จากกรณีที่มีคลิป “แป้ง นาโหนด” ถูกเผยแพร่ออกมาในคลิปมีการตัดพ้อถึงการที่เจ้าตัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกหักหลังจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ได้วางแผนหนีจากเรือนจำ โดยแป้งอ้างว่า ต้องการออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองและนักโทษกว่า 393 ราย

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 เป็นช่องเดียวที่ได้เดินทางไปที่เรือนจำกลางจังหวัดพัทลุง โดยติดต่อขอเข้าพบกับนายอนุสรณ์ มณีแดง ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดพัทลุง เพื่อขออนุญาติเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่เสี่ยแป้ง ได้ส่งจดหมายร้องทุกข์ กล่าวหาว่า ผบ. เรือนจำ มีการบริหารและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย 2 ประเด็น คือ

 

  1. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดพัทลุงได้ทำร้ายนักโทษจำนวน 2 คน โดยเสี่ยแป้งอ้างในจดหมายว่า เป็นญาติของเสี่ยแป้ง

 

  1. เรือนจำกลางจังหวัดพัทลุงขายสินค้าเกินที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด

จากหนังสือร้องเรียนของเสี่ยแป้งทีมข่าวได้พยายามตรวจสอบ และขอพูดคุยกับ นายอนุสรณ์ มณีแดง ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดพัทลุง โดย ผบ.เรือนจำ ได้ให้ความร่วมมือกับทีมข่าวไปอย่างดี พร้อมกับชี้แจงว่า

 

กรณีที่ 1. เรื่องราคาสินค้าในเรือนจำขายเกินราคานั้น ผบ.เรือนจำ อธิบายว่า ที่ผ่านมาตนเองมีการตั้งคณะกรรมการสำรวจราคาสินค้าจากร้านค้าขายของชำในพื้นที่ใกล้เรือนจำ จำนวน 3 ร้าน เพื่อนำราคามาเปรียบเทียบ ว่า ราคาสินค้าในเรือนจำ จะต้องมีราคาไม่แพงกว่า ราคาขายของชำทั่วไป หรือ ราคาเท่ากับร้านค้าของชำ โดยจะมีการสำรวจราคาทุกๆ 3 เดือน

 

ส่วนกรณีที่เสียแป้งได้ส่งจดหมายร้องเรียนเรื่อง นมกล่องแล็คตาซอย และกาแฟ ที่เรือนจำขายเกินราคานั้น ซึ่งนมกล่องแล็คตาซอยในเรือนจำขายกล่องละ 13 บาท หลังจากเสี่ยแป้งได้ส่งจดหมายร้องเรียน ตนเองได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที

 

และจากการตรวจสอบพบว่า ช่วงเวลานั้น สินค้าอย่างนมแล็คตาซอย ร้านค้าในพื้นที่จำนวน 3 ร้านค้า มีการปรับราคาขึ้น จาก 12 เป็น 13 บาท ทำให้ทางเรือนจำ จำเป็นต้องปรับราคาขึ้นตาม โดยราคานมกล่องที่ปรับขึ้น 13 บาท จากการตรวจสอบพบว่า มีการขาย 13 บาท อยู่จำนวน 10 วัน

 

จากนั้นเมื่อตนเองได้รับข้อร้องเรียน จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และตนเองได้สั่งการให้มีการปรับราคานมกล่อง จาก 13 บาท ลดลงเป็น 12 บาท เท่าเดิมทันที เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ต้องขัง

 

ส่วนราคาสินค้าชนิดอื่นที่เสี่ยแป้งมีการระบุ ว่า ภายในเรือนจำมีการขายสินค้าเกินราคาทุกอย่าง ไม่เป็นเรื่องจริง และยินดีที่จะให้ทีมข่าวช่อง 8 เข้าไปตรวจสอบภายในสหกรณ์ของเรือนจำว่า ไม่มีสินค้าใดที่ขายแพงเกินกว่าราคา

 

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้รับการอนุญาติจาก ผบ.เรือนจำให้เข้าไปสำรวจร้านค้าภายในเรือนจำที่นักโทษซื้อขาย จากการตรวจสอบราคาสินค้าของทีมข่าว พบว่า ราคานมกล่องแล็ค ตาซอย ล่าสุด เรือนจำขายอยู่ที่ กล่องละ 12 บาท , กาแฟ ซองละ 5 บาท , สบู่นกแก้ว ก้อนละ 15 บาท , แป้งแคร์ 1 กระป๋อง 43 บาท , มาม่าคัพ 15 บาท , น้ำขวด 1.5 ลิตร 12 บาท , บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซองละ 7 บาท ,ปากกา 5 บาท โดยสินค้าที่จำเป็นส่วนใหญ่ ราคาเท่าไม่ต่างจากร้านค้าโชห่วยทั่วไปมากนัก บางอย่างราคาเท่ากับตามท้องตลาด

 

ส่วนกรณีที่ 2 เรื่อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีการทำร้ายร่างกายนักโทษ ซึ่งเป็นญาติของเสี่ยแป้ง 2 คน ผบ.เรือนจำ ชี้แจงว่า นโยบายของตนเองที่เข้ามารับตำแหน่ง ผู้บัญชาการเรือนจำนั้น ผมไม่เคยต้องการให้มีการทำร้ายร่างกายนักโทษอยู่แล้ว ผมไปรับตำแหน่งที่ไหนผมจะบอกเจ้าหน้าที่เสมอว่า “ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านทำงานโดยอิงระเบียบเข้าไว้ เอาหลังชนระเบียบเข้าไว้ ซึ่งหากทุกคนอิงระเบียบเข้าไว้ จะไม่เกิดปัญหา”

 

ส่วนการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังเจ้าหน้าที่สามารถทำร้ายผู้ต้องขังได้มีไม่กี่ทาง เช่น หากผู้ต้องขังก่อเหตุทะเลาะวิวาท เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องระงับเหตุ ส่วนนักโทษ 2 คน ที่เสี่ยแป้งเขียนหนังสือร้องเรียนมานั้น ตนเองไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีการทำร้ายนักโทษทั้ง 2 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือไม่มีเหตุผล เพราะตนเองก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เพราะทุกวันนี้นโยบายมีการตรวจสอบที่เข้มงวดมากอยู่แล้วและเรื่องดังกล่าวได้มีการส่งเรื่องไปตรวจสอบแล้ว

 

นอกจากนี้ ผบ.เรือนจำ ยังได้ชี้แจงถึงประเด็นภาพถ่ายที่ตนเองได้ถ่ายรูปร่วมกับ ”อัยการบอย“ ด้วยว่า ตนเองยอมรับว่า พอรู้จักกับอัยการบอยจริง แต่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกันเลย ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบกับ อัยการบอย 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเจอกันที่เลี้ยงผู้ใหญ่นานมาแล้ว คนในงานแนะนำให้รู้จัก แต่ไม่มีการพูดคุยกัน

 

ส่วนครั้งที่ 2 คือครั้งที่ปรากฎเป็นข่าว ที่มีภาพ ซึ่งครั้งนั้น ตนเองได้รู้จักนายตำรวจท่านหนึ่ง และนายจักร หน้าราม โดยได้ชวนกันไปกินข้าว โดยนั่งกินข้าวกันก่อน 3 คน จากนั้น ทั้ง 2 คน ซึ่งสนิทกับอัยการบอย ได้โทรศัพท์หาอัยการมากินข้าวด้วย อัยการบอยจึงเดินทางมาทีหลัง

 

ซึ่งในวันนั้นมีการพูดคุยกันได้ไม่นาน เนื้อหาที่พูดคุยกับอัยการบอย มีเพียงเรื่อง การเลื่อนชั้นผู้ต้องขัง ซึ่งอัยการบอย เป็นคณะกรรมการ ในการพิจารณาเลื่อนชั้นผู้ต้องขัง เรือนจำที่จังหวัดสงขลา เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันเท่านั้น ซึ่งไม่มีการพูดถึงตัวเสี่ยแป้งเลยด้วยซ้ำ โดยภาพดังกล่าวถูกถ่ายเมื่อ 13 ตุลาคม 66 ก่อนที่เสี่ยแป้งจะหลบหนี

 

ส่วนกระแสข่าวที่กรมราชทัณฑ์เป็นต้นเหตุที่ทำให้นักโทษชายแป้งหลบหนี ตนเองไม่เคยคิดปฎิเสธ และน้อมรับผิดมาโดยตลอด ซึ่งตนเองก็รู้สึกไม่สบายใจ และเสียใจเช่นกันที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และยืนยัน เหตุผลที่ตนเองได้ทำเรื่องย้ายนักโทษชายแป้ง ไปที่เรือนจำนครศรีธรรมราช ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือ แป้ง เพื่อหลบหนีแน่นอน และที่ผ่านมาแป้ง พยายามทำเรื่องของกลับมาอยู่เรือนจำพัทลุงด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุผลสำคัญที่มีเหตุที่ต้องย้ายแป้งไป ก็เพราะ แป้งค่อนข้างมีอิทธิพลภายในเรือนจำพัทลุงมาก

 

สำหรับเรือนจำกลางพัทลุง มีนักโทษชายทั้งหมด 1,500 กว่าคน นักโทษหญิงประมาณ 200 คน รวม 1,700 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณธ์เพียง 72 คน หรืออัตราส่วน 1 ต่อ 23 คน และมีแดนขังนักโทษเพียง 1 แดน ซึ่งค่อนข้างแออัด ซึ่งปัญหาเมื่อเรือนจำมีแดนเดียย ทำให้นักโทษชายพันกว่าคน จะเดินถึงกันหมด และจะขยายอิทธิพลได้มาก ทำให้ ล่าสุด เรือนจำพัทลุง ได้มีการสร้างเรือนจำแห่งใหม่ถึง ซึ่งจะแบ่งแดนนักโทษเป็น 11 แดน ซึ่งในอนาคตจะสามารถแยกนักโทษได้ง่ายขึ้น และจะทำให้ง่ายในการปกครอง

ที่แรก! เปิดเรือนจำพัทลุงพิสูจน์คำครหาแป้ง ผบ.แจงสัมพันธ์อัยการบอย-ขายของโก่งราคา