กรณีเมื่อเวลา 00.16 น. ของวันที่ 5 ธ.ค. รถโดยสารประจำทาง สาย 9914 กทม.-นาทวี รถหมายเลขทะเบียน 14-3301 กรุงเทพมหานคร ชนต้นไม้ข้างทาง เหตุเกิดบริเวณหน้าทางเข้าหาดวนกร กม.331+450 อ.ทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ (ขาล่อง) ทำให้มีผู้เสียชีวิตและ มีผู้บาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยเพื่อนคนขับรถทัวร์ให้ข้อมูลกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า คนขับป่วย แต่บริษัทไม่ให้ลางานโดยอ้างว่าไม่มีคน ทำให้วูบหลับและเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ทีมข่าวของเราได้มาที่จุดจำหน่ายตั๋ว บริษัทศรีสยามเดินรถ ที่อยู่สายใต้ใหม่ ซึ่งเป็นจุดปล่อยรถ
คนในบริษัท ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 แต่ขอไม่เปิดเผยตัวตน โดยชี้แจงเรื่องของตั๋วที่ไม่ตรงกับบริษัทรถ ว่า วันนั้นรถของบริษัทปิยะรุ่งเรืองทัวร์ ไม่พร้อมใช้งาน เราก็เลยเอารถคันที่เกิดเหตุซึ่งเป็นของบริษัทศรีสยามเดินรถ มาให้บริการแทน แต่เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือเดียวกัน
ส่วนเรื่องของคนขับ ยืนยัน ไม่มีการแจงขอลากับทางหัวหน้างานเลย ถ้าเขาขอลาป่วย ไม่มีทางที่เราจะไม่ให้เขาลา เพราะตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับให้เขาทำงาน เรามีคนขับเหลือด้วยซ้ำในช่วงเวลานี้ ซึ่งหากเขาป่วยระหว่างทาง เราก็มีคนขับมือที่ 2 สแตนบายอยู่ เพราะรถ 1 คัน เราให้มีคนขับ 2 คนทุกคันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราไม่สามารถหาข้อเท็จจริงได้ ว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น เพราะคนขับมือที่สองก็เสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้ง ถ้าคุณจะลา เอกสารต้องมีจะพูดลอยๆแบบนี้ไม่ได้
และที่สำคัญเราจะมีพนักงานชานชาลาเป็นผู้เช็ก ตรวจสอบสภาพของคนขับ ก่อนที่จะทำงานเสมอ ซึ่งก็ได้รับรายงาน ว่า วันนั้น เขาไม่ได้มีอาการป่วยแต่อย่างใด และตนได้เรียกประชุมทีมทั้งหมดที่อยู่หน้างาน ทุกคนก็ยืนยันว่า ได้มีการดับเบิ้ลเช็กร่างกายของคนขับก่อนขึ้นรถแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบความผิดปกติหรือเจ้าตัวได้แจ้งว่าป่วยเลย
ทั้งนี้ ตนรู้จักเขาดี เขามีใบขับขี่ขับทำงานมา 9 ปีแล้ว ความชำนาญในการขับรถมีอยู่แล้ว อายุก็ไม่ได้เยอะ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่า เกิดอะไรขึ้น เพราะเขาก็ยังไม่สามารถที่จะให้การได้
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัทศรีสยามเดินรถ ขอความเป็นธรรมให้เราด้วย เพราะเขาไม่ได้แจ้งลาป่วยหรือสภาพร่างกายไม่พร้อม เราไม่กล้าแลกกับการบังคับให้เขาทำงาน เพราะความสูญเสียมันมากกว่า ตอนนี้ต้องเสียไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน พร้อมยอมรับ หลังจากเกิดเหตุได้รับผลกระทบ คนก็มาซื้อตั๋วน้อยลง ซึ่งก็ก่อนหน้าก็น้อยอยู่แล้ว
แฟนของน้องชายคนขับรถทัวร์ เผย ตอนนายสมศักดิ์จอดพักรถที่ ศูนย์อาหารไม่ได้ลงจากรถ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้คุยกับนางสาวมดอายุ 29 ปี แฟนสาวของน้องชาย นายสมศักดิ์ คนขับรถทัวร์คนแรก โดยนางสาวมดเผยว่าในวันที่เกิดเรื่องนั้นตอนที่รถของนายสมศักดิ์มาจอดพักเพื่อให้ผู้โดยสารทานข้าว นายสมศักดิ์ไม่ได้ลงมาจากรถเหมือนคนอื่น แต่ตนก็ไม่ได้เดินไปถามว่าทำไมถึงไม่ลงมา เพราะว่าตอนนั้นต้นก็ยุ่งกับรถทัวร์คันอื่นที่เข้ามาจอดด้วยเช่นกัน
พอเกิดเรื่องขึ้นตนได้ไปเยี่ยมนายสมศักดิ์ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องเพราะมีความสนิทสนมกันก่อนหน้านี้อยู่แล้ว โดยอาการนายสมศักดิ์ค่อนข้างหนักไม่สามารถพูดจาได้ เพราะวันนี้ช่วงบ่ายตนไปเยี่ยมอีกครั้งอาการเขาดีขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังพูดไม่ได้เช่นเดิม
โดยปกติแล้วหากเป็นเที่ยวอื่นที่เขามาจอดพักรถก็จะลงมาทานข้าวเช่นคนอื่นตามปกติมีเพียงวันที่เกิดเรื่องเท่านั้นที่เขาไม่ได้ลงมา
โดยก่อนหน้านี้ตนก็ไม่ได้มีการแชตคุยหรือโทรหากับนายสมศักดิ์แต่อย่างใดเนื่องจากไม่ได้มีช่องทางติดต่อกัน แต่จะเจอกันเวลาที่เขามาจอดพักรถเท่านั้นที่ศูนย์อาหารและพูดคุยกันตามปกติเนื่องจากเป็นพี่ชายของแฟนตน
โดยก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุตนก็ไม่ทราบแน่ชัดว่านายสมศักดิ์ไม่สบายหรือไม่หรือมีปัญหาในด้านใดเพราะตนไม่ได้คุยกับเขาเลยในวันนั้น
ทีมข่าวของเราได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ชานชาลาของบริษัทศรีสยามเดินรถ ที่ ปล่อยรถวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชานชาลา ยืนยันว่าวันนั้นสภาพร่างกายของคนขับปกติดี ก่อนออกรถยังพูดคุยเล่นกันอยู่เลย ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร และตนยืนยันได้ว่า คนขับทุกคนก่อนที่จะเดินรถออก จะมีการตรวจเช็คสภาพร่างกายทุกครั้ง
ขณะที่ บังสวาท พนักงานขับรถบริษัทเดียวกัน ซึ่งเป็นเพื่อนกับคนขับที่ประสบอุบัติเหตุ เล่าให้เราฟังว่า อยู่กินนอนด้วยกัน มาตลอดไม่พบว่าเขามีโรคประจำตัวหรือต้องกินยาอะไรเป็นประจำ แต่วันนั้นตนไม่ได้อยู่กับเขา เนื่องจากขับรถล่องใต้ไปก่อน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าจะขอลาป่วยหรืออยากลาป่วยกับตน ปกติเขาเป็นคนดีธรรมะธรรมโม ตอนนี้จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับผู้บาดเจ็บอีกราย ซึ่งผู้บาดเจ็บรายนี้เป็นคนที่ก่อนที่จะชนยังมีสติอยู่ไม่ได้หลับ และเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด
นายนิติพัฒน์ หมัดเเสละ อายุ 18 ปี ผู้บาดเจ็บ เปิดใจกับทีมข่าวช่องแปดว่า ตนได้ขึ้นรถมาจากสายใต้โดยเดินทางมากับนายหมัดอาสัน หมัดแสละ อายุ 46 ปี พ่อของตน เพื่อที่จะไปยังพัทลุงเพื่อเยี่ยมคุณปู่ที่ไม่สบาย ปกติแล้วตนและพ่อแม่อาศัยอยู่ที่กรุงเทพ
โดยก่อนที่จะขึ้นรถมาและตอนที่แวะที่จุดพักทานข้าวตนก็สังเกตเห็นคนขับดูปกติมีทุกอย่างไม่มีอาการผิดปกติใดใดรวมถึงอาการง่วงซึมตนก็ไม่เห็นเค้ามี โดยหลังจากขึ้นรถมาบางช่วงตนก็ได้ไปขอคนขับรถชาร์จแบต โดยระหว่างที่ ตนนั่งชาร์จแบตอยู่ข้างคนขับ ตนก็มองเห็นเค้าก็ดูปกติดี โดยตนเห็นคนขับมีคนเดียว พนักงานบนรถรวมคนขับแล้วมีทั้งหมดตนเห็นอยู่ 3 คน
โดยเบาะนั่งของตนนั้น อยู่ชั้นล่าง เบาะเลขที่ 44 อยู่ติดทางเดิน และของพ่อตนนั้นอยู่ชั้น 2 เบาะเลขที่ 37
โดยตอนที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้นตนยังมีสติดีและไม่ได้นอนหลับ ตนได้นั่งมองทางไปเรื่อยเรื่อย อยู่อยู่รถก็วิ่งออกทางซ้ายไหล่ทางและพุ่งชนต้นไม้เลย ตอนนั้นตนได้กระเด็นออกมานอกรถ และหัวแตกเลือดออกเยอะทำให้ตนสะลึมสะลือและสายตาพร่ามัวมองไม่ค่อยเห็นอะไรชัดมาก และทุกอย่างมืดไปหมด แต่ตนได้ยินเสียงคนร้องโหยหวนและขอความช่วยเหลือบอกว่าเจ็บทั้งคันรถ ตนรู้สึกตกใจมากและพยายามจะตั้งสติกัดปากตัวเองจนเลือดไหลเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก
โดยตนมองเห็นที่นั่งข้างข้างกับเบาะตนสภาพศรีษะเปิดหมดเลย โดยเขาเสียชีวิตคาที่
และคุณพ่อตอนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันโดยศีรษะแตกเย็บไปกว่า 29 เข็ม และหน้าอกกระแทกเบาะจะต้องเอกซเรย์ดูอีกครั้ง
ส่วนเรื่องของการเยียวยาต่างๆจากเจ้าหน้าที่ตนไม่ทราบเรื่องเลยหลังจากนี้จะให้แม่ตนเป็นคนจัดการทั้งหมด