จากกรณีที่มีคลิป “แป้ง นาโหนด” ถูกเผยแพร่ออกมาในคลิปมีการตัดพ้อถึงการที่เจ้าตัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกหักหลังจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ได้วางแผนหนีจากเรือนจำ โดยแป้งอ้างว่า ต้องการออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองและนักโทษกว่า 393 ราย
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายคม (นามสมมุติ) อดีตลูกน้องคนสนิทของเสี่ยแป้ง และเป็น 1 ใน 2 คนงานที่ถูกสารวัตรวิรัตน์พร้อมพวกอีก 6 คน บุกมาที่บ้านของเสี่ยแป้ง พร้อมใช้อาวุธสงครามเข้ามาข่มขู่ และตรวจค้นยาเสพติด ภายในบ้านของเสี่ยแป้ง แต่สุดท้ายก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 18 มีนาคม 64
นายคม ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าต่อว่า เหตุการณ์ในวันนั้นตนเองและรุ่นพี่อีกคนซึ่งเป็นลูกน้องของเสี่ยแป้ง เสี่ยแป้งได้ใช้ให้ตนเองและรุ่นพี่ไปทำศาลาให้กับชาวบ้าน โดยตนเองได้มาช่วย ขุดเสา วางตอม่อ
แต่ระหว่างนั้น ได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกมายังพื้นที่บ้านของเสี่ยแป้งที่ตนเองกำลังทำงานอยู่ และได้ใช้ปืนสงครามจ่อตนเองและรุ่นพี่ และพยายามตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย ซึ่งตอนนั้นตนเองตกใจมาก เพราะตำรวจทั้งหมด เข้ามาไม่มีหมายค้น และเข้ามาในพื้นที่ทั้งที่พื้นที่บ้านของเสี่ยแป้ง ติดป้ายประกาศไว้ชัดเจน ว่าเป็นที่ส่วนบุคคลคนภายนอกห้ามเข้า
หลังเกิดเหตุตนเองได้โทรศัพท์หาเสี่ยแป้งและบอกว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นในบ้าน ทำให้เสี่ยแป้งไม่พอใจกับการกระทำของตำรวจชุดดังกล่าว จึงได้รวบรวมชาวบ้านกว่า 400 คน และพาตนเองเดินทางไปเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ. เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหัวหน้าชุดคือสารวัตรวิรัตน์ในขณะนั้น
ส่วนชาวบ้านจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมประท้วงการทำงานของสารวัตรวิรัตน์นั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นครอบครัวของนักโทษจำนวนมากที่ถูกกลุ่มสารวัตรวิรัตน์บุกดำเนินคดี เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เสี่ยแป้ง และสารวัตรวิรัตน์ เริ่มมีความขัดแย้งกันมากขึ้น
ส่วนข่าวล่าสุดที่เสี่ยแป้งหลบหนีลงจากเขามาได้ และรอดจากการไล่ล่าที่มีทีมของสารวัตรวิรัตน์ที่ขึ้นไปบนเขาล่าเสี่ยแป้งด้วย ตนเองก็รู้สึกดีใจที่เสี่ยแป้งยังปลอดภัย และยังคงเป็นห่วงเสี่ยแป้งเสมอ เชื่อว่า การที่เสี่ยแป้งหนีออกจากเรือนจำ ก็เพราะอยากหาความยุติธรรมให้ตัวเองมากกว่า ซึ่งตนเองขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้เสี่ยแป้ง
ต่อมาทางทีมข่าวได้มีโอกาสไปพูดคุยกับทาง 1 ในบุคคล ที่ได้เดินทางบุกไปยังสภ.เมืองพัทลุง เมื่อปี 2564 ตามที่ปรากฏในข่าว เราได้พูดคุยกับ “นายดอน ศรีนวลขาว“ แกนนำชาวบ้าน และเป็นคนสนิทเสี่ยแป้งที่ร่วมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับบรรดาชาวนาโหนด ที่ถูกกลุ่มสารวัตรวิรัตน์จับกุมและรีดไถ่เงิน
นายดอน เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้เป็นแกนนำชาวบ้านเพื่อไปเรียกร้องความยุติธรรมกับเสี่ยแป้งในวันนั้นจริง แต่ไม่ได้มาจากประเด็นของเสี่ยแป้งโดยตรง แต่เสี่ยแป้งได้ชวนให้ตนเองช่วยเดินทางมาร่วมด้วย เพราะที่ผ่านมา ตนเองในฐานะนักเคลื่อนไหว ก็ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านหรือเด็กในพื้นที่มาโดยตลอด ถึงการทำงานของตำรวจชุดปราบปราบยาเสพติดของสารวัตรวิรัตน์ จึงได้พาชาวบ้านกว่า 400 คน เดินทางไปประท้วง ที่ สภ.เมืองพัทลุง ให้มีการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวทั้งหมด
โดยก่อนที่จะเดินทางไปประท้วง เสี่ยแป้งได้ชวนให้ตนเองไปที่บ้านนั่งกินข้าวกันก่อน 1 วัน และตัดพ้อให้ตนเองฟังถึงพฤติกรรมของตำรวจชุดดังกล่าว โดยไม่พอใจที่ตำรวจได้แอบลอบเข้ามาในพื้นที่บ้านของเสี่ยแป้งโดยไม่มีหมายค้น แถมยังใช้อาวุธครามจ่อคนงานของเสี่ยแป้ง พยายามหาข้อหาเสี่ยแป้งให้เชื่อมโยงกับยาเสพติดอยู่ตลอด รวมไปถึงเสี่ยแป้งเองยังมีการระบุว่าทาง นายตำรวจรายดังกล่าวยังพยายามที่จะวุ่นวาย และพูดจาจีบภรรยาของเสี่ยแป้งด้วยในขณะนั้น ทำให้เสี่ยแป้งมองว่า มันทำเกินไปแล้ว ทำให้เสี่ยแป้ง ได้ขอให้ตนเองเกณฑ์ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากตำรวจชุดนี้ ไปรวมพลังกัน
ส่วนบทสรุปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ตำรวจได้รับเรื่องร้องเรียนและถูกกดดันให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบตำรวจชุดดังกล่าวจริง แต่หลังจากตั้งการตรวจสอบได้ไม่นาน ผู้บังคับการจังหวัดพัทลุงขณะนั้น ก็ได้ย้ายไปจังหวัดอื่น ผู้บังคับการจังหวัดคนใหม่มาแทน เรื่องของเงียบหาย และถูกยุติไปที่สุด ซึ่งตนเองเชื่อว่าการที่ตำรวจชุดดังกล่าวรอดจากการถูกตั้งคณะกรรมการสอบ ทั้งที่มีการล่ารายชื่อนักโทษ 393 คนนั้น มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
นายดอนมองว่า ปัญหาที่เน่าเฟะในองค์กรตำรวจ ผอ.ตร. ควรรับรู้และจัดการแก้ไข เพราะวัฒนธรรมการซื้อตำแหน่งนั้น “ตำรวจต้องเอาเงินดูแลนาย” ยังมีอยู่ ไม่เคยหมดไป ซึ่งตำรวจพวกนั้นก็จะนำเงินที่รีดไถประชาชน มาส่งให้นาย ทำให้ตำรวจที่ทำผิดกับประชาชน แต่นายชื่นชอบ และไม่สามารถทำอะไรตำรวจที่ผิดได้ ตั้งคณะกรรมการสอบ น้อยครั้งที่จะเอาผิดตำรวจได้ ยิ่งตำรวจที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินมาก ตำรวจใครอยากก้าวหน้า ก็ต้องมีเงิน แล้วนายจะรัก ทำให้ตำรวจที่ไม่ดียังมีอยู่ไม่เคยหมดไป
และตนเองเชื่อว่าการที่เสี่ยแป้งหลบหนีออกมาจากโรงพยาบาล คงจะไม่ไหวแล้ว แต่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง เพราะกระบวนการยุติธรรม ไม่ยุติธรรมอีกแล้ว
นายดอนยังให้ข้อสังเกตถึงเหตุการณ์ชิงตัวประกัน คือ นายจรวด ในคดีดังกล่าว ผู้ที่ถูกสั่งฟ้องมีอยู่ 2 คน คือ เสี่ยแป้ง และ นายจรวด แต่เสี่ยแป้งโดน 1 ข้อหา กลับไม่ได้รับการประกันตัว และต้องติดคุก แต่นายจรวด โดน 2 ข้อหา คือ ปล้นทรัพย์ ข้อหาเดียวกับเสี่ยแป้ง และถูกข้อหา พยายามฆ่า จนท. ด้วย เพราะยิงตำรวจ แต่ทำให้จรวดถึงรอด และได้ประกันตัวออกมา ซึ่งเรื่องนี้ แป้งถูกหักหลังมาตั้งแต่ต้นแล้ว และตนเองเชื่อว่า แป้ง จะมอบตัวแน่นอน แต่อัยการบอย ต้องได้รับโทษก่อน