จากกรณีอุบัติเหตุ รถทัวร์โดยสาร สายกรุงเทพฯ-นาทวี ของบริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด พุ่งชนต้นไม้ข้างทาง เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 331-332 หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 14 คน โดย 1 ในนั้น คือ นางสาวศุภรัตนา เหตุทอง หรือ น้องเฟิร์น อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาศิลปะศึกษา มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดทุ่งลาน จ.พัทลุง โดยในวันนี้ทางครอบครัวได้จัดพิธีรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพของน้องเฟิร์นไปคืนแรก มีครอบครัว ญาติ เพื่อนๆ และชาวบ้านจำนวนมากเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจ
ต่อมาช่วงบ่าย ได้มีพิธีรดน้ำศพแม่ของน้องเฟิร์นยังคงทำใจไม่ได้ ร้องไห้ไม่หยุด และเป็นลมหมดสติอยู่บริเวณที่นั่งภายในศาลาสวดศพ ญาติๆต้องช่วยกัน ปฐมพยาบาล ซึ่งแม่ไม่มีแรงแม้กระทั่งลุกไปรดน้ำศพของลูกสาว
ส่วนเพื่อนๆของน้องเฟิร์น ทั้งเพื่อนสมัยมัธยม และเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยได้เดินทางมารดน้ำศพ ทุกคนต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ได้เห็นร่างของเพื่อนที่นอนไร้วิญญาณอยู่
เช่นเดียวกับพี่ชายของน้องเฟิร์นที่เข้ามารดน้ำศพ โดยพี่ชายถือเป็นคนสุดท้ายที่ติดต่อกับน้องสาวและเป็นคนที่น้องเฟิร์นบอกว่า จะกลับบ้านในวันพ่อ และบอกพี่ชายว่า อย่าเพิ่งบอกพ่อว่าจะกลับเพราะอยากกลับไปเซอร์ไพรซ์คุณพ่อ ซึ่งทันทีที่พี่ชายเดินมารดน้ำศพของน้องได้ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก จนญาติต้องช่วยกันเข้าไปประคอง
ส่วนคุณพ่อของน้องเฟิร์น ได้เข้าไปรดน้ำศพของลูกสาวเป็นญาติกลุ่มสุดท้าย โดยคุณพ่อมีสีหน้าที่เศร้าหมอง คุณพ่อพยายามใจแข็งไม่ร้องไห้ออกมาให้ใครเห็น
หลังจากรดน้ำศพเสร็จสิ้น ก่อนที่จะตอกตะปูปิดฝาโลง ครอบครัวยังได้นำกระเป๋า 1 ใบ ของน้องเฟิร์น ซึ่งภายในบรรจุอุปกรณ์วาดเขียน อุปกรณ์ทำศิลปะทั้งหมดของน้อง นำใส่โลงให้น้องไปด้วย เนื่องจากครอบครัวอยากให้น้องจากไปพร้อมกับสิ่งของที่น้องรักมากที่สุดด้วย
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุย นายดำรัส เหตุทอง พ่อของน้องเฟิร์น เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปกติทุกครั้งที่ลูกสาว เดินทางกลับบ้าน ส่วนใหญ่จะนั่งเครื่องบินกลับ แต่ครั้งล่าสุดตนเองก็ไม่รู้ใจลูกสาวว่าทำไมถึงเลือกนั่งรถทัวร์กลับบ้าน อาจจะเป็นเพราะลูกสาว อยากช่วยพ่อแม่ประหยัดเนื่องจากใกล้เรียนจบแล้ว หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
ตนเองไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่าลูกสาวจะกลับบ้านในวันพ่อ หากลูกชายไม่บอกช่วงเช้าวันที่ 5 ธ.ค. และชวนไปรับลูกสาวที่สถานีขนส่งเพื่อเซอร์ไพรส์กลับ ตนเองก็ไม่รู้ ซึ่งตอนที่เดินทางไปรอรับลูกสาวตัวเองดีใจมากเนื่องจากลูกสาวไม่ค่อยจะกลับมาเท่าไหร่ เพราะ ลูกสาวเรียนอยู่มหาวิทยาลัยใกล้จากบ้านมาก จะได้หยุดแต่ละทีก็ยาก
ทันทีที่ทราบข่าวว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุ ตนเองทำอะไรไม่ถูกและรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุทันที แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ส่วนตนเองก็ขอให้ลูกสาวไปสู่สุคติ ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์
ส่วนความฝันของลูกสาว น้องเฟิร์นมีความฝันอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก และเป็นเด็กที่ชื่นชอบในการวาดรูป ระบายสี ซึ่งตนเองและภรรยาไม่เคยปิดกั้นความฝันของลูกสาว สนับสนุนลูกสาวมาโดยตลอด ถึงแม้ตนเองและภรรยาจะมีอาชีพชาวนา ฐานะยากจนก็ตาม
เสียใจมากที่ลูกสาวซึ่งเป็นความหวังของครอบครัวได้จากตนเองไปแล้ว ซึ่งเหลืออีกเพียง 4 เดือนเท่านั้นที่ลูกสาวจะเรียนจบเป็นครู แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน
และสุดท้ายตัวเองอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เกิดจากความประมาท หรือ สภาพของรถ
นอกจากนี้ภายในงานศพทีมข่าวยังได้เจอกับนายเกียรติศักดิ์ เลิศตระกูล หรือ ครูกวาง เจ้าของโรงเรียนบ้านศิลปะพัทลุง ได้เดินทางมาร่วมงานศพของน้องเฟิร์นด้วย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าน้องเฟิร์นถือเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในการวาดภาพระบายสีมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีสมาธิ และตั้งใจ กว่าเด็กรุ่นเดียวกัน
ครั้งหนึ่งตนเองมีโอกาสได้สอนน้องเฟิร์นวาดรูประบายสี เนื่องจากแม่ของน้องเฟิร์นอยากสนับสนุนความสามารถของลูกจึงให้มาเรียนพิเศษวาดภาพกับตนเองโดยคิดค่าสอนเดือนละ 500 บาท เรียนเสาร์- อาทิตย์ วันละ 3 ชั่วโมง 9 โมงเช้าถึงเที่ยง
และตนเองนี่แหละเป็นคนให้โจทย์น้องให้วาดรูปไก่ 2 ตัว ซึ่งเป็นภาพวาดที่เมื่อวานนี้ทีมข่าวมีการนำเสนอว่า เป็นภาพวาดของน้องเฟิร์นที่น้องเฟิร์นรักและห่วงมากที่สุด โดยครูกวางอธิบายที่มาของภาพดังกล่าวว่า ภาพไก่ 2 ตัวนั้น น้องเฟิร์นได้วาดและระบายสีจากภาพต้นฉบับของตนเอง ซึ่งภาพดังกล่าวมีลักษณะพิเศษคือ ลวดลาย มิติแสงและเงา และการลงสี มีความยากและซับซ้อนมาก โดยก่อนที่จะให้น้องเฟิร์นวาด ตนเองได้ท้าน้องเฟิร์นว่าสนใจจะวาดรูปนี้ไหม แต่มันวาดยากมากนะ
น้องเฟิร์นซึ่งตอนนั้นอายุ 12 ปี อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้ตอบกลับคำท้าของตนเอง และบอกว่า หนูวาดได้ ตนเองจึงให้ลองวาดดู ซึ่งตัวเองรู้สึกอึ้งในความสามารถของน้องเฟิร์นมาก
นอกจากนี้ครูกวางยังบอกอีกว่า น้องเฟิร์นอยากเป็นครูสอนศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่มันสมองของน้องเฟิร์น มีความฉลาด สอบได้เกรด 4.00 มาตั้งแต่เด็ก ตนเองเคยแนะนำว่า ให้น้องเฟิร์นเรียนหมอ และนำพรสวรรค์ด้านการวาดภาพเป็นงานอดิเรกก็ได้นะ แต่น้องเฟิร์นก็ยังยืนยันว่าอยากจะเป็นครูสอนศิลปะ
กระทั่งน้องเฟิร์นเข้ามหาวิทยาลัย และกำลังจบเป็นครู แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน ซึ่งหากเห็นน้องเฟิร์นเรียนจบและกลายเป็นครูได้สำเร็จตนเองเชื่อว่า ประเทศไทยคงมีครูสอนศิลปะที่เก่งๆ เพิ่มอีก 1 คน