อัซฮัร ยอมเปิดใจเครียดไม่เอี่ยวคดีเสี่ยแป้งหนี ถูกเพื่อนหลอกใช้ให้ไปดูด่านตำรวจ
วันนี้นายอัซฮัร หมัดสาลี อายุ 30 ปี ชาวอ.เมือง จ.สตูล เปิดใจกับทีมข่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นซึ่งตัวของตนเองได้เป็นหนึ่งในผู้ต้องหามีหมายจับคดีพาเสี่ยแป้งหนีออกจาก ตนอยากเปิดใจว่า ตนไม่รู้และเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่รู้จริงๆทำไมถึงเป็นแบบนี้ขึ้น ที่ผ่านมาไม่ได้หนีสื่อ แต่เครียดและไม่รู้จะออกข่าวตรงกับที่ตนสื่อหรือไม่
เหตุการณ์วันที่มีรถกระบะสีขาวปรากฏในภาพวงจรปิดและมีรถเก๋งสีดำต้องสงสัยซึ่งคาดว่าเสี่ยแป้งนั่งอยู่ คืนวันนั้นเพื่อนของตนที่ชื่อว่าต้นโทรศัพท์มาหาตนและบอกว่า “ให้ไปดูด่านช่วยหน่อย” พร้อมกับให้ค่าน้ำมันตน 500 บาท ตอนคิดเถียงว่าเพื่อนให้ต้นไปดูด่านตำรวจให้เท่านั้น และไม่ได้เป็นการทำอะไรผิดกฏหมายเช่นขนยาเสพติด จึงไปช่วยเพราะเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าระหว่างขับรถมีรถเก๋งสีดำต้องสงสัยขับตามรถของตน ยืนยันและไม่รู้ว่ามีรถเก๋งสีดำตามรถตนที่ขับอยู่ พอขับตามที่เพื่อนชื่อต้นบอกไปดูด่านเสร็จ ก็ขับกลับบ้านทันที
สักพักช่วงเช้าก็มีตำรวจบุกค้นบ้านพักตน ตนไม่ทราบว่าคดีอะไร แต่ก็ไปให้ปากคำที่สภ.ตะโหมดเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ และต้องตกใจเมื่อทราบว่าตนคืนหนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการภาษียแป้งหนีออกจากเทือกเขาบรรทัด และเครียดซ้ำเมื่อหลังเกิดเรื่องติดต่อเพื่อนที่ชื่อต้นไม่ได้อีกเลย
ตนรู้จักกับต้นเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว ต้นเป็นคนนิสัยดีแล้วก็รักเพื่อน แต่ต้นก็เพิ่งออกจากคุกหลังจากพ้นข้อหาคดียาเสพติดแต่ตนไม่ขอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่าตนถูกหลอกใช้ โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และไม่เคยรู้จักกับเสี่ยแป้งมาก่อนหน้านี้ เผยตอนนี้เครียดมากเพราะตนเองเป็นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ก็คงไปบอกศาลเหมือนที่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้ ทุกอย่างคือความจริงแต่ไม่รู้ว่าศาลจะเชื่อหรือไม่
ทนายผู้ต้องหาพาเสี่ยแป้งหลบหนี เปรยมีหลักฐานวันเวลาเสี่ยแป้งหนี ทุกคนทำอะไรอยู่ที่ไหน ชี้เป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยแป้ง จะติดต่อใครทางโทรศัพท์
ความคืบหน้าหลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยพา “แป้ง นาโหนด” หนีลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ได้ตัว 4 คน พร้อมยึดของกลางจำนวนมาก ทั้งอาวุธปืนและกระสุน โดยภายหลังมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน คือ นายกัมปนาท ที่อยู่ระหว่างหลบหนี
ล่าสุดวันนี้ 6 ธ.ค.66 ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสไปพบกับทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ถูกออกหมายจับในคดีช่วยเหลือเสี่ยแป้ง หลบหนี ก็คือ นายชำนาญ ปิ่นมี เปิดใจกับทีมข่าวว่า ในส่วนคดีของ นายทนงศักดิ์ กับนายสืบศักดิ์ ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวลเรื่องคดี เนื่องจาก สองคนนี้ มีหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดชัดเจนว่าวันเวลาที่เสี่ยแป้ง หนีหลงมาจากน้ำตก ทั้งสองคนอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่
ซึ่งการหลบหนีของเสี่ยแป้ง ในฐานะที่มาเป็นทนายให้กับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่อยู่ในพื้นที่อำเภอป่าบอน ก็อยากจะรู้ว่าตำรวจ เอาหลักฐานมาจากตรงไหนว่าเสี่ยแป้ง โทรศัพท์ติดต่อทั้ง 4 คนให้วางแผนพาหลบหนี ซึ่งการติดต่อทางโทรศัพท์ ส่วนตัวเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่เสี่ยแป้ง จะติดต่อมาหานายทนงศักดิ์กับนายสืบศักดิ์ ได้ เพราะเสี่ยแป้ง ขึ้นไปอยู่บนเขานานแล้ว ซึ่งถ้าหากเสี่ยแป้ง มีโทรศัพท์ติดตัวออกไปจากโรงพยาบาลจริงๆ อย่าลืมว่าบนเขา ไม่มีไฟฟ้าใช้ แบตเตอรี่โทรศัพท์ของเสี่ยแป้ง ก็ต้องหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยแป้ง จะติดต่อมาหานายทนงศักดิ์ รวมถึงนายสืบศักดิ์และนายกัมปนาท
โดยส่วนตัวมองว่า ที่ตำรวจออกหมายจับนายทนงศักดิ์ ,นายสืบศักดิ์ และนายกัมปนาท เป็นเพราะว่าตำรวจ ไปหาความเชื่อมโยงมาจากเหตุการณ์ที่ทั้ง 3 คนนี้จากภาพกล้องวงจรปิดที่เคยไปเยี่ยมเสี่ยแป้ง ที่โรงพยาบาลในวันที่ 20 ตุลาคม ซึ่งการไปเยี่ยมเสี่ยแป้ง ในเหตุการณ์ดังกล่าว จริงๆแล้ว ก่อนตำรวจจะออกหมายจับทั้ง 3 คน ตนเองเคยพาทั้ง 3 คนไปให้การกับตำรวจ ในฐานะพยานแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหลบหนีออกจากโรงพยาบาล เพราะทั้ง 3 คนนี้ไปเยี่ยมเสี่ยแป้ง ในฐานะคนรู้จักเหมือนคนทั่วไป
ส่วนการออกหมายจับ นายกัมปนาท ตอนนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องยังไงบ้าง เนื่องจากตนเองยังไม่ได้พูดคุยกับนายกัมปนาท แต่ยอมรับว่า ทางญาติของนายกัมปนาท ติดต่อมาว่า นายกัมปนาท จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ ภายใน 5 วันที่จะถึงนี้ และถ้าหากนายกัมปนาท มามอบตัวตามเวลาดังกล่าวจริง หลังจากมอบตัวแล้ว ตนเองจะเปิดหลักฐานทั้งหมดว่าในวันที่เสี่ยแป้งหนี พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่
คนเลี้ยงวัวยันไม่ได้รับเงินจากพี่ชายแป้ง ยันไม่เกี่ยวกับแป้งแหกคุกหนี
ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปบ้านของนายยอด (นามสมมติ) คนเลี้ยงวัว ซึ่งข้อมูลรายงานข่าวพบว่าในยอดรับเงินจากพี่ชายเสียแป้งและนำเงินนี้ไปช่วยเสี่ยแป้งหลบหนี โดยตนขอเปิดใจข้อเท็จจริงว่า วันนั้นประมาณวันที่ 23 ตุลาคม ตนไปที่บริเวณหน้าบ้านพักของพี่ชายแป้ง เพื่อไปรอคุยกับพี่ชายแป้ง เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายแป้งให้ตนเป็นนายหน้าขายวัวที่พี่ชายแป้งเลี้ยงแล้วต่อมามีคนสนใจอยากมาซื้อ
ตนจึงมาพูดคุยในวันนั้นเพื่อถามพี่ชายแป้งจะขายไหม ก็ได้มีการพูดคุยแนะนำคนที่มาซื้อให้ แต่ตนก็ไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วพี่ชายแป้งได้ไปคุยกับลูกค้าที่ตนติดต่อมาให้ไหม ยืนยันว่าวันนั้นตนไม่ได้รับเงินสักบาทจากพี่ใช้แป้ง แล้วที่เป็นนายหน้าขายวัวให้ก็แค่เป็นเพื่อนในชุมชนที่เลี้ยงวัวขายเหมือนกับเท่านั้น
ชี้ตนไม่เกี่ยวข้องกับที่เสี่ยแป้งหนีแต่ถ้าหากถามว่ารู้จักกับแป้งไหมก็รู้จัก เพราะตนเป็นรุ่นพี่แล้วก็รู้จักกับพี่ชายแป้ง ตนก็สนิทกับแป้งพอสมควร เคยไปนอนบ้านเดียวกันกับแป้งก็หลายครั้ง แป้งเป็นคนที่มีนิสัยพูดคำไหนคำนั้นและรักเพื่อน ทำให้แป้งมีลูกน้องเยอะ เวลาที่แป้งไปไหนมาไหนก็จะมีลูกน้องไปด้วยประมาณอีก2-3คน ลักษณะไปด้วยกันไม่ได้ตามไปคุ้มครองอะไร
แต่ถ้าถามว่าเคยเห็นแป้งยุ่งเกี่ยวกับคดียาเสพติดหรือไม่ ยืนยันแป้งไม่เคยมีคดียาเสพติดและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่หากถามว่าลูกน้องแป้งมีคดียาเสพติดหรือไม่ก็มีบางคน แต่แป้งไม่ยุ่งเลยเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่แหกคุกก็เชื่อว่าแป้งคงแค้น เพราะถูกหักหลังเลยอยากออกมาทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง