จากกรณีพบ ศพหญิงไทย ไม่ทราบชื่อ ( ไม่มีหลักฐานใดๆในตัว ) สวมเสื้อคอกลมสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ( คล้ายกางเกงบ็อกเซอร์ผู้ชาย ) ถูกห่อด้วยผ้าห่มสีขาวลายสีชมพู ทิ้งศพอยู่ข้างไร่มันสำปะหลัง ห่างจากถนนสาย 331 ระหว่างหลัก หลัก กม. 17-18 ( สัตหีบ - นครราชสีมา ) มุ่งหน้าเข้าโคราช หมู่ 13 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าไปประมาณ 50 เมตร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ซึ่งสภาพของศพ ถูกทิ้งในร่องน้ำไหลข้างไร่มันสำปะหลัง และมีการพยายามอำพรางศพ ด้วยการนำแผ่นไม่อัดเก่าๆ เศษกิ่งไม้ ต้นหญ้า และ แผ่นพลาสติกเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง มากองสุมทับร่างผู้ตาย เพื่อปิดบังซ่อนเร้นไม่ให้ใครมองเห็น มีเพียงข้อมือด้านขวาที่โผล่ออกมา ถ้ามองครั้งแรกก็จะรู้ทันทีว่าเป็นมือของผู้หญิง เนื่องจากไว้เล็บยาวทั้ง 5 นิ้ว นอกจากนี้ ยังตรวจสอบสภาพศพ ในเบื้องต้น ผู้ตายน่าจะอายุ ประมาณ 35-40 ปี บริเวณต้นคอด้านหลัง มีการสักคำว่า ”สายเถื่อน“ แผ่นหลังข้างซ้าย สักรูปเศียรพ่อแก่ คู่กับฤาษีตาไฟ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบว่ามีผ้ายันต์คาดว่าเป็นผ้ายันต์ไอ้ไข่ สีฟ้า อยู่กับศพด้วย จึงตั้งข้อสงสัยว่าผู้ก่อเหตุ สะกดวิญญาณหรือไม่
ด้านนายเขียว (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ผู้พบศพสาวนิรนามคนแรก เผยกับทีมข่าวช่องแปดว่า เมื่อวานตนกำลังพาลูกน้องเข้าไปที่ไร่สับปะรดเพื่อที่จะไปเก็บจุกสับปะรดมาไว้ปลูกในฤดูกาลต่อไปขณะที่กำลังขับรถเข้าไปในไร่ลูกน้องตนเห็นมีแขนผู้หญิงโผล่ออกมาจากล่องข้างทาง ตอนแรกนึกว่าเป็นแขนตุ๊กตาพอจอดรถถึงให้ลูกน้องลงมาดูก็พบว่าเป็นศพของผู้หญิงจึงตกใจโทรแจ้งเจ้าของไร่และแจ้งตำรวจ
โดยสภาพศพขึ้นอืดแล้วและตัวเขียวสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ตนเองและลูกน้องก็ไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนและไม่เคยเห็นคิดว่าอาจจะไม่ใช่คนแถวนี้
โดยปกติแล้วตนเองและลูกน้องนานนานทีจะเข้ามาที่ไร่โดยล่าสุดที่เข้ามาก็เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้วเพื่อมาฉีดยาสับปะรดและเข้ามาอีกทีเมื่อวานตอนที่พบศพ คาดว่าศพน่าจะถูกนำมาทิ้งไว้ไม่เกินหนึ่งเดือน
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังสำนักสงฆ์ป่าเทพศรัทธา ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดพบศพสาวนิรนาม ห่างกันเพียงประมาณ 1 กม เพื่อสอบถามถึงผ้ายันต์ไอไข่ ว่าเป็นมาอย่างไร
ทางหลวงพ่อมนตรี อินทน์จันทร์ เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าเทพศรัทธา เปิดเผยกับ ทีมข่าวช่องแปดว่า ที่สำนักสงฆ์ของตนก็มียันไอ้ไข่สีฟ้าแบบที่อยู่ในศพด้วยเช่นกัน โดยตนนั้นได้มาจากลูกศิษย์ลูกค้าเอามาถวายเพื่อไว้สำหรับแจกลูกศิษย์คนอื่นๆ ซึ่งเป็นยันต์ไอ้ไข่มีหลายสีอย่างที่ตนมีอยู่ก็มีสีแดง สีเหลือง และสีฟ้า โดยตนนั้นมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 100 แผ่นได้ได้มาเมื่อปี 2563 และทยอยแจกไปตั้งแต่ปีนั้นจนเกือบหมดแล้วเหลืออยู่ที่ตนตอนนี้แค่สี่แผ่น
โดยยันต์ไอ้ไข่นั้นจะช่วยในเรื่องของการเงินเงินทองโชคลาภค้าขาย ส่วนใหญ่คนที่มาขอบูชาจากตนไปนั้นก็จะเป็นในส่วนของนักธุรกิจพ่อค้าแม่ค้า และก็จะมีเป็นชาวต่างชาติชาวกัมพูชาค่อนข้างจะชอบ จะมาขอเยอะ ตนก็ให้ไป
ส่วนที่ว่าไปพบยันนี้ในศพของผู้ตายตนคิดว่าน่าจะไม่เกี่ยวเรื่องของการสะกดวิญญาณใดใด อาจจะเป็นของติดตัวของผู้ตายอยู่แล้วที่เค้าอาจจะ ศรัทธาและบูชาติดตัวไว้ เพราะพยานไอ้ไข่นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องงานแต่อย่างใด
โดยทางหลวงพ่อมนตรียังได้นำผ้ายันต์ไอไข่ แบบเดียวกับที่พบในศพสาวนิรนาม มาให้ทีมข่าวดูอีกด้วย ซึ่งเป็นผ้ายันต์สีฟ้า มีรูปไอไข่ตรงกลาง และยันต์ต่างๆรอบๆ นอกจากสีฟ้าก็ยังมีสีแดง เหลือง อีกด้วย
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังสำนักสงฆ์ป่าเทพศรัทธา ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดพบศพสาวนิรนาม ห่างกันเพียงประมาณ 1 กม เพื่อสอบถามถึงผ้ายันต์ไอไข่ ว่าเป็นมาอย่างไร
"เณรแอ" ฟันธง "ผ้ายันต์ไอ้ไข่" ข้างศพสาวนิรนาม เป็นการสะกดวิญญาณ เชื่อเป็นคนใกล้ชิด เพราะรู้ดี ผู้ตายมีของขลังอยู่กับตัว
จากกรณีพบศพสาวนิรนามในป่า มีรอยสัก และพบมีผ้ายันต์ไอ้ไข่ ซุกในผ้าห่มคลุมร่าง ทีมข่าวของเรานำภาพรอยสักและผ้ายันต์ไปให้ นายหาญ รักษาจิตร์ หรือ เณรแอ ดู พบว่า รอยสักที่อยู่บนร่างของผู้เสียชีวิต เป็นรอยสัก "พ่อแก่" แต่แบบเป็นเศียรกับแบบเต็มตัว รอยสักนี้มีพุทธคุณ สักให้เป็นมงคลในตัวเองและอยู่ยงคงกระพันชาตรี
ส่วนการที่พบผ้ายันต์ไอ้ไข่ อยู่กับศพ ก็สันนิษฐานได้ทันทีว่า เป็นการสะกดวิญญาณ หลังจะถูกฆ่าแล้ว เป็นสะกดจิต สะกดใจ ให้ตามตัวคนฆ่ายาก
เณรแอ ยังกล่าวด้วยว่า คนที่ฆ่าหรือคนที่ช่วยอำพรางศพ น่าจะมีวิชาอาคมด้วย เพราะเขาสามารถที่จะสวดสะกดวิญญาณได้ และคิดว่าน่าจะเป็นคนใกล้ชิดผู้ตาย เพราะทราบ เป็นอย่างดีว่า ผู้เสียชีวิตมีการเล่นของหรือมีของขลังอยู่ในตัว จึงต้องใช้วิธีการสะกดวิญญาณ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่ช้าคงจับได้
ทั้งนี้ ตนมองว่า การสักของขลังต่างๆต้องอยู่ในศีลในธรรม ถ้าไม่อยู่ ก็จะมีอันเป็นไปในลักษณะถูกฆ่าตายยิงตาย หรือตายแบบมีปริศนาแบบนี้