เส้นทางหนี เสี่ยแป้ง จากเขาลงเรือ
จากการสอบปากคำในเบื้องต้นนายสุเชษฐ์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.66 เวลาประมาณ 23.00 น.ตนได้รับการติดต่อจากบุคคล (ไม่ขอเอ่ยนาม ) ให้ไปรับตัวนายเชาวลิต โดยตนได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟสีดำ คันดังกล่าว ขี่ไปรับนายเชาลิต ที่ บ้านป่าพง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยเมื่อไปถึงพบนายเชาวลิตฯริมถนน ตนจึงได้ส่งสัญญาณให้นายเชาวลิตมาขึ้นรถ และได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนายเชาวลิตฯนั่งซ้อนท้าย จนมาถึงหน้าวัดพรุนายขาว ต.คลองใหญ่อ.ตะโหมด จ.พัทลุง จึงส่งต่อให้กับบุคคลอีกบุคคลหนึ่งซึ่งตนไม่รู้จักแต่จำรถที่มารับได้เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออสสีดำจำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ โดยก่อนเดินไปขึ้นรถยนต์ก๋ง นายเชาวลิตได้สั่งตนว่าให้ไปเอาของโดยไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรไปเก็บให้ด้วยโดยบอกไว้ก่อนว่าให้ไปเอาจุดใด
อย่างไรก็ตามเมื่อตนได้ส่งตัวนายเชาวลิตแล้ว ตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดิมกลับบ้านพัก ต่อมาวันที่ 9 ต.ค.66 เวลาประมาณ 11.00 น.ตนได้ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่น ฟอจูนเนอร์ สีดำ เลขทะเบียน ออกจากบ้านพักเพื่อไปเอาของดังกล่าวเมื่อไปถึงจุดที่นายเชาวลิต แจ้งไว้ตนได้เดินเข้าไปดูพบว่าเป็นสิ่งของห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ ตนจึงได้เดินไปหยิบและนำมาขึ้นรถยนต์เก๋ง และขับลับมาที่บ้านพักและนำไปฝังไว้หลังบ้านพักของตน จนถูกตำรวจนำหมายค้นบ้านเข้ามาค้นบ้านและพบของกลางดังกล่าว
แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายหนึ่ง เผยว่า หลังจากนั้นรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออสสีดำคันดังกล่าว น่าจะพานายเชาวลิตไปหลบซ่อนตัวในพื้นที่ จ.สตูล ภายใต้การดูแลของผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่ง จากนั้นได้หลบหนีมายังมาลงเรือสปีดโบ๊ตที่บริเวณท่าเรือในท้องที่บ้านบากันโต๊ะทิด อ.ละงู จ.สตูล เพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (ประเทศอินโดนีเซีย) ซึ่งคาดว่านายเชาวลิตฯน่าจะไปหลบซ่อนตัวในจังหวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน (ประเทศอินโดนีเซีย ) โดยมีกำนันคนดังรายหนึ่งที่อดีตเคยค้าขายทางเรือกับประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าว(ประเทศอินโดนีเซีย) เป็นผู้ให้ความสะดวกในการหลบหนี โดยมีการประสานงานกับอดีตนายทหารยศพันโทรายหนึ่งของประเทศเพื่อบ้าน(ประเทศอินโดนีเซีย) เป็นผู้ให้การดูแลและให้ที่พักในขณะที่นายเชาวลิตฯหนีซ่อนตัวในจังหวัดดังกล่าว และต่อมานายเชาวลิต ก็ได้อัดคลิป 3 คลิป จนฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศดังกล่าว ซึ่งหลายคนก็ยังเชื่อว่าในขณะนี้นายเชาวลิต น่ายังคงหลบหนีในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ภายใต้การดูแลของอดีตทหารยศพันโทรายหนึ่ง
ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ ขณะที่รถเก๋งดำต้องสงสัยขับเข้ามาในพื้นที่จ.สตูล ปรากฏว่ามีรถกระบะสีขาวซึ่งรถกระบะสีขาวที่ปรากฏในภาพวงจรปิดคือรถกระบะของนายอัซฮัร และรถคันนี้ทางตำรวจได้ยึดเป็นของกลางไว้แล้วขณะค้นบ้านเจ้าตัวเมื่อวานนี้ รถกระบะของนายอัซฮัร นำขบวนเพื่อเปิดทางรถเก๋งต้องสงสัยที่คาดว่าเสี่ยแป้งนั่งอยู่ในรถคันนี้เพื่อหลบหนี
โดยกล้องวงจรปิดในจังหวัดสตูลบันทึกภาพขณะรถกระบะสีขาวของนายอัซฮัร นำขบวนเพื่อเปิดทาง จากนั้นมีรถเก๋งต้องสงสัยขับตาม ผ่านพื้นที่ อ.ควนโดน อ.ท่าแพ และอ.ละงู ในช่วงเวลาประมาณ 01.40 น.ของวันที่ 10 พ.ย. 66 โดยขบวนทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือธรรมชาติในอำเภอละงู
ซึ่งจากแหล่งข่าวลับให้ข้อมูลว่า เสี่ยแป้งลงเรือประมงของชาวบ้านที่ท่าเรือธรรมชาติในอำเภอละงูช่วงกลางดึก แต่ยังไม่ระบุเป็นคืนวันที่ 10 หรือไม่ ซึ่ง ในคืนที่ลงเรือยังไม่ได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านทันที แต่ขึ้นเรือไปยังเกาะในจังหวัดสตูลซึ่งอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย แต่ในส่วนที่ว่าจะต่อเรือจากเกาะในจ.สตูล แล้วข้ามไปยังประเทศมาเลเซียหรืออินโดนีเซียหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริง
ทีมข่าวช่อง8 สำรวจท่าเรือที่คาดว่าเสี่ยแป้งหลบหนีในจ.สตูล โดยหลบหนีท่าเรือของชาวบ้าน บ้านบากันโต๊ะทิด อ.ละงู จ.สตูล จากข้อมูลล่าสุดพบว่าข้ามไปยังเกาะอื่น ก่อนลงเรืออีกต่อ เพื่อหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ทีมข่าวช่อง 8 สำรวจท่าเรือธรรมชาติในบ้านบากันโต๊ะทิด อ.ละงู จ.สตูล หลังได้เบาะแสจากรายงานข่าวว่า เสี่ยแป้งหลบหนีทางเรือต่อ หลังจากขบวนรถมาส่งเสี่ยแป้งใกล้จุดลงเรือที่ท่าเรือธรรมชาติ เมื่อเดินทางมาตามข้อมูลรายงานข่าว พบว่า ท่าเรือธรรมชาจิแห่งหนึ่งใกล้บ้านบากันโต๊ะทิด อ.ละงู จ.สตูล หากลงเรือประมงของชาวบ้าน จะสามารถข้ามเกาะไปได้ คือ เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง เกาะราวี
ซึ่งจากรายงานข่าวล่าสุด เสี่ยแป้งลงเรือประมงของชาวบ้าน ก่อนข้ามไปขึ้นเกาะแห่งหนึ่งในพื้นที่จ.สตูล แล้วลงเรือต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่ระบุว่าหนีไปยังประเทศใด จากข้อมูลลับ ก่อนหน้าที่เสี่ยแป้งติดคุกมีคอนเน็คชั่นเป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติมาเลเซีย อาจทำให้เอื้อต่อการหลบหนีต่อ ข้อมูลนี้อยู่ระหว่างสืบสวนเพิ่มว่าหลบหนีไปประเทศใด
เมื่อเดินทางมาถึงพบว่าในหมู่บ้านมีท่าเรือธรรมชาติหลายแห่ง ซึ่งลักษณะหมู่บ้านมีท่าเรือธรรมชาติที่ลงเรือของชางประมงและชาวบ้านตลอดสาย และมีท่าเรือของรัฐอยู่ในชุมชน ซึ่งจุดท่าเรือธรรมชาติของชาวบ้านมีลักษณะตลอดเจ้าหน้าที่รัฐและไม่มีคนตรวจสอบทำให้เอื้อต่อการหลบหนี
นอกจากนั้นช่วงที่ทีมข่าวสำรวจบริเวณท่าเรือเป็นช่วงกลางดึก ซึ่งตรงกับช่วงที่เสี่ยแป้งลงเรือช่วงกลางดึกในบริเวณนี้เช่นกัน พบว่าตลอดเส้นทางไม่มีรถสัญจรผ่านและบริเวณท่าเรือของชาวบ้านในพื้นที่หากจะลงเรือช่วงกลางดึกอาจจะต้องมีการติดต่อเพื่อลงเรือก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์ ใจดี ผู้ใหญ่บ้าน โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าในพื้นที่บ้านบากันโต๊ะทิดแห่งนี้มีท่าเรือใหญ่อยู่1แห่ง แต่จะมีท่าเรือเล็กๆที่เป็นท่าเรือสวนตัวของชาวบ้านที่อยู่หลังบ้านหรือข้างบ้านชาวบ้านประมาณ5แห่ง หากถามว่าเป(นไปได้ไหมที่เสี่ยแป้งจะใช้เส้นทางนี้หลบหนีออกไปต่างประเทศก็สามารถทำได้ เนื่องจากที่นี่เนื่องจากท่าเรือดังกล่าวอยู่ไม่ไกลกับเกาะลังกาวีประเทศมาเลเซียเพียงไม่ถึง50กิโลเมตร หากใช้เรือสปิ๊ดโบ๊ทวิ่งไปก็จะใช้เวลาเพียงไม่เกิน2ชั่วโมงก็จะถึงเกาะลังกาวี แต่ถ้าเป็นเรือประมงพื้นบ้านก็จะใช้เวลาประมาณ4-5ชั่วโมง
แต่เมื่อมีรายงานการหลบหนีของเสี่ยแป้งทางนายอำเภอก็ได้สั่งกำชับให้ตนเองเฝ้าระวังและตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย โดยได้จัดกำลังชุดชรบ.ลาดตระเวนตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้รับรายงานบุคคลแปลกหน้าหรือรถต้องสงสัยดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่เลย
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีคนร้ายหลบหนีคดีใช้เส้นทางนีเพื่อหลบหนีออกนอกประเทศเลย ยอมรับว่า หากจะหลบหนีไปกับเรือที่กระทำเรื่องผิดกฎหมายเช่นค้าของหนีภาษีก็เป็นไปไม่ได้ ยอมรับว่าเมื่อ10กว่าปีก่อนเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางขนของหนีภาษีลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อมีการกวาดล้างจับกุมก็ไม่มีการกระทำความผิดดังกล่าวเลย ในส่วนเรือสปีดโบ๊ทในพื้นที่ก็จะมีเข้ามาบ้างก็คือเรือคนรู้จักนำมาฝากจอดหน้าท่าเรือในช่วงฤดูมรสุมเท่านั้น
นายสมศักดิ์ยืนยันว่าหากเสี่ยแป้งหลบหนีมาทางนี้จริงตนเชื่อว่าจะไม่ใช่การนำพาของคนในพื้นที่แน่นอน นอกจากคนนอกพื้นที่พาเข้ามา เพราะชาวบ้านในพื้นที่รักความสงบไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นได โดยเฉพาะบุคคลที่มีอิทธิพลในพื้นที่ก็ไม่มี
ด้านนายบ่าว หมาดสะเด็น ชาวประมงในพื้นที่กล่าวว่า ตนเองทำอาชีพประมงในพื้นที่มาหลายปีไม่เคยเห็นเรือลำอื่นที่ไม่ใช่เรือในพื้นที่เลย จะมีก็แต่เรือชาวประมงด้วยกันที่ออกหาปลากันตามปกติทุกวันเท่านั้น
นางบีม (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ชาวบ้านบ้านบากันโต๊ะทิด บอกว่า ในหมู่บ้านของตนสามารถลงเรือได้หลายทางทั้งท่าเรือธรรมชาติของชาวประมงและชาวบ้านซึ่งรับลูกค้าลงเรือจากบริเวณนี้แล้วข้ามขึ้นเกาะต่างๆที่ อยู่ใกล้ ทั้งเกาะบุโหลน เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง เกาะราวี หากลงเรือแถบนี้แล้วขึ้นเกาะ สามารถลงเรือต่อไปได้ทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่ใกล้ที่สุดคือมาเลเซีย โดยท่าเรือธรรมชาติที่รับลูกค้าเป็นเรือยาวหรือเรือประมงของชาวบ้าน แต่ในส่วนราคาที่โดยสารตนไม่มั่นใจ
ทั้งนี้ในเส้นทางนี้ค่อนข้างเปลี่ยว หากเป็นการลงเรือของชาวบ้านตอนดึกจะต้องมีการติดต่อไว้ก่อนลงเรือ และช่วงดึกชาวบ้านก็จะเข้านอนกันแล้วคงไม่มีใครสังเกตุเห็นรถแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่