ไอซ์ รักชนก ทำหนังสือถึงศาลขอเลื่อนฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เนื่องจากติดประชุมาสภา ลั่น ยินดีที่จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ขอทำหน้าที่ สส. เป็นปากเสียงของประชาชนตามสิทธิ์ที่พึงมีก่อน
จากกรณี ไอซ์ รักชนก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง นั้น
อ่านข่าว : มติเอกฉันท์! ศาล รธน. ตีตกคำแย้ง ไอซ์ รักชนก ยัน พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14 ไม่ขัด รธน.
ล่าสุด (1 ธันวาคม 2566) ไอซ์ รักชนก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork แสดงความความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว พร้อมนับถอยหลัง 13 วัน เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม นี้ ว่า ตนเองไม่สามารถไปตามนัดของศาลได้เนื่องจากวันนั้นเป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภา โดยจะมีการประชุมสภา ตนจึงทำหนังสือเพื่อขอเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากติดประชุมาสภา ซึ่งต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของศาล ว่าจะให้เลื่อนหรือไม่
ทั้งนี้ ไอซ์ รักชนก ยังคาดการณ์คำพิพากษาคดีนี้ว่าสามารถออกมาได้ 2 แนวทาง คือ
1. หากศาลตัดสินว่าตนไม่มีความผิด ทุกอย่างก็จะจบลง (ถ้าอัยการไม่อุทธรณ์)
2. หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 2 แนวทางย่อย คือ
2.1 ศาลตัดสินว่ามีความผิด โดยให้รอลงอาญา (คดีนี้ก็จะสิ้นสุดเหมือนกันถ้าไม่มีการอุทธรณ์)
2.2 ศาลตัดสินว่ามีความผิด โดยตัดสินจำคุกระหว่าง 3-15 ปี หลังจากศาลตัดสินแล้วตามหลักการ
จำเลยสามารถประกันตัวได้ในศาลชั้นต้น เพื่ออุทธรณ์คดีและสู้คดีต่อได้ในชั้นอุทธรณ์ ถ้าศาลให้ประกันตัวตามสิทธิ์ที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ตนก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
แต่ปัญหาจะเกิดขึ้น ถ้าศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวและส่งตนเข้าเรือนจำ แม้แต่นาทีเดียวก็หมายความว่าสถานะ สส. ที่ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงจากประชาชน 47,592 ก็จะสิ้นสุดลง และ กกต. จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างในฐานะประชาชน
แน่นอนว่าตนยินดีที่จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดี 112 ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น มีปัญหาทั้งข้อกฎหมายและการบังคับใช้ก็ตาม และตนในฐานะ สส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตระหนักดีว่าการทำหน้าที่เป็นปากเสียงของประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ตนจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะรักษาสถานภาพที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามสิทธิ์ที่พึงมี
ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของตนหรือพรรคก้าวไกล แต่เป็นการยืนยันเจตจำนงของประชาชนที่ลงคะแนนให้ตนในฐานะตัวแทนของพรรคก้าวไกล ตนไม่ร้องขออะไรมากไปกว่าสิทธิ์ที่พึงได้รับตามรัฐธรรมนูญ