เผาแล้วคนขับรถสำรองรถทัวร์มรณะ แม่ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ต้องมาสูญเสียลูกชายคนเดียว
7 ธ.ค. 66 จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถโดยสาร สาย กรุงเทพฯ-นาทวี ของบริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด ซึ่งเป็นรถร่วมบริการของ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง บนทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ขาล่องใต้ ช่วงหมู่ที่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยรถโดยสารดังกล่าว มีนายสุทธิรักษ์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นคนขับสำรองและเสียชีวิต
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านผู้เสียชีวิตและวัดบ้านโคกสะแกลาด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งทางครอบครัวและญาติๆ จัดพิธีฌาปนกิจศพของ นายสุทธิรักษ์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะทางด้าน คุณแม่ทองลา แม่ผู้เสียชีวิต ร้องไห้ น้ำตาไหลตลอดเวลา เพราะทำใจไม่ได้จริงๆ ที่ต้องมาสูญเสียลูกชายคนเดียวไปในวัยเพียง 31 ปี
จากการสอบถามนายเฉลิมพล พ่อผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกชาย อยู่ในวงการรถทัวร์นานแล้ว แต่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นคนขับรถ เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว และยังไม่เคยได้ขับรถทัวร์เลยสักครั้ง โดยปกติลูกชายดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่พอได้เลื่อนขึ้นเป็นคนขับ ก็เลิก ก็มีบ้างที่ได้ยินว่าลูกชาย บ่นว่าเหนื่อยเพราะต้องเดินทางไกลลงใต้ เมื่อรับคนเสร็จ ก็จะนอนเลย
ในวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้คุยอะไรกับลูกชาย เพราะตนขับรถอยู่อีกสาย พอทราบข่าว ว่ารถทัวร์ลูกชายเกิดอุบัติเหตุ ตนยังไม่เชื่อว่าลูกชายจะเสียชีวิต ยังคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าลูกชายต้องปลอดภัย ไม่เป็นอะไร ซึ่งตอนนั้น ตนเองยังไม่กล้าบอกภรรยา
สำหรับคนขับรถทัวร์คันดังกล่าว ตนก็รู้จัก ก็เห็นว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่ในช่วงวันเกิดเหตุ เห็นว่าไม่ค่อยสบาย คนขับขอลางาน แต่ทางบริษัทฯ ไม่อนุญาตให้ลา ไม่ทราบว่าเพราะอะไร จนมาเกิดอุบัติเหตุ และตนต้องมาสูญเสียลูกชายดังกล่าว
แม่หนึ่งในผู้บาดเจ็บเผยตอนนี้ลูกอาการ 50-50 ต้องส่งไปรักษายังโรงพยาบาลบาลเฉพาะทาง
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังรพ.ประจวบฯ มาพบกับนางพรทิพย์ อายุ 58 ปี แม่ของนางแตงโม มณฑิรา อายุ 29 ปี 1 ในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์รถทัวร์นรก ที่ตอนนี้ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ โดยนางพรทิพย์เปิดใจกับทีมข่าวช่อง8 ว่า ตอนนี้ก็ยังเป็นห่วงอาการของลูกสาวมากๆ เพราะลูกสาวยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด ยังไม่รู้สึกตัวและไม่มีการตอบสนองใดๆเลย โดยเบื้องต้นแพทย์แจ้งว่าลูกสาวตนมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง จนมีเลือดออกภายในสมองกระจายไปหลายจุด
ทำให้ทางแพทย์ของรพ.ประจวบฯ ได้ร่วมประเมินอาการและบอกกับตนว่าลูกสาวของตนจำเป็นต้องย้ายไปรักษายังรพ.ที่มีศักยภาพในการรักษาด้านสมอง โดยรพ.ด้านนี้ใกล้บ้านที่สุดคือรพ.สงขลานครินทร์ ในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะบ้านแหนของลูกสาวตนอยู่ที่นี้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกสาวตนไม่รู้เลยว่าสูงขนาดไหน แต่ก็ยังอุ่นใจได้ว่ายังไงก็มีประกันอุบัติเหตุของรถทัวร์จ่ายแน่นอน ส่วนหน่วยงานอื่นๆยังไม่มีการติดต่อมา
ส่วนในตอนที่เกิดเหตุรถทัวร์ชนต้นไม้ ตนไม่ได้ติดตามข่าวจึงไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในแต่ละวัน ต่อมามีเพื่อนบ้านมาบอกกับตนว่ามีเหตุการณ์รถทัวร์ชนต้นไม้ ซึ่งรายชื่อของผู้บาดเจ็บมีชื่อลูกสาวของตนด้วย โดยชื่อลูกสาวตนรักษาตัวอยู่รพ.ห้วยยาง และเมื่อทราบเช่นนี้ตนก็รีบเดินทางมาดูอาการลูกสาวทันที แต่เมื่อมาถึงที่รพ.ห้วยยาง ก็ไม่พบตัวลูกสาว จนแพทย์แจ้งว่าชื่อของลูกสาวตนนั้น ไม่มั่นใจว่าเป็น 2 คนนี้หรือไม่ โดนคนแรกรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูอยู่ที่รพ.ประจวบขีรีขันธ์ ส่วนอีกคนนึงก็ชื่อคล้ายกันแต่เสียชีวิตแล้ว เมื่อทราบเช่นนี้ตนจึงเดินทางไปดูศพก่อนแต่เมื่อดูศพแล้วไม่ใช่ลูกตน จึงเดินทางมาดูอีกคนที่อยู่ที่รพ.ประจวบ และเมื่อเดินทางมาดูจึงพบว่าคนที่อาการสาหัสคือลูกสาวตนนั้นเอง
เด็ก 9 ขวบแฉ โชเฟอร์รถทัวร์อาจหลับใน สะดุ้งเหยียบคันเร่งชนต้นไม้
ผู้สื่อข่าวได้พบกับครอบครัวของน.ส.อัญชลี คือ นายมานะ อายุ 46ปี สามี เล่าให้ฟังว่า ช่วงเช้าทางโรงพยาบาลทับสะแกโทรไปยังเบอร์พี่สาวโทรมาบอกว่ารถที่ภรรยาและลูกนั่งมาประสบอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรแต่เมื่อทราบข่าวก็รีบขับรถขึ้นไปประจวบเลย รู้เบื้องต้นว่าภรรยานั่งเลขที่นั่ง 20 กว่าๆ โดยนั่งมาพร้อมกับลูกชายวัย 9 ขวบซึ่งครั้งสุดท้ายที่คุยกับภรรยา ภรรยาบอกว่าจะไปขึ้นรถที่หมอชิตแต่ตั๋วเต็มจึงไปขึ้นรถที่สายใต้
และได้คุยอีกทีประมาณ 20.00 น. ว่าพรุ่งนี้ให้ต้นไปรับที่ควนลัง หลังจากนั้นเผลอหลับไป ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีลางบอกเหตุอะไร ซึ่งปกติภรรยาไม่ค่อยนั่งรถทัวร์ ส่วนมากจะขับรถไปเอง สามียังเล่าอีกว่าปกติภรรยาเป็นคนนิสัยดีเพื่อนๆ รักทุกคน
ส่วนลูกชายวัย 9 ขวบ หรือ น้องเฟซบุ๊ก อายุ 9 ปี ที่นั่งมาบนรถด้วยในคืนวันเกิดเหตุ เล่าว่า คนขับรถขับรถนิ่มมากไม่ส่าย และดูเหมือนคนขับหลับในและสะดุ้งไปเหยียบคันเร่ง แล้วชนกับต้นไม้ ซึ่งตอนชนตนนั้นอยู่บนตักแม่มารู้สึกตัวอีกทีก็กระเด็นออกนอกรถแล้ว ตนก็เดินออกมาเห็น รถน้ำมันแตก รถยังสตาร์ทอยู่
ตอนนั้นตนเดินออกมาจากป่าได้ยินเสียงคนช่วยเหลือแล้วเสียงดังมาก ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณขาศีรษะและมือแต่ไม่มาก ไม่มีอะไรหัก สามารถเดินได้ปกติ แต่ตกใจมาก