ความคืบหน้าคดี นนท์ หรือ นายปรัชญาธรรศ ก่อเหตุฆาตกรรมสาวสักลาย น้องส้ม หรือ นางสาวจันทร์จิรา โดยจุดที่สามารถยืนยันได้ว่าศพสาวสักลายที่พบในไร่มันสำปะหลังนั้นเป็นศพของ น.ส.จันทร์จิรา คือ รอยสักที่บริเวณแผ่นหลังมีความคล้ายคลึงกัน มีรอยสักรูปฤาษีตาไฟ, รูปเศียรพ่อแก่ และคำว่าสายเถื่อน ซึ่งรอยสักของ น.ส.จันทร์จิรา กับศพที่พบนั้นอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน นอกจากนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ภาพของ น.ส.จันทร์จิรา ตอนยังมีชีวิต พบว่า เธอก็สวมแหวนที่นิ้วกลางข้างขวาเช่นเดียวกับศพที่พบในไร่มันสำปะหลัง
เผยวงจรปิดนาทีเพื่อนสนิทขับรถขนศพสาวรอยสักไปทิ้ง
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด 2 มุม ช่วง 13.09 น. ของวันที่ 30 พ.ย. กล้องจับภาพช่วงที่รถเก๋งของผู้ตาย ที่นายนนท์ขับรถออกจากห้องพัก คาดว่าเป็นช่วงเวลาที่กำลังนำร่างของผู้ตายออกจากหอพักมุ่งหน้าไปที่จังหวัดชลบุรีเพื่อนำร่างของผู้ตายไปทิ้ง
เปิดวงจรปิดนาทีผู้ก่อเหตุหิ้วกันชนฝากบ้านเพื่อน
ต่อมาทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงกับจุดพบศพ ซึ่งเป็นวันที่ 30 พ.ย.66 เวลาประมาณ 18.20 น. สามารถจับภาพรถเก๋งที่นายปรัชญาธรรศ (ผู้ต้องหา) ใช้ก่อเหตุนำร่าง น.ส.จันทร์จิรา (ผู้ตาย) ยัดใส่กระโปรงท้ายรถ ก่อนจะนำไปทิ้งที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง
หลังจากที่ได้นำร่างของ น.ส.จันทร์จิรา ไปทิ้งอำพรางเสร็จแล้ว ในเวลา 18.42 น. ของวันเดียวกัน (30 พ.ย.66) นายปรัชญาธรรศก็ได้ขับรถเก๋งคันเดิมมาจอดอยู่ริมถนน จากนั้นก็ได้ลงจากรถแล้วเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็นบ้านของนายตั้ม (เพื่อนสนิท)
จากนั้นไม่นานประมาณ เวลา 18.50 น. นายปรัชญาธรรศก็ได้เดินกลับไปที่รถ พร้อมกับนำกันชนออกมาจากรถ แล้วนำกลับไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อน ซึ่งกันชนรถที่พังนั้นก็มาจากการที่นายปรัชญาธรรศได้ขับพุ่งชนกับเสาปูนภายในไร่มันสำปะหลัง ขณะที่นำร่างของ น.ส.จันทร์จิราไปทิ้งและในเวลา 19.40 น. นายปรัชญาธรรศก็ได้ออกจากบ้านนายตั้ม โดยที่ในมือนายปรัชญาธรรศนั้นได้อุ้มแมวดำอยู่ด้วย จากนั้นก็ได้ขึ้นรถเก๋งคันดังกล่าวขับออกไปทันที
ต่อมาเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 6 ธ.ค.66 เวลา 19.50 น. กล้องวงจรปิดตัวเดิมสามารถจับภาพนายปรัชญาธรรศขณะขับเข้ามาจอดที่เดิม แต่ครั้งนี้นายปรัชญาธรรศดูรีบร้อนคล้ายกับกำลังหนีอะไรมา
หลังจากนั้นในเวลา 20.04 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ก็ได้ขับตามเข้ามาด้วยรถกระบะ 2 คัน ก่อนจะบุกเข้าไปจับกุมตัวนายปรัชญาธรรศ และพาตัวออกมาในเวลา 20.19 น.
และในเวลา 20.42 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาตรวจสอบรถเก๋งคันดังกล่าวที่จอดทิ้งไว้ ก่อนจะให้รถลากมาขนย้ายไปที่ สภ.ห้วยใหญ่
เปิดนาทีนำตัวนายนนท์ไปชี้จุดทิ้งศพ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ ได้ควบคุมตัว นายปรัชญาธรรศ หรือ นายนนท์ (ผู้ต้องหา) ออกจากห้องขัง เพื่อนำไปชี้จุดอำพรางศพ น.ส.จันทร์จิรา ระหว่างที่นำตัวผู้ค้องหาออกมา ทีมข่าวได้พยายามถามว่า วันนี้อยากพูดอะไรไหม, ปมเหตุในการฆ่าคือทะเลาะกันในเรื่องอะไร, หลังก่อเหตุได้มีการย้อนกลับไปดู น.ส.จันทร์จิรา บ้างไหม แต่นายปรัชญาธรรศก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่ตอบอะไรกลับมา
เมื่อไปถึงที่จุดทิ้งศพ บริเวณไร่มันสำปะหลัง นายปรัชญาธรรศ ก็เผยว่า ได้ขับรถเก๋งของผู้ตายเข้ามาภายในสวนมันสำปะหลังเลย ซึ่งทางเข้าก็ค่อนข้างขรุขระและเป็นหลุมลึก ทำให้รถเก๋งนั้นไปพุ่งชนกับเสาปูนภายในไร่มันสำปะหลัง จากนั้นนายปรัชญาธรรศก็ได้อุ้มร่างของ น.ส.จันทร์จิรา ออกจากกระโปรงท้ายรถไปวางไว้ในร่องน้ำ แล้วก็ได้นำแผ่นไม้ที่เจอในบริเวณใกล้เคียงมาปิดทับไว้ แล้วจึงหลบหนีไป หลังจากที่มีการชี้จุดทิ้งศพ ทีใข่าวก็ได้พยายามเข้าไปถามนายปรัชญาธรรศอีกครั้ง ว่าเพราะอะไรถึงฆ่าผู้ตาย รู้สึกเสียใจไหม รู้สึกผิดไหม แต่ทางด้านปรัชญาธรรศก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วขึ้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทันที
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.55 น.ที่ผ่านมา ตำรวจสภ.ห้วยใหญ่คุมตัวนายนนท์ มาที่โรงแรมจุดเกิดเหตุในจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีการขับรถตู้เข้าไปบริเวณที่จอดรถของโรงแรมเพียงไม่กี่นาที ก่อนที่ทางตำรวจขับรถออกไปโดยทางทีมข่าวพยายามวิ่งตามรถตู้ของตำรวจที่วนออกจากโรงแรมมาจอดริมถนน ปรากฏว่าทางตำรวจนั้นรีบขับรถตู้กลับรถยูเทิร์นไปฝั่งตรงข้ามทันที
เพื่อนเผยนนท์มาหาที่บ้านก่อนจะไปทิ้งศพ พร้อมเล่ามีเรื่องแปลก ๆ เชื่อผู้ตายคงมาหลอก
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายตั้ม (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนายปรัชญาธรรศ เล่าว่า ตนกับนายปรัชญาธรรศ นั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ซึ่งก็ได้หายหน้าหายตาไม่ได้พบเจอกันหลายปีแล้ว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 เวลาเกือบ 1 ทุ่ม นายปรัชญาธรรศได้ขับรถเก๋งมาหาตน พร้อมกับเอาแมวตัวสีดำมาโชว์ให้ดู แล้วก็บอกว่า "เป็นทาสแมวเต็มตัวแล้วนะ" ตอนนั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็รู้สึกดีใจที่เพื่อนสมัยมัธยมแวะมาหา จึงได้มีการโทรชวนเพื่อนคนอื่น ๆ มานั่งดื่มเบียร์ด้วยกัน เมื่อนั่งดื่มไปได้ซักพัก นายปรัชญาธรรศก็ได้เอ่ยปากบอกว่าจะไปซื้อเบียร์เพิ่ม แล้วถามว่าใครจะเอาบ้าง จากนั้นนายปรัชญาธรรศก็ออกไปซื้อเบียร์ ไม่นานก็กลับมาโดยในมือได้หิ้วเบียร์มา 3 ขวด เพื่อน ๆ จึงถามว่า "นนท์ ซื้อมาทำไมตั้ง 3 ขวด เพื่อนฝากซื้อไปแค่ 2 ขวดนะ" นายปรัชญาธรรศจึงตอบกลับมาว่า "ก็ตอนนับแล้ว มีคนยกมือฝากซื้อเบียร์ 3 คน" ทุกคนจึงบอกว่ามีคนฝากซื้อแค่ 2 ขวดจริง ๆ จากนั้นนายปรัชญาธรรศก็ได้ปลีกตัวเข้าไปนั่งภายในรถ แล้วก็แสดงอาการเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นในวันที่ 6 ธ.ค.66 ประมาณ 18.00 น. นายปรัชญาธรรศก็ได้กลับมาหาตนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามาด้วยท่าทางแปลก ๆ คือมีอาการเหม่อลอย แล้วจู่ ๆ นายปรัชญาธรรศก็ได้บอกว่าตัวเองนั้นได้ฆ่าผู้หญิงตาย เพื่อน ๆ ก็พยายามถามว่าเป็นเพราะอะไรถึงไปฆ่าเขา นายปรัชญาธรรศก็เล่าว่า "กูพลาดไปแล้ว วันก่อนกูไปเที่ยวร้านนวด แล้วดันไปมีอะไรลึกซึ้งกับหมอนวด แฟนก็ดันมาจับได้ จนทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนั้นกูโมโหจึงบีบคอแฟน แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงตาย อีกซักพักตำรวจก็จะมาจับแล้ว" ซึ่งเพื่อน ๆ ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ แต่ก็ได้ปลอบใจแล้วก็ได้ให้นายปรัชญาธรรศดื่มเหล้าเพื่อย้อมใจก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้ามาจับกุมตัวไป
เปิดนาที ตร.บุกหิ้วตัวฆาตกรโหด ก่อนยึดรถไปโรงพัก
เหตุการณ์ในวันที่ 6 ธ.ค.66 เวลา 19.50 น. กล้องวงจรปิดตัวเดิมสามารถจับภาพนายปรัชญาธรรศขณะขับเข้ามาจอดที่เดิม แต่ครั้งนี้นายปรัชญาธรรศดูรีบร้อนคล้ายกับกำลังหนีอะไรมา
หลังจากนั้นในเวลา 20.04 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ก็ได้ขับตามเข้ามาด้วยรถกระบะ 2 คัน ก่อนจะบุกเข้าไปจับกุมตัวนายปรัชญาธรรศ และพาตัวออกมาในเวลา 20.19 น.
ต่อเวลา 20.42 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาตรวจสอบรถเก๋งคันดังกล่าวที่จอดทิ้งไว้ ก่อนจะให้รถลากมาขนย้ายไปที่ สภ.ห้วยใหญ่
คนเฝ้ารถผวา! ได้ยินเสียงเคาะปริศนาจากท้ายรถ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นายประยูร เกตุนอก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฝ้ารถอยู่ที่ สภ.ห้วยใหญ่ โดยนายประยูรเล่าว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หลังจากที่ตำรวจได้นำรถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่โกดัง ตนก็เห็นว่าภายในรถนั้นมีการเสียบกุญแจคาเอาไว้ และเพลงในรถก็ได้เปิดอยู่ ซึ่งตอนนั้นเป็นเพลงเศร้าเสียงผู้หญิงร้อง ตนจึงบอกให้ตำรวจมาเปิดรถเก๋งคันดังกล่าวเพื่อจะปิดเพลงและถอดกุญแจรถออก แต่พยายามถอดกุญแจเท่าไหร่ก็ถอดไม่ได้ พยายามอยู่นานสองนาน จนต้องถอดใจและปล่อยให้เพลงเปิดดังอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน
จนกระทั่งเกือบเที่ยงคืน ตนก็ได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้นมาคล้ายกับมีคนเคาะ ตนจึงเดินเข้าไปหาต้นตอของเสียง ก็ตกใจเพราะเสียงเคาะนั้นดังมาจากกระโปรงท้ายรถ แล้วตนก็ได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาจากบริเวณดังกล่าว นายประยูรจึงได้พูดบอกกล่าวกับผู้ตายว่า "ถ้ามีอะไรก็ไปบอกตำรวจนะ จะได้ช่วยกันให้ทุกอย่างคลี่คลาย ออกมาจากรถได้แล้ว ขึ้นไปที่โรงพักเลย ไม่ต้องมาหลอกพี่นะ"
หลังจากนั้นเสียงเคาะก็หายไปทันที แต่เสียงเพลงก็ยังคงเปิดอยู่ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเดินเข้าไปดูที่รถเก๋งคันดังกล่าวอีกครั้ง พบว่าจู่ ๆ กุญแจที่เปิดสตาร์ทเครื่องค้างไว้เมื่อคืนนี้ ได้บิดกลับมาอยู่ที่เดิม เสียงเพลงก็ปิดลงโดยที่ไม่มีใครได้เข้าไปยุ่งเลย