เปิดใจ “ไสว” ยันเป็นนักข่าวไม่เข้าข้างจนท.รัฐและ”แป้ง” ชี้ตร.เรียกสอบสัปดาห์นี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายไสว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ประจำจังหวัดพัทลุง เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ถึงหลายประเด็นที่เกิดขึ้นตอนนี้
ประเด็นแรกไทม์ไลน์ที่แป้งติดต่อมาหาตน วันแรกคือ 22 พ.ย. แป้งแอดไลน์มาหาตน โดยใช้รูปโปรไฟล์บัญชีไลน์เป็นรูปดอกไม้ แล้วทักมาหาตนว่า “สบายดี” ก่อนจะลบข้อความและลบบัญชีไลน์ออกไป
ต่อมา 23 พ.ย. แป้งก็แอดไลน์มาหาตนอีกครั้งโดยใช้รูปโปรไฟล์บัญชีไลน์เป็นรูปเสือ แล้วแป้งก็โทรไลน์หาตน มีลักษณะคล้ายอยากจะระบายอะไรกับตน แต่แป้งพูดเพียงว่าถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวติดต่อพี่อีกครั้ง ขอตั้งหลักก่อน จากนั้นก็วางสาย
วันเดียวกันแป้งก็โทรมาบอกว่า ให้ตนเองตั้งคำถาม ว่าอยากรู้อะไร ตนเองก็เลยถามเรื่องสาเหตุที่ หนีออกจากเรือนจำ เขาก็บอกเรื่องของความไม่เป็นธรรม ตนเองเลยขอให้โฟนอิน แต่แป้งบอกขอตั้งหลักก่อน แต่สุดท้ายแป้งขอไม่โฟนอินเพราะหวั่นเรื่องความปลอดภัยของตนเอง แล้วก็ยกเลิกบัญชีไลน์
จนกระทั่ง 24 พ.ย. แป้งก็แอดไลน์มาหาตนอีกครั้งโดยใช้รูปโปรไฟล์บัญชีไลน์เป็นรูปเสื้อแล้วแป้งก็อัดคลิปวีดีโอคลิปแรกส่งมาให้ตน ช่วง 17.00 น. ตนจึงส่งคลิปแป้งให้สำนักข่าวที่ตนสังกัดอยู่ และพอตกดึกแป้งก็ส่งคลิปวีดีโอคอลที่สองมาให้ตน ช่วง 24.00 น. ตนก็ส่งให้สำนักข่าวที่ตนสังกัดอยู่ และสำนักข่าวนำไปเผยแพร่คลิปสองในวันที่ 25 พ.ย.
ฝากขังผู้ต้องหา 4 ราย ยังคงปฏิเสธไม่ได้ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนี
ช่วงเย็นวันนี้ทางตำรวจสภ.ตะโหมดได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายคือ นายอัซฮัร, นายทนงศักดิ์, นายสืบศักดิ์ และนายสุรเชษฐ์ ขึ้นรถฝากขังผู้ต้องหาเพื่อนำตัวส่งฝากขังที่จังหวัดพัทลุง ระหว่างที่รอนำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่รายขึ้นรถไปฝากขังปรากฏว่ามีญาติของผู้ต้องหาที่มารอประกันตัวบนโรงพัก โดยมีการเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวไว้แต่ไม่เปิดเผยจำนวน
พี่ชายยันไม่รู้จัก 4 ผู้ต้องหาที่ถูกจับวันนี้ เชื่อน้องอาจปล่อยคลิปอีกหากไม่ได้รับความยุติธรรม
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านพักของนายกษิดิ์ชาติ พี่ชายแป้ง เพื่อพูดคุยหลายประเด็นที่เกิดขึ้น โดยพี่พงษ์ พี่ชายแป้ง บอกว่า ประเด็นแรกที่มีการจับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ที่ร่วมกันช่วยน้องชายตนหนีออกจากเทือกเขาบรรทัดหลังจากปะทะกับเจ้าหน้าที่ ส่วนตัวไม่รู้จักกับทั้ง 4 รายที่ถูกจับและไม่ทราบว่าทั้ง 4 รายรู้จักกับน้องตนได้อย่างไร
ประเด็นที่สอง ตนได้ดูคลิปที่สามที่น้องชายตนได้อัดวิดีโอและออกมาแฉเรื่องความไม่เป็นธรรมที่ผู้ต้องหาในคดีชิงตัวนายจรวดได้รับการประกันตัวเกือบทั้งหมดเนื่องจากยกเว้นน้องชายที่ไม่ได้รับการประกันตัวคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก่อนติดคุกน้องก็ระบายความอัดอันตันใจให้ฟังอยู่บ่อย ตนเชื่อว่าน้องชายอาจจะมีการอัดคลิปวิดีโอแล้วปล่อยคลิปออกมาแฉเรื่อยๆ หากน้องยังมองว่าตัวน้องยังไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ตนก็การันตีไม่ได้ว่าจะมีอีกกี่คลิปคงอยู่ที่ตัวน้องชายว่าคิดอย่างไร
ประเด็นที่สาม ศาลพัทลุงออกหมายจับน้องชายเพิ่มอีก 1 คดี ส่วนคดี ร่วมกันมีอาวุธปืน แบบที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หรือเหตุจำเป็นเร่งด่วนสมควรแก่พฤติกรรม ในส่วนนี้ตนไม่อยากแสดงความคิดเห็นเนื่องจากตนไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานอะไรรวมทั้งมีการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร
ย้อนคดีเก่า 2 ปีก่อน ชายปริศนานั่งท้ายกระบะใช้ปืนสงครามรัวสนั่นถนนในหมู่บ้าน
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ย้อนกลับไปยังจุดที่เกิดเหตุ หลังล่าสุดตำรวจมีการออกหมายจับเสี่ยแป้งเพิ่มอีกคดี เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุยิงปืนบนถนนในพื้นที่ หมู่ 5 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 พ.ค. 2564 หรือ 2 ปีก่อน
ซึ่งครั้งนั้นเจ้าหน้าที่เก็บปลอกกระสุนขนาด 9 มม. และขนาด 5.56 มม. ได้รวม 9 ปลอก และจากการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนพบตรงกับปลอกกระสุนปืนที่ นายเชาวลิต หรือ "แป้ง นาโหนด" ใช้ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบนเทือกเขาบรรทัด เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา
จากการลงสำรวจจุดเกิดเหตุ พบว่า ถนนเส้นดังกล่าว คือ ถนนสายคลองหมวย - โหล๊ะจังกระ ซึ่งเส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว และมีด ไม่มีแสงไฟส่องสว่าง
ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า 2 ปีก่อน เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวจริง ซึ่งมีชาวบ้านคนหนึ่งได้เห็นชายปริศนานั่งอยู่ท้ายรถกระบะสีขาว 4 ประตู และใช้อาวุธปืนสงคราม รัวยิงปืนขึ้นฟ้าไม่ต่ำกว่า 10 นัด คล้ายกับต้องการประกาศศักดา โดยยิงไปตามถนนเส้นนี้ระยะทางหลายกิโลเมตร ตอนนั้นพวกตนเองที่กำลังนั่งกินข้าว เล่นเปตอง ต่างตกใจและวิ่งหลบลูกกระสุนกันเข้าบ้าน และได้รีบแจ้งตำรวจเพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ทั้งที่ตอนนั้น ก็มีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถจับกุมได้
และตนเองตกใจมาก ที่ล่าสุดตำรวจได้ออกหมายจับเสี่ยแป้งเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา เนื่องจากปลอกกระสุนที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานในวันนั้น ดันไปตรงกับปลอกกระสุนปืนที่พบบนเทือกเขาบรรทัดวันที่เกิดการปะทะกับเสี่ยแป้ง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่า เหตุการณ์เมื่อ 2 ปีก่อน คือ เสี่ยแป้ง จริงหรือไม่ที่ก่อเหตุแบบนี้ แต่ตอนนั้น ชาวบ้านทุกคนหวาดกลัว และไม่กล้าออกจากบ้านไปสักระยะหนึ่ง เพราะที่ผ่านมา หมู่บ้าน หรือ ชาวบ้านในหมู่บ้าน ไม่เคยไปมีปัญหากับผู้มีอิทธิพลคนใด และไม่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาก่อน
ชาวบ้านยังให้ข้อมูลอีกว่า ถนนเส้นดังกล่าว เป็นเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังน้ำตกหม่อมจุ้ย ใกล้กับจุดปะทะเจ้าหน้าที่เมื่อ 8 พ.ย. ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีก่อนหากเป็นเสี่ยแป้งจริง นั่นแปลว่า เสี่ยแป้ง เคยเดินทางมาพื้นที่แถวนี้