กรณีเมื่อเวลา 00.16 น. ของวันที่ 5 ธ.ค. รถโดยสารประจำทาง สาย 9914 กทม.-นาทวี รถหมายเลขทะเบียน 14-3301 กรุงเทพมหานคร ชนต้นไม้ข้างทาง เหตุเกิดบริเวณหน้าทางเข้าหาดวนกร กม.331+450 อ.ทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ (ขาล่อง) ทำให้มีผู้เสียชีวิตและ มีผู้บาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (6 ธ.ค.) ทีมข่าวช่อง8 ตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงสู่ภาคใต้ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร จับภาพฝั่งตรงข้าม เวลาประมาณ 00.10 น. เห็นรถประจำทาง ซึ่งเป็นรถบัส 2 คัน คันที่เกิดเหตุขับผ่านกล้องตัวดังกล่าว แต่สังเกตว่ารถคันดังกล่าววิ่งไม่ได้ใช้ความเร็วมากนัก
จากนั้นทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องหน้ารถ ซึ่งมีรถเก๋งชาวบ้านคันหนึ่งขับมาจอดบริเวณแยกไฟแดง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 8 กิโลเมตร มีภาพจากกล้องหน้ารถจับภาพเอาไว้ได้ โดยจะเห็นช่วงที่รถประจำทางคันที่เกิดเหตุขับออกจากไฟแดง มีรถตู้ขับนำ และรถพ่วงขับตามหลัง ก่อนที่จะไปประสบเหตุ
ทีมตรวจสอบกล้องบริเวณแยก ไฟแดง ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุมจับภาพท้ายรถของรถประจำทางคันที่เกิดเหตุ มุ่งหน้าออกจากแยกไฟแดง แต่ช่วงจังหวัดดังกล่าวก็ไม่ได้ใช้ความเร็ว เพราะเนื่องจากมีรถใช้ทางร่วมกันหลายคัน
วันเดียวกันนี้ทีมข่าว ช่อง8 ได้เดินทางไปที่จุดพักรถของบริษัทรถประจำทางคันที่เกิดเหตุ ซึ่งในคืนก่อน วันเกิดเหตุ 4 ธ.ค. เวลาประมาณ 22:40 น. รถคันที่เกิดเหตุได้พาผู้โดยสารจำนวน 44 คน แวะพักรถที่ร้านร้านอาหาร และจุดจำหน่ายของฝาก “ ร้านอาหารสุภาพชน“ ซึ่งจะเป็นจุดให้บริการสำหรับแวะพักและทานข้าวของผู้โดยสารเส้นทางมุ่งหน้าลงใต้
โดยคืนดังกล่าวมีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดพักรถ จับภาพรถประจำทางคันที่เกิดเหตุ ขับเลี้ยวเข้ามาพาผู้โดยสารแวะทานข้าวและพักผ่อนเป็นเวลา 35 นาที ก่อนที่จะเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปที่อำเภอทับสะแก โดยจากจุดพักรถไปถึงจุดที่เกิดเหตุมีระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร ก่อนที่จะประสบเหตุ
นอกจากภาพจากกล้องวงจรปิดจะจับภาพของรถประจำทางที่ขับเลี้ยวเข้ามาจอดแล้ว ยังมีภาพภายในศูนย์อาหารจับภาพกลุ่มผู้โดยสารทยอยเดินลงจากรถเพื่อไปทานข้าว ก่อนที่รถจะขับออก , และยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพพนักงานเดิน ซึ่งใส่เสื้อสีฟ้า เดินเข้ามาในศูนย์อาหารเพื่อทานข้าว แต่ตัวของคนขับรถไม่ได้ลงจากรถ ซึ่งยังคงนั่งอยู่บริเวณจุดพวงมาลัย โดยไม่ได้ลงมาพักหรือทานเครื่องดื่ม จนกระทั่งรถออกเดินทาง
เสมียนประจำจุดพักรถเผยคนขับไม่ได้ลงมาพัก มีเพียงพนักงานและผู้โดยสารลงจากรถ
ทีมข่าวได้คุยกับนางสาวปิงปอง (นามสมมติ) เสมียนประจำจุดพักรถ เผยว่า วันที่ 4 ธ.ค. รถประจำทางคันดังกล่าวได้พาผู้โดยสารเข้ามาจอดแวะพักตามกำหนดเวลา คือ 22:40 น. โดยประมาณ แต่หลังจากที่รถเข้ามาจอดแล้ว ยังไม่มีใครเดินลงจากรถ เข้าใจว่าคนขับรถยังไม่ได้มีการเปิดประตูให้ผู้โดยสาร จนกระทั่งตนเองเห็นว่ารถคันดังกล่าวมาจอด จึงได้ตัดสินใจประกาศให้ผู้โดยสารลงจากรถเพื่อที่จะมาพักผ่อนและรับคูปองไปทานข้าว โดยตนเองสังเกตเห็นว่ามีพนักงานประจำรถใส่เสื้อสีฟ้า เดินลงมาพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นเพื่อที่จะลงมาทานข้าว ก่อนเดินทางต่อ ซึ่งตนเองได้มีการพูดคุยกับพนักงานประจำรถที่ใส่เสื้อสีฟ้า เพราะก็รู้จักกันและมีการทักทายกันเป็นประจำอยู่แล้วเวลาที่แวะพัก ด้วยตนเองได้มีการสอบถามพนักงานประจำรถ ว่าจำนวนผู้โดยสารเดินทางมากี่คน ตอนนั้นพนักงานประจำรถก็ยังมีการพูดหยอกล้อเล่น ไม่บอกจำนวนที่แท้จริง พูดแต่ว่า 40 40 40 จนกระทั่งบอกตัวเลขที่แท้จริงคือ 44 จากนั้นตนเองก็ได้มีการออกตั๋วซึ่งเป็นคูปองให้กับพนักงานประจำรถ
โดยในคืนนั้นนอกจากตนเองจะเห็นว่ามีพนักงานประจำลดลงมาพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นแล้ว ไม่สังเกตเห็นคนขับรถ ทั้งคนขับที่ขับอยู่ และคนขับที่เป็นคู่กะเวรนอน โดยไม่มีคนขับลงจากรถมาชงกาแฟหรือขอน้ำร้อนเหมือนเช่นเคย ซึ่งเข้าใจว่ายังคงนั่งอยู่บริเวณพวงมาลัยคนขับ โดยก็มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวค่อนข้างผิดปกติ แต่ก็เข้าใจว่าอาจจะเหนื่อยกับการขับจึงไม่ได้ลงมาขอน้ำร้อนหรือชงกาแฟกินเท่านััน
และหลังจากที่ ผู้โดยสารรวมถึงพนักงานประจำรถได้มีการทานข้าวพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็ได้มีการขอให้ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นรถ โดยโดยปกติแล้วเวลาพักรถจะอยู่ที่ 25 ถึง 30 นาที แต่รถคันดังกล่าวมีลักษณะดีเลย์ออกไปประมาณ 5 นาที จึงทำให้ใช้เวลาอยู่ที่จุดพักรถประมาณ 35 นาทีก่อนที่จะเดินทางต่อ และและผ่านไปประมาณชั่วโมงเศษ จึงทราบข่าวว่ารถประสบอุบัติเหตุ
ซึ่งตอนที่รถคันดังกล่าวขับออกไปก็ไม่ได้มีท่าที หรือความผิดปกติ ขับออกไปเหมือนเดิม แต่ก็เข้าใจว่ายังเป็นคนขับเดิมที่ขับมาจากกกรุงเทพมหานคร เพราะจุดเปลี่ยนคนขับที่เป็นคู่กะเวรนอน จะไปเปลี่ยนบริเวณจังหวัดชุมพร ฉะนั้นจึงเข้าใจว่าเหตุการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจ อาจเกิดจากความเหนื่อยล้าของคนขับหรือไม่ เพราะสังเกตจากการที่คนขับไม่ยอมลงมาชงกาแฟหรือพักผ่อนเหมือนเช่นเคยแต่นั่งอยู่อยู่บนรถ