จากคดี “เสี่ยแป้ง” ในกรณีชิงตัว “นายจรวด” ทำให้เสี่ยแป้งเป็นนักโทษ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับนายจรวดก็โดนคดีเช่นเดียวกัน

ล่าสุด อัยการสูงสุดชี้ขาดสั่งฟ้อง 8 คน คดีอุ้มรีดเงิน “จรวด”ต่อศาลปราบทุจริต ภาค 9 นัดส่งตัวฟ้อง 22 ธ.ค.นี้ โดยประกอบด้วย

 

1.พ.ต.ต.ฤทธิไกร

2.ร.ต.อ.อภิชาติ

3.ร.ต.อ.วิทยา

4.ด.ต.ฐนนท์ธร

5.ด.ต.นิรัตน์

6.สต.ต.อาณัติ

7.ร.ต.อ.สุรินทร์

8.นายอำพร

 

โดยข้อหาที่ อัยการสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริตภาค 9 ส่งฟ้อง และภายหลังอัยการสูงสุดชี้ขาดให้สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้ง8 คน มีทั้งหมด 6 ข้อหา คือ

 

1.เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ

2.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ทำให้กลัว อันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน /ใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้ปืน ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เรียกค่าไถ่

4.ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นตำรวจ

5.ร่วมกันกรรโชกทรัพย์

6.ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5

 

คดีต้นตอเหตุแป้งแหกการคุมตัวของราชทัณฑ์

เริ่มต้นจากกลุ่มตำรวจภาค 8 หัวหน้าชุดคือ พ.ต.ต.ฤทธิไกร ไปจับนายสิทธิเดช (จรวด) ต่อมานายจรวดโทราพ่อว่าโดนจับกุม ต่อมาพ่อของนายจรวดโทรหาอัยการบอย

 

ต่อมานายแป้งอ้างว่าอัยการบอยโทรหาตนให้ไปชิงตัวนายจรวด อ้างว่านายจรวดโดนอุ้ม และมีรายงานบอกว่าอัยการบอยโทรหาประธานติ่งด้วยเพื่อให้ไปช่วยเหลือนายจรวด ประธานติ่งจึงพาตำรวจไปอีก 2 คนคือจ่าติ๊ก และจ่าสมมิตร จึงไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อไปช่วยนายจรวด แต่มีเพียงเสี่ยแป้งที่ถูกดำเนินคดี

 

เพื่อนเผยจรวดเครียดกลัวเอี่ยวคดีแป้งแล้วถูกจับ ชี้ชาวบ้านกลัว”แป้ง”จึงไม่ให้ข้อมูลนักข่าว เพราะแป้งเคยสั่งลูกน้องมายิงคนที่ไม่ชอบ ยันแป้งเป็นคนเอาจริงและยิงจริง

 

ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของนายสิทธิเดช ทรงเดชะ หรือจรวด ในอ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ซึ่งได้รับการประกันตัวเพียงคนเดียว จากคดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และเป็น 1 ในรายชื่อที่แป้งร้องขอความยุติธรรมจากในคลิปที่ออกแฉ เมื่อเราเดินทางไปถึงบ้านพักไม่พบทั้งนายจรวดและญาติ ซึ่งบ้านปิดเงียบสนิท พบเพียงนายโจ้ (นามสมมติ) เพื่อนของนายจรวดที่อยู่ในบ้านพัก บอกว่า นายจรวดออกจากบ้านพักไปตั้งแต่เช้า เพื่อไปเยี่ยมภรรยาที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งภรรยาของนายจรวดป่วยก่อนที่เสี่ยแป้งจะแหกคุกหนีออกมา

 

หากถามว่าเพื่อนของตนเครียดหรือไม่ เจ้าตัวเครียดมากหลังเกิดเรื่องดังกล่าว โดยเครียดหลายอย่างในตอนนี้ ทั้งกลัวถูกเอี่ยวคดีเสี่ยแป้งแล้วถูกจับเข้าคุก เครียดที่นักข่าวถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว และเครียดที่ภรรยาของตัวเองป่วยหนักในตอนนี้ และหากถามว่าเพื่อนของตนรู้จักกับเสี่ยแป้งได้อย่างไรตนไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้ แต่ในส่วนเหตุการณ์ที่ว่าเพื่อนของตนโดนตำรวจอุ้มไปเรียกค่าไถ่หรือไม่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้จะต้องไปถามกับเจ้าตัวเอง

 

ส่วนตัวเห็นใจเพื่อนตนที่เครียดตอนนี้ถึงแม้ว่าตนจะไม่ทราบข้อเท็จจริงอะไรเลยเกี่ยวกับเพื่อนตนและเสี่ยแป้งก็ตาม ยืนยันว่าหลังเพื่อนของตนพ้นคดี ก็ตั้งใจทำมาหากินเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง เพื่อนของตนเจอเรื่องมาเยอะทั้งพ่อตาเสียและเมียก็มาป่วย สุดท้ายอยากบอกว่าที่ชาวบ้านไม่กล้าให้ข้อมูลกับทีมข่าวเนื่องจากชาวบ้านในละแวกนี้จะทราบพฤติกรรมของแป้งดี เป็นคนเอาจริงและยิงจริง หากให้เขาไปก็กลัวว่าแป้งจะมายิง เพราะก่อนหน้านี้หากใครทำให้แป้งไม่พอใจแป้งก็เคยสั่งลูกน้องมายิงแล้ว

 

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของจ่าติ๊ก ปรากฏว่าจ่าติ๊กลาราชการทั้งหมด 10 วัน เพื่อนร่วมงานแจ้งว่าจ่าติ๊กมีอาการเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงลางาน ขณะเดียวกันทีมข่าวแจ้งว่าอยากให้ประสานจ่าติ๊กออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว เพื่อนร่วมงานตอบเพียงว่ารอจ่าติ๊กออกมาพูดเรื่องนี้เอง เพราะตอนนี้จ่าติกไม่พร้อมชี้แจงอะไรทั้งสิ้น

 

ช่อง 8 ลงพื้นที่จุดเสี่ยแป้ง ชิงตัว “จรวด” ชาวบ้านเผย ได้ยินเสียงปืนหลายนัด นอนอยู่ในบ้านไม่กล้าออกมาดู

 

ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปดูจุด ที่เสี่ยแป้ง และพวก เดินทางบุกมาชิงตัวประกัน คือ นายจรวด จากตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งอยู่บนถนนทางหลวงสายเอเชีย (ขาขึ้น) พื้นที่ หมู่ 7 ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จากการสำรวจพื้นที่พบว่าจุดที่เสี่งแป้งลงมือชิงตัวประกันนั้น อยู่ไม่ใกล้จากยูเทิร์นกลับรถ และอยู่ห่างจากหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงจังหวัดพัทลุงเพียง 500 เมตรเท่านั้น

 

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถาม ลุงรัตน์ (นามสมมุติ) ชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงคืนวันเกิดเหตุเมื่อ 4 ปีก่อน เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ขณะนั้นตนเองนอนพักอยู่ภายในบ้าน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนยิงสนั่นหวั่นไหว นับไม่ได้ว่ากี่นัด ดังมาจากบริเวณหน้าบ้านใกล้กับยูเทิร์นกลับรถ ด้วยความตกใจตนเองจึงไม่ได้ออกมาดู จากนั้นเสียงปืนก็เงียบหาย

 

ต่อมารุ่งเช้าได้มีตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตนเองจึงทราบว่า เกิดการชิงตัวประกันกันเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายที่ถูกชิงตัวประกันเป็นตำรวจจากภูธรภาค 8

 

ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุ ในขณะนั้น ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว ถึงแม้จะเป็นถนนทางหลวงสายหลัก แต่แสงไฟบริเวณจุดเกิดเหตุนั้น ยังไม่มีการติดตั้ง ทำให้ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง โดยจุดดังกล่าวมักเป็นจุดนัดแข่งมอเตอร์ไซค์กันอยู่บ่อยๆ

 

ส่วนในวันเกิดเหตุตนเองอยู่ภายในบ้านกลัวเสียงปืนจึงไม่ได้ออกมาดูว่า มีรถทั้งหมดกี่คัน หรือ เสี่ยแป้งอยู่ในเหตุการณ์จริงหรือไม่

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวยังเดินทางไปยังจุดที่นายจรวด ถูกตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 8 จับกุม และเชิญตัวขึ้นรถเพื่อนำไปขยายผลยาเสพติดต่อ โดยจุดดังกล่าว อยู่บริเวณหน้าบ้านแม่ของนายจรวด ในพื้นที่ ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง ตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏเป็นข่าว จุดนี้อยู่ห่างจากจุดที่ตำรวจภูธรภาค 8 ถูกกลุ่มเสี่ยแป้งชิงตัวประกัน ประมาณ 15 กิโลเมตร

 

จากการสำรวจพบว่า จุดดังกล่าว เป็นถนนทางหลวงชนบท และเป็นบ้านของเครือญาติของนายจรวดทั้งสิ้น

 

ไสว” ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ประจำจังหวัดพัทลุง เผยเหตุการณ์ตำรวจคุมตัวจรวดจากบ้านพัก พ่อจรวดตั้งข้อสงสัยอุ้มรีดทรัพย์ 1.5 ล้าน ซึ่งตนเป็นนักข่าวได้ตรวจสอบหลักฐาน ไม่พบว่ามีตำรวจลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้ว่าจะไปรวบตัวนายจรวด คล้ายข้ามขั้นตอนดำเนินการ

 

นายไสว รุยันต์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ประจำจังหวัดพัทลุง ยังเล่าต่อว่า สำหรับประเด็นเหตุการณ์ตำรวจอุ้ม นายจรวดเพื่อเรียกค่าไถ่ ก่อนที่ประธานติ่ง อัยการบอยจะมีการเรียกเสี่ยแป้งให้เข้าไปช่วยเหลือในการชิงตัวผู้ต้องหาคือนายจรวด เหตุการณ์ครั้งนั้นตนก็เป็นคนที่ไปทำข่าว โดยคืนที่นายจรวดถูกตำรวจอุ้มตนยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนทราบว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าววันถัดมาที่อัยการบอยไปแจ้งความ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ไปแจ้งความเช่นกัน

 

แต่ในส่วนข้อเท็จจริงจะมีการอุ้มนายจรวดเพื่อเรียกค่าไถ่หรือไม่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ตนได้มีการพูดคุยกับแป้งในช่วงที่อัดคลิปวิดีโอแป้งยืนยันว่าเกิดจากสาเหตุนี้จึงแหกคุกแล้วหนีออกมา

 

แล้วล่าสุดที่ทางอัยการมีการสั่งฟ้องตำรวจที่ไปอุ้มในจรวดในวันดังกล่าว ยืนยันว่าตอนที่ตนไปทำข่าวตนไม่ได้มีการไปสัมภาษณ์ตำรวจคุมตัวนายจรวดไปจึงไม่มั่นใจว่าเป็นเหตุการณ์อุ้มหรือนำตัวไปขยายผลคดียาเสพติด เพราะตำรวจหลบสื่อไม่ให้สัมภาษณ์  ตนจึงตามไปสัมภาษณ์พ่อของนายจรวด ซึ่งยืนยันว่านายจรวดถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ประมาณ 2 ล้านบาท แต่มีการต่อรองจนเหลือ 1.5 ล้านบาท

 

ส่วนตัวมองว่าทุกครั้งที่ตำรวจจะมีการคุมตัวผู้ต้องหาในคดีเพื่อไปขยายผลต่อ ตำรวจจะมีการลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้ก่อนทุกครั้งว่ามาเอาตัวผู้ต้องหาก่อนที่จะไปรวบตัวผู้ต้องหา แล้วลงบันทึกว่าจะเอาตัวไปสอบตรงนั่นตรงนี่ แต่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นตนได้มีการตรวจสอบพบว่าทางชุดจับกุมไม่ได้มีการลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้ก่อนที่จะไปจับกุมนายจรวดที่บ้านพัก ก็ทำให้พ่อของนายจรวดเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการไปเพื่อรีดทรัพย์จริงหรือไม่

 

ในส่วนจดหมายที่แป้งเขียนแล้วส่งให้ทนายความตนไม่ทราบข้อมูลเรื่องนี้ และไม่ขอพูดถึงประเด็นนี้เนื่องจากไม่ทราบข้อมูล ส่วนความสัมพันธ์ประธานติ่งกับแป้ง และอัยการบอยกับแป้ง ตนไม่ทราบเพราะแป้งไม่ได้เล่าอะไรให้ตนฟัง

 

จรวดเครียดหวั่นถูกตามเก็บปิดบัญชีแค้น ถอดบทสัมภาษณ์พ่อยันถูกเรียกเงินจริงขอโทษทำแป้งซวย