่าไม่ปลอดภัย เนื่องจากตนเคยเห็นนายสุพจน์โพสต์รูปปืนลงบนเฟซบุ๊ก ซึ่งนางสมลักษ์ตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าจะทำก็คงทำนานแล้ว”

ต่อมาช่วงเช้าวันนี้ เวลา 09.00 น.ตนตัดสินใจขับรถเก๋งสีทองพานางสมลักษ์ไปหานายสุพจน์ที่บ้าน เมื่อเข้าไปถึงบ้าน นางสมลักษ์บอกกับนายสุพจน์ว่าอยากได้อะไรก็ให้ขนไป พัดลม ผ้าห่ม ให้ขนไปได้เลย จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปคุยกันตามลำพังภายในบ้านประมาณ 5 นาที แล้วก็ออกมาเซ็นเอกสารโอนรถจยย.ที่บริเวณโต๊ะหน้าบ้าน โดยจังหวะที่นางสมลักษ์ออกมาจับปากกาเตรียมจะเซ็น นายสุพจน์ได้เดินออกมายืนดูจากด้านหลัง แล้วควักปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ลั่นไก 1 นัดใส่ศีรษะของนางสมลักษ์จนเสียชีวิต ก่อนจะหันมายกมือไหว้ตน พร้อมกับบอกว่า “พี่ตุ๋มผมขอโทษนะ ผมรักแอ๋วมาก” จากนั้นเขาก็จ่อปืนยิงเข้าที่ขมับขวาของตนเองอีก 1 นัดจนเสียชีวิต

จังหวะนั้น ตนตกใจกลัวสุดขีด รีบวิ่งหนีออกมาจากบ้าน ตระโกนเรียกชาวบ้านให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คิดว่าเป็นการเตรียมการวางแผนก่อเหตุล่วงหน้าของนายสุพจน์

 

หัวหน้างานมือยิงเผยลางบอกเหตุ มือยิงไลน์มาบอกขอโทษที่โกหก

ทีมข่าวได้พูดคุยกับเรืออากาศตรีอาณัต หัวหน้างานของนายสุพจน์ ผู้เสียชีวิต เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.05 น. นายสุพจน์ได้แชตไลน์-โทรศัพท์มาหา ประมาณว่า "หมวดคับผมรักหมวด หมวดเป็นคนดี ห่วงใยผม ผมรักหมวดคับ ผมฝากบอกน้องๆทุกคนด้วยคับว่าผมรักทุกคน ผมขอโทษที่โกหกหมวด ลาก่อนคับหมวด" ด้วยความตกใจ ตนจึงพยามติดต่อหาผู้ตายทันทีแต่ก็ไม่สามารถติดต่อ จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า มีเหตุการณ์ยิงกันตายขึ้น

เรืออากาศตรีอาณัต เผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายมีการมาปรึกษาปัญหาชีวิตครอบครัวให้ฟัง แต่ตนไม่ขอให้รายละเอียดในส่วนนี้ เพราะเรื่องราวดังกล่าว เป็นปัญหาของครอบครัวผู้ตายทั้งคู่ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ฝ่ายชายได้ขอลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ ณ ตอนนั้น ตนสังเกตเห็นผู้ตายทั้ง 2 คนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะฝ่ายชาย ซึ่งที่ผ่านมาเท่าที่ตนทราบฝ่ายใช้ได้มีการพยายามขอเคลียร์กับฝ่ายหญิงอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุสองวัน ฝ่ายชายได้ขอย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าข้างนอก โดยตนก็พยายามให้กำลังใจฝ่ายชายอยู่เสมอ

เรืออากาศตรีอาณัต เผยต่อว่า เท่าที่ตนรู้จักทั้งคู่มานั้น ทั้งคู่ คบหากันได้ประมาณ 10 กว่าปี ดูรักกันดีถึงแม้จะมีปัญหาทะเลาะกันบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่ถึงกับรุนแรงขนาดนี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ตนมีโอกาสพูดคุยกับฝ่ายหญิงเขาก็ดูพูดจาดี แต่ก็มีท่าทีเครียดเช่นเดียวกัน