ผู้สื่อข่าวช่อง 8 เป็นหุ่นจำลอง สาธิตการลงมือฆ่า

จากกรณีของ สาวสักลาย หรือ น.ส.จันทร์จิรา หรือ น้องส้ม สาววัย 27 ปี ถูกฆาตกรรมอำพรางในไร่มันสำปะหลังและพบศพในวันที่ 2 ธ.ค.66 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ โดยพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นฝีมือแฟนใหม่ของผู้ตาย คือ นายปรัชญาธรรศ หรือ นนท์ อายุ 32 ปี จึงสามารถบุกจับกุมตัวได้ในวันที่ 6 ธ.ค.66 และผู้ต้องหาก็ได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่า น.ส.จันทร์จิรา ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ก่อนจะนำร่างยัดใส่กระโปรงท้ายรถเก๋งมาทิ้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยะทางร่วม 312 กิโลเมตร

ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค.66) เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายปรัชญาธรรศ ผู้ต้องหามาสอบสวนเพิ่มเติม เพราะเมื่อวานนี้การทำแผนประกอบคำรับสารภาพไม่สำเร็จ เนื่องจากทางด้านญาติของผู้ตายได้ไปดักรออยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหากลับมาที่ สภ.ห้วยใหญ่ ทันทีเพราะเกรงว่าจะเกิดการรุมประชาทัณฑ์

วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้นายปรัชญาธรรศ สาธิตวิธีการลงมือก่อเหตุอีกครั้ง โดยให้ทีมข่าวช่อง 8 เป็นหุ่นจำลองของ น.ส.จันทร์จิรา (ผู้ตาย) ซึ่งนายปรัชญาธรรศ ได้ยอมรับว่า ตัวเองนั้นได้ทะเลาะและมีปากเสียงกับผู้ตาย ด้วยความโกรธจึงใช้มือข้างซ้ายตรึงแขน น.ส.จันทร์จิรา ไว้เหนือศีรษะ จากนั้นก็ใช้มือข้างขวาบีบคออย่างเต็มแรง แล้วก็มีการใช้หมอนหนุนกดหน้าอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นว่า น.ส.จันทร์จิรา แน่นิ่งไปก็รู้แล้วว่าคงจะเสียชีวิต แต่ตอนนั้นคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจนอนพักอยู่ข้าง ๆ ศพผู้ตายเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะตัดสินใจนำร่าง น.ส.จันทร์จิรา ไปยัดใส่กระโปรงท้ายรถเก๋ง แล้วนำไปทิ้งที่ไร่มันสำปะหลัง จังหวัดชลบุรี

เปิดปากครั้งแรก! เผยสุดจะทน จึงลงมือฆ่า

ต่อมาในเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมนายปรัชญาธรรศ หรือ นายนนท์ ออกจากห้องสอบสวนและเตรียมจะนำส่งฝากขับที่ศาลจังหวัดชลบุรี โดยเบื้องต้นมีการแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายและอำพรางซ้อนเร้นศพ ระหว่างที่นำตัวนายปรัชญาธรรศออกจากห้องพนักงานสอบสวนเพื่อไปขึ้นรถ ทีมข่าวได้เข้าไปถามถึงปมเหตุในการฆ่า น.ส.จันทร์จิรา อีกครั้ง

ซึ่งครั้งนี้นายปรัชญาธรรศได้ยอมเปิดปากตอบคำถาม โดยบอกว่า "ผมสุดจะทน ที่ผ่านมาผมถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว" ทีมข่าวก็ได้ถามต่อว่า "แล้วโพสต์กับแชตในเฟซบุ๊กผู้ตาย ใครเป็นคนทำ" นายปรัชญาธรรศก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำ และทำเพื่อสร้างสถานการณ์ให้คนอื่นเข้าใจผิด นอกจากนั้นนายปรัชญาธรรศ ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ตนรู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนแค่พลั้งมือ ไม่ได้ตั้งใจให้ถึงตาย และอยากขอโทษครอบครัวของ น.ส.จันทร์จิรา จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวนายปรัชญาธรรศขึ้นรถไปทันที

 
ที่เดียว! ช่อง 8 เปิดวงจรปิด พิสูจน์เสียงเคาะจากท้ายรถ

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 7 ธ.ค.66 เวลา 00.09.46 - 00.09.55 น. บริเวณคอกเก็บรถของกลางที่ สภ.ห้วยใหญ่ เป็นวินาทีที่เจ้าหน้าที่เฝ้ารถทั้ง 3 คนได้ยินเสียงเคาะ ปัง ปัง ดังประมาณ 4-5 ครั้ง ทำให้ทั้ง 3 คนนั้นหันมองหน้ากันในทันที และก็มีคนพูดขึ้นมาว่า "เสียงใครเคาะรถ" จากนั้นนายประยูรก็บอกว่า "ไม่มีหรอก นอนอยู่นี่ทุกวัน ไม่มีไรๆ" แต่อีกคนก็ยืนยันว่าได้ยินอยู่ ดังปัง ปัง จากนั้นก็มีคนถามขึ้นมาว่า "เขาเอาคนตายยัดใส่กระโปรงรถหรือเปล่า คันที่มีผ้าคลุมอยู่" จากนั้นทั้ง 3 คนก็ได้พูดคุยถึงเรื่องคดีดังกล่าว

จากนั้นในเวลา 00.17 น. คนเฝ้ารถก็ได้ไปเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถอดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์รถของ น.ส.จันทร์จิรา แต่ก็ไม่สามารถถอดกุญแจออกมาได้


ช่อง 8 เปิดคลิปขนลุก เจอเสียงเคาะรถของกลางขนศพ ตำรวจเจอเต็มๆ

ขณะที่กำลังนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถเพื่อส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายก็ได้พูดจาแปลก ๆ โดยพูดว่า "ไปเลยนะ ตามขึ้นรถไปเลยนะ ไปเลย ขึ้นไปเลย" ทีมข่าวก็สังสัยว่าคำพูดดังกล่าวหมายถึงอะไร ตำรวจนายหนึ่งก็ได้เล่าให้ฟังว่า "หลังจากเจอศพผู้หญิงคนดังกล่าว ก็เกิดเรื่องแปลก ๆ กับผู้กองที่ดูแลคดีนี้ โดยตอนนั้นเวลาประมาณตี 5 ขณะที่ผู้กองกำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะกระจกรอบ ๆ ห้องประมาณ 4-5 ครั้ง ซึ่งตอนนั้นไม่ค่อยมีใครอยู่ที่โรงพักแล้ว จะมีก็แต่ตำรวจไม่กี่นาย ซึ่งก็อยู่กันคนละชั้น และเชื่อว่าคงไม่มีใครมาเคาะกระจกเล่นตอนตี 5"

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เข้าไปพูดคุยกับ นายประยูร เกตุนอก หรือ จ่าหนู อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฝ้ารถอยู่ที่ สภ.ห้วยใหญ่ โดยนายประยูรเผยว่า ตนนั้นทำงานเฝ้ารถที่คอกดังกล่าวมา 1 ปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แปลก ๆ จนวันที่นำรถคันดังกล่าวมาจอด ตนก็เจอเรื่องแปลก ๆ ทั้งได้ยินเสียงเคาะ ได้กลิ่นเหม็น ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่แต่งเรื่องหรือโกหก เนื่องจากคนอื่น ๆ ก็เจอดีเหมือนกับตน เพราะวันที่ 6 ธ.ค.66 หลังเจอที่ตนเจอเรื่องแปลก ๆ ตนก็ได้บอกกับผู้ตายว่า "พี่อยากช่วยนะ แต่พี่ไม่มีตำแหน่ง หรือมีหน้าที่การงานที่จะไปช่วยอะไรน้องได้ ถ้าน้องเจ็บปวดหรือโดนทำร้ายยังไง ก็ให้น้องไปสื่อสารกับคนที่เขาพอจะช่วยได้เถอะ เขาอยู่ข้างบนนู่น (โรงพัก) ส่วนพี่จะช่วยเฝ้ารถให้เอง ไม่ต้องห่วงนะ" พอหลังจากวันนั้น ทางด้านของผู้กองที่ดูแลคดีนี้ก็ได้เดินมาหาตน แล้วกระซิบถามว่า "พี่เจออะไรแปลก ๆ เหมือนผมไหม" นายประยูรจึงถามว่า "แล้วผู้กองเจออะไรล่ะ" ทางด้านผู้กองก็บอกว่ามีคนมาเรียกตอนตี 5 ทั้งคู่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าคงเจอดีเข้าให้แล้ว

แต่หลังจากวันที่สามารถจับกุมตัวคนร้าย และยืนยันได้ว่าชายคนนั้นเป็นคนก่อเหตุ ตนก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย คิดว่าน้องเขาคงไปสบายแล้ว เพราะสามารถจับตัวคนร้ายและสามารถทวงความยุติธรรมให้กับน้องเขาได้แล้ว หลังจากนี้ก็คงต้องมีการทำบุญที่คอกรถซักครั้ง เพราะตนก็อยากจะอุทิศผลบุญให้กับผู้เสียชีวิตหลาย ๆ คนในที่นี้

 

คนดูแลหอพัก อึ้งได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน เห็นห่อศพไปท้ายรถ

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังหอพักแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุพรรณบุรี สอบถาม คุณน้อย (นามสมมติ) คนดูแลหอพัก ดังกล่าว บอกว่า คนก่อเหตุ คือ ติดต่อเช่าพัก ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นายนนท์เดินทางเข้ามาดูห้องพักก่อนจากนั้นก็ได้คุยตกลงราคากันทางโทรศัพท์พร้อมกับนัดวันเข้าพัก

กระทั่งส่วนวันสุดท้ายที่เจอคือ วันที่ 29 พ.ย. วันที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ แต่จะมีแม่บ้าน มาเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร

หลังผ่านวันนั้น คุณน้อยก็ไม่เห็นทั้งคู่อีกเลย จนกระทั่งวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนพยายามติดต่อฝ่ายชายเพื่อให้จ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงคิดว่า ผู้เช่าน่าจะทิ้งห้องและหนีค่าเช่าไปแล้ว จึงตัดสินใจให้แม่บ้านเก็บห้องไปเมื่อวานนี้

ทีมข่าวได้รับข้อมูลมาว่า ในวันที่ 29 พ.ย. ที่เกิดเหตุหลังจากแม่บ้านได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกัน เจ้าของหอพักได้ย้อนกล้องวงจรปิด เพื่อดูเหตุการณ์ ปรากฏว่า เห็น นายนนท์ อุ้มร่าง น.ส.ส้ม ขึ้นรถ โดยนำร่างใส่ท้ายรถ หลังจากเห็นภาพ เจ้าของหอพักได้ไปแจ้งตำรวจในท้องที่ แต่ตำรวจกลับไม่รับแจ้ง โดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีใครเสียชีวิต เจ้าของหอพักจึงกลับมาและพยายามติดต่อเจ้าของห้องดังกล่าวแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

ขนลุก! ครั้งแรกกล้องจับวิญญาณสาวรอยสักทุบรถลั่น เงาคนวิ่งจนผู้กองร้อง "เฮ้ย"