เพื่อนตำรวจอึ้ง “รอง ผกก.” ชื่อโผล่จดหมายร้องเรียนแป้ง แฉถูกเรียกรับเงิน 5 หมื่น แลกปล่อยตัวคดีอาวุธปืน
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้พยายามโทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.ท. ศ จำนวนหลายสาย แต่ไม่มีใครรับสาย จากนั้นได้เดินทางไปที่ สภ.ควนขนุน เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่พบตัว พ.ต.ท.ศิรักษ์ พบเพียงแต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ควนขนุน ซึ่งเป็นลูกน้อง ระบุว่า ชื่อของ พ.ต.ท. ศ ไปปรากฏในจดหมายของเสี่ยแป้งที่ร้องเรียนว่า เรียกรับเงินจากเสี่ยแป้ง คดีอาวุธปืน จำนวน 5 หมื่นบาท เพื่อแลกการปล่อยตัวนั้น พวกตนเองก็เพิ่งทราบข่าว และค่อนข้างตกใจ แต่ก็อยากให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท. ศ ด้วย เพราะอาจจะถูกใส่ร้าย หรือ เข้าใจผิดกันก็ได้ ขอสังคมอย่าพึ่งด่วนตัดสิน
ลูกสาว ดาบตำรวจ เผยพ่อเพิ่งออกลาจากตำรวจ ไม่เครียดมีชื่ออยู่ในจดหมายแป้ง
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งคนที่ทีมข่าวได้เดินทางไปบ้าน คือ ดาบตำรวจอีก 1 ตำรวจ ที่มีชื่อถูกระบุในจดหมายของเสี่ยแป้ง โดยดาบแจ้มีหน้าที่ไปรับเงินจากเสี่ยแป้ง จำนวน 50,000 บาท เพื่อนำไปให้ พ.ต.ท. จึงได้นำอาวุธปืนที่จับเสี่ยแป้งได้ ส่งให้ดาบเพื่อคืนไปยังเสี่ยแป้ง
เมื่อไปถึงบ้านทีมข่าวได้พบกับลูกสาวของดาบตำรวจ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า พ่อไม่อยู่บ้าน และตนเองตอนนี้ก็ติดต่อพ่อไม่ได้เหมือนกัน ส่วนข่าวที่มีชื่อพ่อถูกระบุในจดหมายของเสี่ยแป้งว่าเรียกรับเงินร่วมกับนายตำรวจนายหนึ่งนั้นโดยรีดไถ่เงินจากเสี่ยแป้ง โดยตนเองไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และที่ผ่านมาตนเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าพ่อสนิทสนมกับเสี่ยแป้งมากน้อยขนาดไหน
ทีมข่าวถามต่อว่า กังวลหรือไม่ที่มีชื่อพ่อในจดหมายของเสี่ยแป้ง ลูกสาวให้ข้อมูลว่า พ่อน่าจะไม่ได้กังวลอะไรนัก เพราะพ่อก็ออกจากตำรวจมาแล้ว และพ่อไม่ได้ตัดพ้ออะไรให้ฟัง
พ่อรับราชการเป็นตำรวจได้ 28 ปีมาแล้ว และเพิ่งลาออกจากราชการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง ส่วนเหตุผลทีลาออก ยอมรับว่า ที่ผ่านมาพ่อค่อนข้างน้อยใจเรื่องการทำงาน เพราะก่อนหน้านี้ พ่อก็เคยถูกเพ่งเล็งเรื่องคดี แม่ค้าหอย คดีดังเมื่อปี 63 ไปแล้ว และถูกย้ายไปอยู่ที่จังหวัดสตูล ก่อนที่จะขอหยุดเป็นตำรวจ แต่เวลาสอบถามพ่อ พ่อบอกว่า อยากลาออกมาเลี้ยงหลานเท่านั้น
สำรวจร้านชำเทียบราคากับสินค้าในราชทัณฑ์
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านขายของชำ อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งทาง น.ส.น้ำ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านให้ข้อมูลว่าราคาสินค้าในร้านถ้าเทียบกับราคาที่ขายในสหกรณ์ในเรือนจำที่ผู้สื่อข่าวนำมาให้ดูพบว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่ในร้านจะแพงกว่าในสหกรณ์ เช่น สบู่ขิงที่ร้านขาย 15 บาทแต่ในสหกรณ์ขาย 11 บาท โฟมล้างหน้าในร้านขาย 35 บาท ในสหกรณ์ขาย 25 บาท นมกล่องแล็กตาซอยในร้านขาย 18 บาท ในสหกรณ์ขาย 12 บาท
แต่ก็มีบางรายการที่ในสหกรณ์แพงกว่า เช่น ยาสระผมที่ร้านขาย 20 บาท แต่ในเรือนจำขาย 25 บาท เป็นต้นเหตุผลก็เป็นเพราะว่าทางร้านต้องคิดราคาค่าขนส่งเพิ่ม ส่วนที่สหกรณ์ในเรือนจำน่าจะเป็นการดีลนำสินค้าเข้ามาขายต่อเดียวจึงสามารถขายในราคาถูกกว่าได้
กรมราชทัณฑ์รับจะตรวจสอบสามประเด็น ของผู้ต้องขังที่ฝาก เสี่ยแป้งนาโหนด ร้องเรียน
นายสมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง ข้อร้องเรียน 3 ใน 7 ข้อนี้ ได้แก่ 1.ผู้ต้อง 393 คน ร้องเรียนถูกตำรวจในพื้นที่รีดไถ, ราคาสินค้าในกรมราชทัณฑ์ และ ผู้ต้องหาถูกซ้อมภายในเรือนจำนครศรีธรรมราช 2 คนนั้น เป็นจดหมายฉบับแรก ที่ผู้ต้องขังรายหนึ่งเขียนร้องเรียน แต่มาชื่อนายแป้งลงชื่อเป็นพยาน นั้นว่า ทั้ง 3 ประเด็น โดยเฉพาะร้องเรียนขายสิ้นค้าแพงในเรือนจำกลางพัทลุงมีการขายสินค้าแพงกรมราชทัณฑ์มีขั้นตอนระเบียบการขายสินค้าให้กับผู้ต้องขังโดยการวางระเบียบไว้ว่าจะไม่มีการขายเกินราคาท้องตลาดและต้องมีการเปรียบเทียบราคาผู้ค้าระหว่างเรือนจำใกล้เคียงทุกสามเดือน ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรือนจำกลางพัทลุงทางกรมราชทัณฑ์จะมีการลงไปตรวจสอบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้นจริงจะผิดระเบียบ
ส่วนเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 393 ที่ระบุว่ามีการรีดไถของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางกรมราชทัณฑ์จะลงไปสืบข้อเท็จจริงว่าจำนวน 393 คนปัจจุบันมีที่ไปที่มาอย่างไรมีจำนวนอยู่หรือไม่
ส่วนอีกสองรายที่อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายในปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีการปรับปรุงกำหนดเงื่อนไขการดำเนินงานโดยเฉพาะการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังและเรื่องของทรมานการทำร้ายร่างกายยกระดับการปฏิบัติขึ้นมาหลายปีแทบจะไม่มีและมีการตรวจสอบจากบุคคลภายนอกไม่ว่าจะเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินทางกระทรวงหรือกรมเองก็การตรวจสอบหากมีกรณีการทำร้ายทั้งหลายเกิดขึ้นก็จะมีการดูในเรื่องข้อเท็จจริงต่อไป