จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปน้องไนซ์ นิรมิตเทวาจุติ หรือ น้องไนซ์เชื่อมจิต แสดงบนเวทีและพูดคำว่า "ไอพวกโง่" ใส่คนกลางเวที จากกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้น



เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ​ พม.​ เผยว่า การจะใช้เด็กและเยาวชนในกิจการใดก็แล้วแต่ ถึงจะเป็นพ่อหรือแม่ แต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต มาเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อสังคม ส่วนเรื่องความเชื่อจะไปห้ามคงไม่ได้ แต่ขอให้ใช้วิจารณญาณบริโภคข่าว แต่กรณีที่เกิดขึ้นตนต้องขอฝากไปยังผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวเด็ก ในการพิจารณาว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

ซึ่งทาง พม. เป็นห่วงเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย ส่วนกรณีนี้จะเป็นการหาผลประโยชน์กับเด็กหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่คิดว่าต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา



แม่แจงคลิปน้องไนซ์ด่าโง่ ถูกตัดต่อหนังคนละม้วน

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาพูดคุยกับแม่ของน้องไนซ์ ว่าจากกรณีที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นั้นว่า ตนไม่ได้ซีเรียสเลย หากตอนนี้ครอบครัวของตนหรือกลุ่มผู้ศรัทธาตนจะถูกตรวจสอบจากภาครัฐหรือหน่วงงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะตนรู้ดีว่าพวกตนกำลังทำอะไรกันอยู่ ซึ่งขณะนี้มีแต่กลุ่มโจมตีพวกตนทั้งนั้นที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อน้องไนซ์ และอยากจะให้ดูหลักฐานด้วยว่าน้องไนซ์นั้นรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน จึงได้มีการเรียกกลุ่มแอดมินของตัวเองประชุมตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา แล้วแจ้งไปในกลุ่มใจความว่า



“ภาพที่ อ.น้องไนซ์เห็นคือ หากเราไม่ดำเนินการตามนี้ จะมีผู้กลั่นแกล้งเอาข้อมูลในกลุ่มเฟซบุ๊กปลอมไปร้องเรียนสำนักพุทธแทน และสำนักพุทธก็จะไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นที่มาของความเสียหาย กับ "นิรมิตเทวาจุติ" อยู่ดี ดังนั้นต้องใช้กลุยุทธ์ "ตัดไฟแต่ต้นลม" และเพื่อหาพันธมิตรเพิ่มด้วยคือ "สำนักพุทธ"

อีกทั้งยังอยากจะบอกกับผู้ใหญ่หรือสื่อต่าง ๆ ของบ้านเมืองในตอนนี้ว่าหากท่านไม่รู้ว่าอะไรเป็นความจริงบ้าง ก็ควรพิจารณากันก่อนที่จะมีการตรวจสอบ อย่างเช่นรูปที่ถูกตัดต่อรูปน้องไนซ์ไปเปรียบกับพระพุทธเจ้า รูปนี้ทางตนก็ไปแจ้งความแล้วว่ารูปดังกล่าวไม่ได้มาจากตน ดังนั้นก็ควรให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย เพราะตอนนี้ตนเชื่อว่ามีกลุ่มคนจ้องที่จะทำลายชื่อเสียงของน้องไนซ์

ดังนั้นแล้วตนก็ได้ตั้งทนายเพื่อฟ้องร้องกลุ่มคนเหล่านี้ที่พยายามโจมตีน้องไนซ์ และทางผู้ใหญ่ที่กำลังเพ็งเล็งพวกตนอยู่ก็ต้องออกมารับผิดชอบเช่นกันที่ตอนนี้กำลังจะทำให้เด็กที่มีเจตนาดี ที่ต้องการสอนธรรมมะคน ต้องด่างพร้อย



ส่วนเรื่องคลิปตัวหนึ่งออกมาว่าน้องไนซ์นั้น พูดคำว่า “ไอพวกโง่” ใส่ผู้ร่วมงาน ซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาในโซเชียลมีเดีย ณ ขณะนี้ ตนขอยืนยันว่าเป็นหนังคนละม้วน เป็นแค่เพียงการตัดคำพูดท่อนเดียวมาโจมตีเท่านั้น เนื่องจากในวันที่มีการเวิร์คช็อปของกลุ่มคนที่เข้ามาร่วมปฎิบัติธรรมกับน้องไนซ์ ได้มีการแสดงละครธรรมมะกันบนเวทีในเรื่องต่าง ๆ จนถึงช่วงที่แสดงเรื่องการพิจารณาด้านอารมณ์ น้องไนซ์ก็ได้เรียกแอดมินทุกคนขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำการแสดง โดยน้องไนซ์บอกให้แอดมินจำลองเหตุการณ์การว่ายน้ำ ซึ่งแอดมินก็จำลองให้ จากนั้นน้องไนซ์ ก็พูดคำว่า“ถ้ามีคนพูดว่าไอพวกโง่ทุกคนจะรู้สึกอย่างไร” เพื่อเป็นการทดสอบอารมณ์คนที่ถูกด่าว่าจะรู้สึกเช่นไร

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับน้องไนซ์ เกี่ยวกับเรื่องที่พูดคำว่าไอโง่บนเวที โดยน้องไนซ์ ชี้แจงว่า เป็นแค่การแสดงละครเวทีเท่านั้น โดยต้องการบอกกับผู้ร่วมงานทั้งหมดว่าถ้าน้องไนซ์พูดว่าไอโง่ทุกคนจะรู้สึกยังไง แต่ว่าพวกมาร จะตัดมาเป็นช่วง ๆ ทำให้มีคนเข้าใจน้องไนซ์ผิดกันไปหมด และอยากจะย้ำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ร่างทรง
อีกทั้งอยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกว่าเอาเวลาที่จะจับผิดคนแบบนี้ เอาไปชวนตนมาร่วมกันปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐานจะดีกว่า เพื่อจะได้มีแสงแห่งธรรมมาปกปักษ์รักษาประเทศของเรา



พระพยอม ติง ตัดต่อน้องไนซ์ใส่ร่างพระพุทธเจ้าไม่เหมาะสม

ล่าสุด 13 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวถึงความเหมาะสมกับทางพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาส วัดสวนแก้ว

พระพยอม กล่าวว่า การนำรูปหน้าน้องไนซ์มาใส่ในรูปพระพุทธเจ้า เป็นการล่วงล้ำเกินไป เรียกว่าไม่เกรงใจคนส่วนใหญ่ที่นับถือพระพุทธเจ้า อย่าทำให้เป็นเนื้องอกพระพุทธศาสนามากไปกว่านี้ อย่าต่อยอดมากเดี๋ยวยอดจะหัก ส่วนบอกว่าน้องไนซ์เป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด มันคนละโลกคนละศาสนากับพระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด คนที่เวียนว่ายตายเกิดต้องไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ แล้วนี่ยังกลับมาเกิดหมายความว่ายังไง เป็นการอุปโลกน์กันเอง หรือเข้าใจแบบนั้นจริง ลองไปถามคนที่จบมหาวิทยาลัยสงฆ์ว่าจะรับได้ไหม ถ้าคนจะปฏิบัติธรรมต้องเห็นธรรมเห็นกิเลส เห็นหน้าไปลอยอยู่บนร่างพระพุทธเจ้า ทำแบบนี้จะทำให้เสื่อมเร็ว แทนที่จะอยู่สักระยะเดี๋ยวจะอวสานเร็วขึ้น

ยื่นสอบน้องไนซ์ เรียกเก็บค่าอบรม ชี้เข้าข่ายความผิดนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงประชาชน

นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง ยื่นหนังสือถึงนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนา ผ่านนางสาวสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบกรณี น้องไนซ์ เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่อ้างตนมีว่ามีอภินิหาร สามารถหยั่งรู้ เป็นเทวานิรมิตจุติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม โดยขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้เร่งด่วน เนื่องจากมีประชาชนเข้ามาร้องเรียนผ่านทางเพจเป็นหนึ่ง กลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นจุติเทพโดยพบว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าคอร์สอบรบเป็นเงิน 500 - 4,000 บาท

นางสาวชลิดา ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการจัดสัมมนาและให้โอนเงินเข้าอบรบที่จังหวัดภูเก็ต ราคาตั้งแต่ 1,900 - 4,500 บาท ซึ่งการนำเด็กมาหาผลประโยชน์จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เด็กหรือไม่ พร้อมระบุว่า ไม่มีใครไปต่อว่าน้องว่าเป็นเด็กไม่ดี หรือไม่สมประกอบ แต่กำลังถามว่าคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วเอาเยาวชนอายุ 8 ขวบ มาหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ซึ่งเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ รวมถึงเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีถูกนำไปไหนและไปทำอะไร ทั้งนี้ จากการแฝงตัวเข้าไปยังกลุ่มไลน์พบมีการเรียกเก็บเงินในการเชื่อมจิต ซึ่งหากต้องการเผยแพร่พระพุทธศาสนาจริง ๆ ขอให้ไปวัดไม่จำเป็นต้องมีเสียเงินค่าคอร์ส 4,500 บาท พร้อมฝากไปยังกลุ่มคนที่มีความรู้ทางกฎหมาย ที่ออกมาขู่คนที่วิจารณ์ ว่า คุณกำลังเอาเด็กมาหากิน เอาเด็กมาเป็นเกาะป้องกัน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าเพิกเฉยกับเรื่องนี้ มันเป็นปัญหาสังคม ที่ประชาบนกำลังจับจ้องอยู่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องความเชื่อ แต่เป็นเพราะคนไทยเชื่อเรื่องแบบนี้มัน ก็เลยมีกลุ่มคนที่เอาเรื่องศาสน มาหลอกลวงประชาชนให้โอนเงิน



"ถ้าคุณอยากจะทำบุญ อยากจะเผยแพร่ศาสนา ก็ควรจัดให้คนมาฟังฟรีไม่ต้องเสียเงิน แต่พอมีการถามกลับว่าเสียเงินค่าอะไรก็ถูกเหวี่ยงกับอีก พอไม่โอนเงินภายใน 1 วันก็ถูกลบออกจากกลุ่มไลน์

จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เรื่องพ.ร.บคุ้มครองเด็ก นำตัวเด็กมาสอบหาข้อมูล ตัวออกมาแยกจากพ่อและแม่ และไปคุยกับเด็กอาจจะไม่เป็นแบบที่เราเห็นในสื่อก็ได้ "

ขณะที่ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์  ได้มายื่นหนังสือพร้อมกับนำหลักฐานแชตไลน์กลุ่มที่มีสมาชิกอยู่กว่า 6,000 คน และหลักฐานการโอนเงินทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคนที่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับอาจารย์น้องไนซ์ ซึ่งเงินที่โอนไปไม่ได้เข้าไปที่ตัวเด็กหรือครอบครัวแต่เป็นบุคคลที่สาม ที่อ้างว่าเป็นแอดมินกลุ่ม โดยขอให้ตรวจสอบการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ที่เข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย เนื่องจากได้ตรวจพบการใช้เด็กอายุ 8 ขวบ ที่อ้างว่าตัวเองเชื่อมจิตได้มาเรียกเก็บเงิน และเมื่อมีคนไปห้ามก็ถูกข่มขู่ คุกคามมายังเฟซบุ๊กของนายนพรัตน์ พร้อมระบุว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน

นางสาวสุภาภรณ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราได้รับการร้องเรียนและส่งหลักฐานเข้ามาในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนา จึงมีหน้าที่ที่ต้องตรวจสอบเป็นเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และรู้สึกยินดีที่สังคมไทย ช่วยกันดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาดูแลสังคมให้มีความแข็งแรงทางด้านจิตใจ ในการเชื่อถืออะไรแบบมีเหตุผล ไม่มีอะไรเคลือบแคลง โดยหลังจากนี้จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือและดูว่าแต่ละหน่วยงานจะสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง ยืนยันว่าเราสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้สังคมต้องวิตกกังวลไปมากกว่านี้

"ไนซ์" โต้ด่าศิษย์โง่แค่การแสดง ชี้มารเลือกตัดคลิปทำเสื่อม พระพยอมติงไม่สมควร