บก.ลายจุด ระบุ อยากให้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่เรียกเงินทุนเรียน จาก ดร.เค็ง กว่า 10 ล้านบาท ให้มีหลักเมตตาธรรมกับผู้ป่วยทางจิตเวชด้วย

จากกรณีที่หลัง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมทางสังคม โพสต์เล่าเรื่องของ ดร.เค็ง ที่ป่วยจิตเวช ต้องลาออกจากงานอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ได้เปิดเผยถึงโพสต์ดังกล่าวให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองได้รับการติดต่อจาก ดร.เค็ง บอกว่าเป็นอดีตอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และเป็นนักเรียนทุนของรัฐบาลให้ไปศึกษาปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ประเทศอังกฤษ  พร้อมระบุว่าตัวเอง ประสบปัญหามีอาการป่วยเป็นโรคจิตเวช ตั้งแต่รับทุนไปศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศอังกฤษแต่ทางมหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่รู้เรื่องอาการป่วยและก็ช่วยดูแลมาโดยตลอด ระหว่างที่ศึกษาอยู่

จนกระทั่งเรียนจบแล้วก็กลับมาเป็นอาจารย์ที่มหาลัยแม่ฟ้าหลวง เหมือนเดิม ซึ่งระหว่างนั้นเกิดสถานการณ์ทางการเมือง และภายในมหาวิทยาลัยก็มีการเคลื่อนไหว ในการต่อต้านสมัยรัฐบาล น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตอนนั้น ดร.เค็ง มีอาการทางโรคจิตเวชกำเริบพราะขาดการรักษาที่ต่อเนื่อง ทำให้ ดร.เค็ง เขียนอีเมลล์ ถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนภายในมหาวิลัยแม่ฟ้าหลวงวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองของผู้บริหารจนเกิดการกระทบกระทั่งกัน สาเหตุเป็นเพราะ ดร.เค็ง มีอาการป่วยจึงเขียนอะไรแบบไม่รู้ตัว

โดยต่อมา ดร.เค็ง ได้เขียนอีเมลขึ้นมาหนึ่งฉบับข้อความระบุว่าตนเองมีอาการหลอนคล้ายมีผู้ติดตามมาสืบข่าวตัวเองอยู่ตลอดเวลา และเกรงว่าตัวเองจะไปทำร้ายคนอื่นและคนอื่นจะมาทำร้ายตัวเอง และอาจจะทำให้เกิดปัญหาจึงอยากจะลาออกจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แต่ขอให้ผู้บริหารช่วยเช็คเรื่องเงื่อนไข เรื่องทุนการเรียนเพราะหากตนเองมีอาการป่วยแล้วลาออกจะต้องชดใช้ทุนหรือไม่ ซึ่ง  ดร.เค็ง ยืนยันว่าไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกเป็นทางการแต่ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือมาให้ ดร.เค็ง เพื่อยืนยันว่าจะลาออกซึ่งหนังสื่อฉบับนั้น ดร.เค็ง ไม่ได้เห็นและเซ็นยืนยันแต่อย่างใด

ขณะที่ต่อมาทางมหาวิทยาลัยอนุมัติให้ ดร.เค็ง ลาออกโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องและยังมาสอนหนังสือตามปกติหลังจากที่ หนังสืออนุมัติแล้วอีกตั้งสองอาทิตย์ ก่อนที่ทางฝ่ายนิติกรของมหาวิทยาลัยจะมาแจ้ง ดร.เค็ง ว่าพ้นสภาพการ เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแล้ว ตนเองจึงมองว่าทำไมทางมหาวิทยาลัยถึงไม่พยามดูแลคนป่วยก่อนที่จะตัดสินใจอนุมัติให้ลาออก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีอาการป่วยทางจิตเวชตั้งแต่เรียนที่ประเทศอังกฤษ และคนที่มีอาการป่วยทางจิตเวชก็มีข้อยกเว้นในการที่จะไม่ต้องใช้ทุน ซึ่ง ดร.เค็ง ก็มีอาการป่วยที่หนักมากจริงแม้แต่หนังสือคัดค้านอุทธรณ์ยื่นใบลาออกก็ยังไม่ได้ทำจนกระทั่งเกินกำหนดเวลาทำให้ต้องออกจากงานทั้งที่ไม่ตั้งใจจะลาออก จึงอยากให้ทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเห็นกับ หลักเมตตาธรรมกับคนที่มีปัญหาอาการป่วยด้วย

ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถาม ดร.เค็ง  อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่มีอาการป่วยทางจิตเทวทแล้วลาออกจนกระทั่งถูกเรียกเงินทุนการเรียนคือมูลค่า 16 ล้านบาท เเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2557 ที่ตนเองเขียนอีเมลว่าตนเองจะลาออกนั้นเป็นเพราะตนเองมีอาการป่วยทางจิตเวช และอยากจะต้องการหาคนช่วยเหลือ จึงได้เลือกตัดสินใจเขียนอีเมลถึงอธิการบดี เพราะคิดว่าท่านเป็นคนที่มีจิตใจเป็นเมตตาธรรม และช่วยตนเองได้แต่ปรากฏว่าตนเองคิดผิด เพราะระหว่างนั้นตนเองก็เขียนไปให้รับทราบแล้วว่าตนเองป่วยอยู่ในอาการหลอน อยากต้องการพบจิตแพทย์แต่ไม่มีเงิน และยังเขียนอีกว่าไม่อยากเป็นภาระหรือมลพิษให้ใครแต่ที่เขียนข้อความไปแบบนั้นเพราะมาจากอาการป่วยของตนเอง แต่ตนเองก็ยังเขียนข้อความถึงอธิการบดีด้วยว่าตนเองป่วยทางจิต ถ้าลาออกต้องต้องชดใช้เงินทุนเรียนหรือไม่

โดยตนเองเขียนอีเมลไปวันที่ 19 สิงหาคม 2557 แต่ใบอนุมัติการลาออกลงนามวันที่ 24 กันยายน 2557 แต่กลับไปมีผลย้อนหลังไปวันที่ 1 กันยายน 2557  ตนเองจึงตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเพราะเหตุใดจึงต้องให้ตนเองรีบออกถ้าไม่ใช่เรื่องปัญหาสุขภาพ ซึ่งตามจริงแล้วหากรู้ว่าตนเองป่วยจะต้องขอใบรับรองแพทย์ หรือไม่ก็พาตนเองไปหาแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะตนเองก็ยังสอนหนังสือได้ตามปกติ

โดยยืนยันว่าตนเองไม่ต้องการลาออก และทางกฎหมายใบอีเมลก็ไม่สามารถที่จะใช้แทนใบลาออกได้ เพราะตนเองไม่เคยเขียนใบลาออก ซึ่งทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงยังได้เขียนชี้แจงไปทางกระทรวงว่าตนเองลาออกไม่มีใบลาออกแต่ใช้อีเมลล์แทน ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้สังคมตัดสินว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องหรือไม่ และที่ตนเองไม่ได้ไปยื่นฟ้องกับศาลปกครองว่ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงละเมิดสิทธิ เพราะระหว่างนั้นตนเองอยู่ในอาการป่วยจึงไม่มีสติ ที่จะทำอะไรได้

ส่วนเรื่องที่ตนเอง ถูกเร่งรัดให้ออกภายใน 12 วันซึ่งจริงๆแล้วตามกฏหมายต้องแจ้งล่วงหน้า 90 วัน ตรงนี้ต้องให้สังคมไปตัดสินเอาเองว่าเกิดอะไรขึ้น ยอมรับว่าตนเองเคยมีเรื่องขัดแย้งระหว่างที่ตนเองมีอาการป่วยแล้วเขียนอีเมลวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของคณะผู้บริหารภายในมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับเรื่องการเมือง

ส่วนอาการป่วยของตนเองตอนนี้ ก็รักษาหายไปบ้างบางส่วนแล้วก็ยังมีอาการอยู่บ้าง แต่ก็จะสู้คดีตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่มีเงิน 16 ล้าน คืนแน่นอน ซึ่งหลังจากที่ศาลพิพากษา ภายใน 60 วันแล้วไม่มีคืน ก็คงต้องเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีทรัพย์สินของตนเองแต่หากตนเองไม่มีทรัพย์สินเพียงพอก็คงต้องถูกฟ้องล้มละลาย