ตำรวจยึดอาวุธปืน HK 33 พร้อมกระสุนจากบ้านลูกน้อง” เสี่ยแป้ง” เตรียมส่งตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์เป็นปืนที่เสี่ยแป้งยิงในวันปะทะหรือไม่
วันนี้ทางตำรวจได้นำของกลางมาแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ที่ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีออกมาจากเทือกเขาบรรทัด โดยของกลางที่นำมาแถลงมี 1.อาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56*45 มม. ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 1 กระบอก , 2. ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราพร้อมใช้อีกจำนวน 5 ซอง และกระสุนปืนขนาด 5.56*45 มม. จำนวน 142 นัด
โดยอาวุธดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ สืบภาค9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทลุงเปิดปฏิบัติการจู่โจมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย4 จุด ในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและอีก 1 จุดในพื้นที่จังหวัดสตูล ซึ่งสามารถยึดอาวุธปืนและกระสุนปืนได้ช่วงเช้าที่ผ่านมา
แต่จากข้อมูลทีมที่ปะทะกับเสี่ยแป้งบนเขาในวันที่ 8 พฤศจิกายน ก็ให้ข้อมูลตรงกันว่า ลูกกระสุนปืนที่ยึดมาได้ในวันนี้สามารถใช้กับปืนเล็กยาวเค33 ได้ ที่เสี่ยแป้งใช้เป็นอาวุธในวันปะทะ ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดเรื่องลูกกระสุนปืนและปืนที่ยึดมาได้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใช้เวลากี่วัน
วันที่ 30 พ.ย. 66เวลา06.00น .พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. นำกำลังตำรวจจาก กก.6 บก.ป.ประสานกับกก.สส.ภ.จ.สตูลเข้าตรวจค้นร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในซอยปานชูรำลึก ต.พิมาน อ.เมืองสตูล จ.สตูล และตรวจยึดรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียน ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำผิดอาญาและตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ1เครื่อง พร้อมนำตัวนายอัชฮัร เจ้าของรถคันดังกล่าว นำส่ง พงส.สภ.ตะโหมด จ.พัทลุงเพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป
ซึ่งตามแนวทางสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถกรุยทางหรือนำทางนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้งผู้ต้องหารายสำคัญที่ตำรวจกำลังไล่ล่าอยู่ในขณะนี้ ไปลงเรือที่ท่าเรือแถวบ้านบากันโต๊ะทิด ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล และออกสู่ทะเลอันดามันเพื่อเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หลังควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ได้นำนายอัชฮัร ไปสอบปากคำที่ สภ.ตะโหมดต่อไป โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดชนิดเมทแอมเฟตามีน
ด้านพล.ต.ต.อนุราช จิตศีล ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 9 บอกว่า ในส่วนอาวุธทั้งหมดที่ยึดมาวันนี้ จะนำส่งตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่ศูนย์พิสูจน์ภาค 9 ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่า ปืนเล็กยาว HK 33 ที่ยึดได้ที่บ้านพักของนายสุเชษฐ์ ผู้ต้องหา จะเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่เสี่ยแป้งใช้ปืนเล็กยาว HK 33 ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ก่อนหลบหนีพร้อมอาวุธปืนเป็นปืนเดียวกันหรือไม่ ต้องตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอให้แน่ชัดในส่วนนี้
ต้องหา 4 ราย ปฏิเสธไม่รู้จัก-ไม่ได้พา”เสี่ยแป้ง” หนีลงเทือกเขาบรรทัด ผู้ต้องหาไม่ได้มีท่าทีเครียด มีท่าทีสบายอย่างไม่กังวล และยิ้มขณะสอบปากคำในห้อง
วันนี้ตำรวจกองปราบร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนชุดตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง และชุดตำรวจภูธรภาค9 รวบตัวผู้ต้องหา 4 ราย ที่ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากเทือกเขาบรรทัด คือ นายอัซฮัร อายุ 30 ปี, นายทนงศักดิ์ อายุ 50 ปี, นายสืบศักดิ์ อายุ 38 ปี อ., และนายสุเชษฐ์ อายุ 39 ปี
โดยทั้ง 4 คนถูกแจ้งข้อหา ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกลุ่ม ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกคุมตัวมาสอบปากคำเข้มที่สภ.ตะโหมด และมีพิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนส่งฝากขังศาลจังหวัดพัทลุงในวันนี้
จากข้อมูลของตำรวจเบื้องต้นระบุว่า ทั้งสี่คนที่รวบตัวมาวันนี้ แบ่งหน้าที่ในการพาเสี่ยแป้งหลบหนีจากเทือกเขาบรรทัด โดยขี่รถจักรยานยนต์ไปรับแป้งลงจากตีนเขา , ขับรถเก๋งนำแป้งไปยังจ.สตูล , และขับรถกระบะนำทางรถเก๋งพี่แป้งนั่งอยู่ขณะอยู่ในพื้นที่จ.สตูล , และมีคนประสานงาน โดยขบวนการทั้งหมดมี 5 คน จับได้แล้ว 4 คน ซึ่งอีก 1 คน ที่หลบหนีอยู่คือนายโจ มีหน้าที่เป็นคนประสานงานในทีม
ขณะที่ตำรวจนำผู้ต้องหามาสอบปากคำที่สภ. ตะโหมด ทีมข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงกับ นายสุเชษฐ์ อายุ 39 ปี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดย เจ้าตัวมีสีหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลา เมื่อเราสอบถามว่ารู้จักกับเสี่ยแป้งมานานหรือไม่ นายสุเชษฐ์ไม่ได้ตอบคำถามที่ทีมข่าวถามแต่เพียงส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักเท่านั้น และไม่ตอบคำถามที่ทีมข่าวได้สอบถามอีก
ขณะที่นายทนงศักดิ์ อายุ 50 ปี ได้ออกมาจากห้องสอบปากคำชั่วคราว เราก็พยายามที่จะสอบถามข้อเท็จจริง โดยสอบถามว่าอยากจะชี้แจงอะไรหรือไม่ที่ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีจากเขา เจ้าตัวตอบเพียงว่า “ไม่รู้ๆๆ” ก่อนเข้าห้องสอบปากคำไป ซึ่งสังเกตเห็นว่านายทนงศักดิ์ไม่ได้มีท่าทีที่เครียดแต่มีท่าทีที่เรียบเฉยและปกติ และระหว่างที่สอบปากคำอยู่นายทนงศักดิ์ก็ไม่ได้มีท่าทีเครียดและบางครั้งก็ยิ้มออกมา
ต่อมาตำรวจได้คุมตัวนายสืบศักดิ์ อายุ 38 ปี มาสอบปากคำ เมื่อเห็นทีมข่าวนายสืบศักดิ์รีบเดินเข้าห้องสอบปากคำทันที ระหว่างนั้นทีมข่าวได้มีการสอบถามว่ารู้จักกับเสี่ยแป้งมานานหรือไม่ ทางนายสืบศักดิ์ตอบมาว่า “ไม่รู้จัก” เมื่อนายสืบศักดิ์เข้าไปในห้องสืบสวนพบว่าระหว่างที่ให้ปากคำตำรวจไม่ได้มีท่าทีเครียด มีท่าทีสบายๆ แล้วก็ยิ้มไม่กังวล
และในส่วนนายอัซฮัร อายุ 30 ไม่ได้ออกมาจากห้องสอบปากคำซึ่งเจ้าตัวพยายามที่จะหลบกล้องทีมข่าวและไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร
ต่อมาช่วงเย็นวันนี้ทางตำรวจสภ.ตะโหมด ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายคือ นายอัซฮัร, นายทนงศักดิ์, นายสืบศักดิ์, และนายสุเชษฐ์ ขึ้นรถฝากขังผู้ต้องหาเพื่อนำตัวส่งฝากขังที่จังหวัดพัทลุง ระหว่างที่รอนำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่รายขึ้นรถไปฝากขังปรากฏว่ามีญาติของผู้ต้องหาที่มารอประกันตัวบนโรงพัก โดยมีการเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวไว้แต่ไม่เปิดเผยจำนวน ซึ่งญาติผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับทีมข่าว โดยทางตำรวจแจ้งญาติของว่าให้ตามไปยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ศาลจังหวัดพัทลุง ส่วนที่จะได้รับประกันตัวหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล
ต่อมาตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายขึ้นรถฝากขังผู้ต้องหา ทีมข่าวได้พยายามสอบถามนายทนงศักดิ์ ว่ารู้จักกับเสี่ยแป้งนานหรือไม่และมีส่วนร่วมในการช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีจริงหรือไม่ ซึ่งทาง นายทนงศักดิ์สายหน้าและบอกว่า “ขอปฏิเสธเพราะไม่ได้มีส่วนร่วมพาหนี” ก่อนจะขึ้นรถไป
ในขณะที่เรายังได้สอบนายสุเชษฐ์ ขณะที่ขึ้นรถฝากขังผู้ต้องหาแล้ว เพื่อถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวไม่ปริปากบอก มีเพียงส่ายหน้าว่าไม่ได้ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีจากเทือกเขาบรรทัดเท่านั้น จากนั้นตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายออกจากโรงพักแล้วมุ่งหน้าไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทลุงทันที
ทีมข่าวได้ไปตรวจสอบช่องทางโซเชียลของนายสืบศักดิ์ 1 ใน คนที่เจ้าหน้าที่ฝากขัง เจ้าตัวได้มีการโพสต์ภาพอยู่กับเสี่ยแป้ง และมีโพสต์ข้อความว่า ขอบคุณเพื่อนแป้งทุกๆเรื่องครับ ขอให้เป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนพึ่งพิงได้ และมีการถ่ายภาพร่วมกับตำรวจหญิง ที่เคยร่วมเฟรมกับเสียแป้งอีกด้วย
โดยคำตอบจากปากผู้ต้องหา ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้จักเสี่ยแป้ง ส่วนนายสุเชษฐ์ไม่ตอบคำถาม