จากกรณีมีรายงานว่า นายสุเชษฐ์ให้การว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.66 เวลาประมาณ 23.00 น.ได้รับการติดต่อจากบุคคล (ไม่ขอเอ่ยนาม )ให้ไปรับตัวนายเชาวลิตฯโดยตนได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟสีดำ คันดังกล่าว ขี่ไปรับนายเชาลิตฯที่ บ้านป่าพง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยเมื่อไปถึงพบนายเชาวลิตฯริมถนน ตนจึงได้ส่งสัญญาณให้นายเชาวิตๆมาขึ้นรถ และได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนายเชาวลิต นั่งซ้อนท้าย จนมาถึงหน้าวัดพรุนายขาว ต.คลองใหญ่อ.ตะโหมด จ.พัทลุง จึงส่งต่อให้กับบุคคลอีกบุคคลหนึ่งซึ่งตนไม่รู้จักแต่จำรถที่มารับได้เป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออสสีดำจำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ โดยก่อนเดินไปขึ้นรถยนต์ก๋ง นายเชาวลิต ได้สั่งตนว่าให้ไปเอาของโดยไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรไปเก็บ
ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดพรุนายขาว ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งที่วัดดังกล่าวจะอยู่ห่างจากน้ำตกหม่อมจุ้ย ประมาณ 10 กิโลเมตร โดยกล้องวงจรปิดที่หน้าวัดพรุนายขาว จะสามารถจับภาพ รถยนต์วีออส สีดำ ขับผ่านมาที่หน้าวัดในเวลา 23.20 น.
จากนั้นในเวลา 23.27 น. ก็จะเห็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำของนายสุเชษฐ์ฯ ซึ่งมาคนเดียวขี่ผ่านหน้าวัดไปยังเส้นทางน้ำตกหม่อมจุ้ย
ซึ่งภาพถัดไปจะเห็นว่า ในเวลา 23.43 น. นายสุเชษฐ์ ได้ขี่รถวนออกมาตรงซ้อย ตรงข้ามวัดอีกรอบ และจะเห็นว่านายสุเชษฐ์ เหมือนส่องไฟหาอะไรที่ข้างทางทั้งสองฝั่งก่อนจะเลี้ยวไปเส้นทางที่ไปยังน้ำหม่อมจุ้ยอีกรอบ
จากนั้นเมื่อนายสุเชษฐ์ ขี่รถไปตามหาเสี่ยแป้งอีกรอบ กล้องวงจรปิดที่หน้าวัด ก็จะสามารถจับภาพนาทีสำคัญ ซึ่งจะเห็นว่า ในเวลา 23.54 น. รถของนายสุเชษฐ์ มีคนซ้อนท้ายกลับมาด้วย ซึ่งคาดว่าเป็นเสี่ยแป้ง เนื่องจาก วันนี้ทีมข่าวไปไล่ย้อนภาพ ทั้งหน้าและหลังแล้ว ไม่พบเวฟสีดำขี่วนไปวนมานอกจากรถของนายสุเชษฐ์
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวสอบถามนายไสว รุยันต์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ประจำจังหวัดพัทลุง บอกกับทีมข่าวว่า กรณีคลิป 3 นั้น เสี่ยแป้งไม่ได้ฝากตนมา แต่เสี่ยแป้งลง ผ่านทางยูทูป ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าคลิปที่ 3 เสี่ยแป้งจะพุ่งเป้าไปเรื่องอะไรไม่สามารถตอบได้
ส่วนกรณีที่ตำรวจเรียกร้องให้ตนเข้าไปพูดคุยซึ่งเดิมวันนี้มีการนัดเข้าไปพบตำรวจแต่ว่าตนขอไปพบพรุ่งนี้ในส่วนของการเรียกไปสอบก็น่าจะมาจากอยากรู้ว่าตนรู้ข้อมูลเสี่ยแป้งมากน้อยขนาดไหนซึ่งตนก็จะพูดในสิ่งที่ตนเห็น ส่วนลึกๆตนก็ไม่รู้ว่ายังไง ส่วนกรณีว่าถูกดำเนินคดีในกรณีที่แป้งซึ่งตนไม่หวั่น ตนมั่นใจในความเป็นคนกลางและยืนยันว่าไม่ได้การช่วยเหลือตนเพียงนำเสนอในการเป็นเสื่อเท่านั้นซึ่งตนก็ต้องนำสิ่งที่แป้งเสนอผ่านสื่อมากระจายต่อ
ขณะเดียวกันตอนนี้นายไสวบอก่า ตนไม่สามารถติดต่อเสี่ยแป้งได้แล้ว ติดต่อได้ล่าสุดก็คือวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งตนมองว่าที่เสี่ยแป้งไม่ติดต่อก็คงคงหลบอยู่เพื่อความปลอดภัยเพราะว่าการใช้โทรศัพท์และโซเชียลเป็นผลลบกับเขา เลยไม่ติดต่อใคร
ส่วนการสนิทสนมตนกับเสี่ยแป้งเป็นเพราะว่าคนพัทลุงจะสนิทกันรู้จักกันอยู่แล้วเหมือนตนก็เป็นที่รู้จักของคนพัทลุง ส่วนแป้งก็เป็นที่รู้จักของคนพัทลุงเราสองคนก็เลยได้รู้จักกันนับถือกัน
วันนี้ตนอยากฝากถึงเสี่ยแป้งว่า ช่วงวันสองวันช่วงนี้ เราอาจจะหนีตำรวจได้ แต่การหนีกฎหมายเราหนีไม่ได้ ซึ่งตนก็เป็นห่วงว่าเสี่ยแป้งอาจจะโดนตัดตอนหรือไม่ เพราะเพราะออกมาแฉคนนั้นคนนี้เยอะมากตนก็เป็นห่วง แต่ตนก็อยากให้เสี่ยแป้งออกมาสู้คดี ส่วนที่แป้งไม่มามอบตัวเพราะ ยังไม่เห็นการแก้คดีที่เป็นรูปธรรมแป้งก็คงจะไม่ออกมามอบตัว ส่วนตอนนี้ตนก็มั่นใจว่าเสี่ยแป้งอยู่ในไทย
กรณีอัยการบอยตนก็บังเอิญได้เจอกันตอนขึ้นเครื่อง ซึ่งตนก็บอกอัยการบอยไปว่าเราทุกคนก็เป็นพวกกัน ทุกอย่างมันก็ต้องมีทางออกจะได้จบกันได้ด้วยดี ซึ่งตนก็ไม่อยากพูดอะไร และอัยการบอยก็บอกตนว่าไม่อยากพูดอะไรเพราะว่าพูดแล้วมันระบบราชการมันต้องมีคนได้รับผลกระทบ และเท่าที่ดูอัยการบอยเป็นคนนิ่งๆ ดูแล้วไม่ได้เป็นกังวลอะไร ที่เจอกันส่วนใหญ่จะพูดคุยเรื่องส่วนตัวมากกว่า