เปิดใจครั้งแรก! “สุเชษฐ์” ยืนยันไม่ใช่คนขี่ จยย.พาเสี่ยแป้งซ้อนหนีลงเขา
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เปิดใจพูดคุยกับนายสุเชษฐ์ หรือ เดี่ยว จันเขียว เป็นครั้งแรก หลังเจ้าตัวบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆมาตลอด อ้างว่า ยังคงป่วยระหว่างเชื่อมเหล็กซึ่งถูกสะเก็ดไฟเข้าตา
นายสุเชษฐ์ ยืนยันกับทีมข่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้นำเสนอเป็นที่แรก ว่าเห็นตนเองขี่รถจักรยานยนต์พาเสี่ยแป้งซ้อนท้ายหลบหนีลงจากเขาบรรทัด ช่วงเวลา 23.44 น. ผ่าน 3 แยกบ้านควนนั้น บุคคลในภาพไม่ใช่ตนเอง แต่ยอมรับว่าช่วงคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน ตนเองได้เดินทางขี่รถมอเตอร์ไซต์ไปกรีดยางที่สวนยางพาราของตัวเองจริง ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน โดยขี่รถมอเตอร์ไซต์ฮอนด้าเวฟสีดำ สวมเสื้อกรีดยางแขนยาวจำไม่ได้ว่าสีน้ำเงินหรือสีม่วงออกจากบ้าน โดยสวนยางพาราของตนเองอยู่บริเวณทางไปน้ำตกท่าช้าง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตนเองประมาณ 31 กิโลเมเตร
แต่เมื่อตนเองเดินทางไปถึงสวนยางพาราไม่นาน “จู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ตนเองไม่ได้กรีดยางสักต้น และเดินทางขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านทันที“ ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มา ที่เห็นตนเองขี่รถมอเตอร์ไซต์ผ่าน 3 แยกมัสยิดบ้านควน 23.29 น. ใส่ไฟส่องกบที่หัว เป็นตนเองจริงๆ ขาไป และขากลับ ตนเองก็ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับเพียงคนเดียว ไม่มีใครซ้อนท้าย ส่วนภาพวงจรปิดที่มีคนสวมไฟส่องกบมีคนที่คาดว่าเป็นเสี่ยแป้งซ้อนท้าย ไม่ใช่รถของตนเองแน่นอน เพราะตนเองขี่กลับบ้านเพียงคนเดียว โดยทีมข่าวได้เปิดภาพกล้องวงจรปิดทั้งหมดให้นายสุเชษฐ์ชี้ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ภาพส่วนใหญ่ที่ทีมข่าวได้มา เห็นชายคนรถมอเตอร์ไซค์คนเดียวทุกภาพเป็นตนเองจริง แต่ภาพทุกภาพที่มีคนซ้อนท้าย ไม่ใช่ผม
นายสุเชษฐ์ยังถามกลับทีมข่าวด้วยว่า ตำรวจมั่นใจได้อย่างไร ว่าบุคคลที่นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซต์ตามภาพกล้องวงจรปิดนั้นคือเสี่ยแป้งตัวจริง อาจจะเป็นคนที่ขี่รถกลับจากไปกรีดยางก็เป็นไปได้ เพราะจากกล้องวงจรปิด ไม่มีภาพมุมใดที่เห็นหน้าตนเองหรือหน้าเสี่ยแป้งชัดเจนสักภาพเดียว
สุเชษฐ์ยังบอกถึงความรู้สึกกับทีมข่าวอีกว่า ตนเองตอนนี้แทบไม่ได้ดูข่าว เพราะค่อนข้างเครียด หลังถูกตกเป็นผู้ต้องหาช่วยพาแป้งหลบหนี และเป็นคนฝังอาวุธปืนสงคราม ซึ่งตนเองยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนเอามาฝัง และใครจะบ้าเอาปืนมาฝังหลังบ้านตัวเอง สู้ไปฝังแถวตีนเขาในป่าไม่ดีกว่าหรือ แต่ตนเองพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะทนายความจะขอเก็บไว้ต่อสู้ในชั้นศาล
นายสุเชษฐ์ยังขอแก้ข่าวกับทีมข่าวอีกด้วยว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจแกล้งทีมข่าว เอาหมาพิตบูลไปผูกไว้หน้าบ้านขู่เพื่อนักข่าว แต่ตนเองเลี้ยงหมาพิตบูลและให้มันเฝ้าบ้านตรงนั้นอยู่แล้ว ตนเองเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่เคยคิดหนีนักข่าว แต่บางอย่างตนเองต้องฟังทนายความด้วย เพราะตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ และตอนนี้อยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกสาวด้วย เพราะหลังลูกสาวคลอด ตอนนี้ลูกสาวอายุ 2 เดือน ตนเองก็แทบไม่มีเวลาอุ้มดูแลลูกเลย เพราะยุ่งแต่กับเรื่องของคดี