ดีอี ร่วมกับตำรวจไซเบอร์แถลงยุทธการ "ซิม สาย เสา" ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับผู้ต้องหาลักลอบขายซิมผีที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งาน ยึดได้กว่า 24,000 หมายเลข พบหนึ่งในนั้นเป็นพนักงานค่ายมือถือ รู้ช่องโหว่เป็นอย่างดี
วันที่ 1 ธันวาคม 2566 มีรานยงานว่า ที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กระทรวงดีอีเอส นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. (สส), พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. ร่วมแถลงข่าวยุทธการ "ซิม สาย เสา" ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถตรวจสอบยึดซิมโทรศัพท์มือถือได้กว่า 24,000 หมายเลข
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการตรวจพบพฤติกรรมในการนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นและบัตรบุคคลต่างด้าว โดยเฉพาะสัญชาติเมียนมา (บัตรสีชมพู) เพื่อลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งานแล้วจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการนำไปโทรหลอกลวงประชาชน
สืบเนื่องจากช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ตรวจคันบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก จนสามารถจับกุม น.ส.ธรรศธนพร อายุ 38 ปี พร้อมของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์ที่พร้อมใช้งานจำนวน 4,397 หมายเลข โทรศัพท์เคลื่อนที่ สายแพรวงจรสำหรับต่อโทรศัพท์ และอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน อีกกว่า 50 นัด
จากการขยายผล พบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวได้ซื้อซิมผีผ่านกลุ่มลับในเฟซบุ๊กจาก นส.ธรรศกร หรือ ฝ้าย อายุ 43 ปี ชาว จ.ชุมพร ที่โพสต์โฆษณาขายซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ลงทะเบียนใช้งานแล้ว จึงได้สืบสวนหาข้อมูล และสามารถเข้าควบคุมตัวได้ที่บริษัทขนส่งพัสดุแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร ขณะนำซิมผีดังกล่าวไปส่งให้สายลับผ่านบริษัทขนส่งพัสดุ ซึ่งภายในบรรจุซิมผีให้สายลับ จากการตรวจค้นพบซิมผีจำนวน 10,000 หมายเลข น.ส.ฝ้าย จึงรับสารภาพเพระจำนนต่อหลักฐาน พร้อมให้ข้อมูลว่า ตนรับซื้อซิมมาขายในราคาชิมละ 35 บาท และนำมาขายในกลุ่มลับในราคา 43 บาท ซึ่งได้กำไรประมาณ 8 บาท ตนเองรู้ตัวดีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ก็ยอมเสี่ยงทำเนื่องจากขายแล้วได้กำไรดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัว น.ส.ฝ้าย ไปตรวจคันบ้านพัก พบซิมผีเพิ่มเติมอีกกว่า 2,000 หมายเลข จึงได้แจ้งข้อหา "ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคค ลหนึ่งบุคคลใดแล้วแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้" จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ก่อนพบว่า น.ส.ฝ้าย ได้ติดต่อซื้อซิมผีจาก นายตั้ม ซึ่งทราบว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยสามารถจับกุมนายตั้ม ขณะกำลังลงทะเบียนซิมการ์ด พร้อมซิมการ์ดที่ลงทะเบียน แล้วจำนวน 160 หมายเลข และซิมการ์ดที่กำลังรอลงทะเบียน อีกจำนวนกว่า 6,000 หมายเลข นายตั้ม ยอมรับว่า ได้ซื้อซิมการ์ดมาในราคา 35 บาท หากมีลูกค้าสนใจซื้อซึมการ์ดที่มีการลงทะเบียนแล้ว ตนจะขายให้ในราคา 150 บาท
นอกจากนี้ นายตั้มยังเป็นพนักงานของบริษัทค่ายสัญญาณโทรศัพห์มือถือแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความรู้ในการลงทะเบียนซิมและพบช่องโหว่ของชั้นตอนการลงทะเบียนดังกล่าว โดยได้สาธิตให้ดูวิธีการลงทะเบียนโดยใช้แอปฯ ของบริษัทฯ ซึ่งสามารถใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ของคนต่างด้าวในการลงทะเบียนซิม และใช้วิธีการถ่ายภาพจากบัตรต่างด้าว หรือหนังสือเดินทางที่ไม่ชัด แล้วสุ่มกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัว หรือเลขหนังสือเดินทางแบบผิด ทำให้สามารถลงทะเบียนซิมได้ในจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา "เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้ซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้" อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้อและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโล่ยี พ.ศ. 2566 มาตรา 11" เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนพร้อมดำเนินตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐ ระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการปรามปรามซิมม้าอย่างหนัก โดยได้ติดตาม สืบสวน ขยายผล และจับกุมเป็นระยะ จึงขอเตือนไปยังผู้ที่รับจ้างเปิดใช้งานซิมการ์ดรีบไปยกเลิก เพราะการกระทำดังกล่าวมีโทษสูงสุดถึง 5 ปี ซึ่งหากประชาชนมีข้อสงสัยหรือคิดว่าโดนหลอกใช้ชื่อเปิดใช้วานซิมการ์ด สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือศูนย์ AOC 1441