จากกรณีเฟซบุ๊กของนางสาวกนกอร โพสต์ข้อความและคลิปเตือนภัยสายมู หลังจากเธอและเพื่อนไปดูหมอดูชื่อดังที่ชื่อ มะตีตี้ น้องสาวของหมอดู ET ที่เธอไปเปิดประสบการณ์มาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยฝั่งคนโพสต์อ้างว่าหมอดูนำข้อมูลจากมือถือไปทำนายดวง
โดยข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า "เตือนภัยหมอดูหลอกลวง หมอดูพม่า หมอดูมะตีตี้ชื่อดังที่หลายคนเคารพนับถือ (พี่น้องหมอดู ET) หลังจากเค้กและเพื่อน ๆ ทุกคนได้ดูดวง วันนี้ 12/12/66 มีเพื่อนบางคนเอะใจ เรื่องข้อมูลรายชื่อที่หมอดูพูดและเขียนถึง ล้วนเป็นรายชื่อมือถือที่โทร. เข้ามา และเขียนชื่อแบบเดียวกับที่เราเมมเลย
เราเลยพิสูจน์ด้วยการสร้างรายชื่อปลอมในมือถือให้กับปาม เพื่อนคนสุดท้ายที่เข้าไปดูดวง ใส่ชื่อในมือถือที่ไม่มีบุคคลคนนั้นอยู่จริงโดยใช้มือถือเค้กยืมเข้าไปพิสูจน์
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หมอดูพูดชื่อรายชื่อในมือถือเค้ก และใส่ชื่อ-นามสกุลเค้กที่อยู่ในโน้ต รวมถึงพูดรายชื่อในมือถือเค้กทั้งหมด จนปาม งง !! ว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับปามเลย
สุดท้ายเราเลยเรียกเขา (นายหย้านไทย) มาคุยขอเคลียร์เงินคืน ยอด 9 คน 292,888 บาท ซึ่งเขายอมจ่ายคืนและขอให้เขาสัญญาว่าจะเลิกเป็นนายหน้า และทำงานกับหมอดูคนนี้ (นายหน้าอ้างว่าพวกเขาไม่รู้ว่าหมอดูแอบดูข้อมูลมือถือ) แต่พวกเขาไม่สัญญา เราเลยต้องการมาเตือนภัยทุกคน อย่าไปหลงเชื่อต่อไม่อยากให้ใครถูกหลอกลวงจริง ๆ ค่ะ" ทันทีที่คลิปของเธอเผยแพร่ใน TikTok (ล่าสุดโดนลบไปแล้ว แต่ในเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นแรกยังอยู่) กลายเป็นประเด็นสังคมสงสัยทันที
กระทั่งล่าสุด ทางผู้โพสต์เพิ่งอัปคลิปพูดถึงการดูหมอตอนที่ 2 โดยทั้งสามคนต่างชี้แจงผ่านคลิปนี้ทีละคน โดยนางสาวกนกอร หรือเค้ก เล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ตรงของเธอที่เกิดขึ้นจริงซึ่งกลุ่มของเธอได้ไปดูดวงกับหมอดูมาติดตีตั้งแต่เที่ยงจนถึง 4 โมงเย็น
ตอนหลังได้ไปบอกกับเอเจนซี่ว่าไม่สบายใจที่มาดูดวง ซึ่งทางเอเจนซี่บอกว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อย และได้มีการขอคืนเงิน รวมถึงขอให้สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่เอเจนซี่ไม่สัญญา ก็เลยเอาคลิปนี้มาเป็นอุทาหรณ์
ต่อมา นางสาวศิริมาศ หรือ เมย์ อยากจะชี้แจงคำว่าดูดเงินที่เคยบอกไว้มันเป็นความเข้าใจของตัวเอง พอเห็นหมอดูเอาโทรศัพท์ของเราไปดูนาน ตอนที่ขอดูรูปครอบครัว พอเอาไปดูไม่คืน แต่โทรศัพท์เอาไปเล่นมือถือ บวกกับมีล่ามคอยให้ข้อมูลเรื่องบูชาแบงค์ แต่พอฟังข้อมูลจากหมอดูเป็นข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว จึงสันนิษฐานว่ามีการใช้ข้อมูลจากมือถือของคนที่มาดูดวงเอาไปทำนาย
สาวคนที่สามคือ นางสาวธัญณีย์ หรือ ปาม อยากจะชี้แจงว่าที่ออกมาไม่ได้มีเจตนามาจับผิดแต่เราทำธุรกิจ เลยอยากได้คำแนะนำจากหมอดูว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไร แต่พอไปดูดวงแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ผลลัพธ์ที่ออกมามันไม่โอเคกับตัวเราและคนที่จะไปดูต่อจากนี้ เพราะจ่ายเงินค่าดูดวงไป (ราคา 35,000 บาทต่อคน เวลา 20-30 นาทีในการดูดวง) ทิ้งท้ายหนึ่งในสามสาวบอกว่าไม่มีเจตนาโจมตีใคร แต่อยากแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาให้ คนที่จะไปดูดวงได้พิจารณาเองว่าอยากจะไปดูดวงตามพวกเธอหรือไม่
ล่าสุดทีมข่าวได้ติดต่อไปยังน้องเค้ก กนกอร ผู้โพสต์สิทธิ์ดังกล่าวโดยเจ้าตัวและเพื่อนยังไม่สะดวกให้ข้อมูลกับทีมข่าว ขอรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ แต่อนุญาตให้ใช้คลิปชี้แจงที่ถ่ายลงใน TikTok คลิปล่าสุด และขอเวลาทีมข่าวให้ติดต่อมาอีกครั้งก่อนวางสายไป
คนสนิทหมอดู โต้ล้วงข้อมูลทำนายดวงยันไม่โกง
เราได้พูดคุยกับ นางสาวสุภาวดี ทับมาลัย คนสนิทหมอดูมะตีตี้ เล่าให้ฟังว่าจริง ๆ ตนไม่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องดวง ตอนไปดูครั้งแรกคือไปหมอดูอีที เพราะตอนไปดูดวงกับหมอดวงอีทียังทักชื่อตุ๊กตาลูกเทพที่เธออุ้มไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จัก และทำนายชีวิตเธอตอนนั้นยังงง ๆ ซึ่งตอนที่เจอหมอดูอีทีก็มีหมอดูมะตีตี้อยู่ด้วยตลอด โดยหมอดูอีทีจะเขียน ส่วนหมอดูมะตีตี้เป็นคนช่วยแปลพี่น้องเขาทำงานเหมือนคน ๆ เดียวกัน ซึ่งตนเคยสัญญากับหมอดูอีทีไว้ว่าจะต้องคอยดูแล พาคนที่มีบุญสัมพันธ์มาเชื่อมเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบาก
ประเด็นว่าทำนายแม่นไม่แม่นนั้น ทางคุณสุภาวดีเปิดเผยว่า อย่าใช้คำว่าแม่นไม่แม่น แต่ใช้คำว่าเขารู้ได้อย่างไร บางเรื่องเป็นความลับส่วนตัวที่ไม่เคยบอกใคร พอไปเจอหมอดูมะตีตี้ หมอดูคนนี้เขียนบอกได้หมด ทำเอาตนช็อกมาก ที่ผ่านมาก็มีคนมาตรวจดวงกับหมอดูมะตีตี้เยอะมาก
ว่าการดูของหมอดูท่านนี้เค้าดูอย่างไร คนสนิทบอกว่า เริ่มแรกจะดูเลขนำโชคในธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ และเจิมกระเป๋าให้เป็นสิริมงคล จากนั้นมองหน้าแล้วทำนายหรือถ้าเป็นการถามเกี่ยวกับคนในครอบครัวหมอดูก็จะขอดูรูปแต่ไม่ได้ล้วงความลับ เป็นการสื่อสารให้ชัวร์ โดยการสื่อสารของมาดูมะตีตี้จะเป็นการใช้จิตคุยกับเทวดาประจำตัวของคนที่มาดูดวง ก่อนจะเขียนรายละเอียดทั้งชื่อ และเรื่องที่ถามดีไม่ดี ไม่ต้องให้คนที่มาดูบอกอะไรก่อนทั้งนั้น
ส่วนถามว่าเห็นคลิปรีวิวการดูดวงแล้วหรือไม่ ตนมองว่าคนเหล่านี้อยากจะลองพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ เป็นการเตรียมเพื่อพิสูจน์หมอดู โดยตนมองว่าคนกลุ่มนี้ที่มาลงคลิปในโซเชียลแล้วมาการันตีคนดูว่า หมอดูคนนี้เป็นมิจฉาชีพ 100% หรือโกง 100% ตนอยากดูว่ามีหลักฐานอะไร ถ้าแน่จริงให้มาเจอขอเจอและพูดคุยกัน ตอนนี้จะไม่เอาเรื่องแต่หลักจากนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับทนาย
แต่ความจริงที่เราได้ฟังจากปากคนสนิทคือ ครั้งนี้หมอดูแวะมาเมืองไทยเพื่อมาหาหมอ รักษาตัว (แต่ไม่ขอบอกรายละเอียดโรค) ซึ่งมาเมืองไทยแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น จริง ๆ ซึ่งวันที่เกิดเรื่องคือวันแรกที่ท่านมาเมืองไทย โดยหลังจากนั้นมีการบอกขอยกเลิกคิว เพราะหมอดูบอกเองว่าไม่มีพลังและไม่ไหว ซึ่งวันนั้นเป็นไปได้ว่าท่านอาจจะมีคิวเยอะ
ประเด็นเรื่องการล้วงข้อมูลดูดวง ตรงนี้คนสนิทยืนยันว่า
1. การดูดข้อมูลให้พาไปที่ร้านมือถือ เวลา ดูดหรือลิงก์ข้อมูลใช้เวลาเป็นชั่วโมง
2. คนแก่ อายุ 63 ปี จะทำแบบนั้นได้หรือไม่ ซึ่งถ้าว่ากันตามจริง เขาคนเมียนมามีอายุ ไม่รู้จักเทคโนโลยีด้วยซ้ำ เพราะเค้าเป็นคนสมถะ นั่งทำนายดวงในห้องพระเล็กๆ บ้านเมืองเขาเทคโนโลยีก็ไม่มี เครื่องรางของขลังก็ไม่ขาย ถามที่ผ่านมาก็ยังมีคนดังและดาราหลายคนที่ไปดูดวงกับหมอดูท่านนี้ ก็ไม่มีใครมาบอกว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ
ส่วนประเด็นค่าหมอดูที่ราคาอยู่ระหว่าง 32,000 - 35,000 บาท ใช้เวลาดูดวง 20 - 30 นาทีนั้น ตนมองว่าราคาที่จ่ายนั้นค่าหมอดูบางคนแพงกว่านี้อีกแค่เขาไม่ได้ออกสื่อ คนที่มาดูเขายอมควักเงินเพราะเขามั่นใจ ส่วนกรณีของน้องกลุ่มนี้คนสนิทบอกว่าได้มีการคืนเงินเรียบร้อยแล้วถ้าไม่พอใจคืนเงินทุกอย่างก็น่าจะจบ เพราะคุณได้รับเงินคืนแล้ว ยังมาบอกว่าโกงหรือเป็นมิจฉาชีพ คำว่าโกงหรือมิจฉาชีพ 100% คนที่ทำแบบนั้นเขาต้องไม่คืนเงิน
ถามว่าได้คุยกับหมอดูหลังเกิดเรื่องไหมคนสนิทคนนี้ยอมรับว่าได้คุยและหมอดูเสียใจที่เจอเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะช่วยคน แต่ช่วงนี้ขอหยุดดูพักใหญ่เพราะตัวท่านเองไม่สบาย
คนเคยดูดวง ยัน มะตีตี้แม่นเกือบ 100%
ทีมข่าวได้วีดีโอคอลพูดคุยกับนายนายฐานิช คนเคยไปดูดวงกับหมอดูมะตีตี้ โดยเจ้าตัวพูดคุยผ่านทางวิดีโอคอล ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ที่เกาะไหหลำ ประเทศจีน
ชายคนนี้ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไปดูดวงกับหมอดูท่านนี้ที่ประเทศเมียนมา ซึ่งเมื่อเข้าเจอหมอดู ถ้าหมอดูจะให้ยื่นกระเป๋าสตางค์จากนั้นมีการพูดถึงธนบัตรนำโชคซึ่งก็จะเป็นแบงก์อยู่ในกระเป๋าตังค์ของผู้ที่มาดูดวงโดยจะให้เก็บแบงก์นั้นไว้เหมือนกับเป็นขวัญถุงนำความโชคดี
จากนั้นมีการเติมกระเป๋าสตางค์ ก่อนจะดูหน้าและมีการเขียนข้อความพวกชื่อหรือสิ่งที่ต้องระวังและสิ่งที่ต้องไปทำเพิ่มเติมเพื่อเสริมดวงซึ่งตนเองก็มองว่าแม่น 99% เพราะสิ่งที่หมอดูได้ทำนายนั้นก็เป็นสิ่งที่ตนอยู่ในช่วงจังหวะชีวิตที่ไม่ดีแต่พอไปทำตามที่หมอดูได้บอกชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วได้งานโดยไม่ได้คาดหมาย
ส่วนเรื่องขอเปิดดูมือถือโดยเอาไปล้วงข้อมูลแล้วเอามาทำนาย ทางคุณฐานิชยืนยันว่าไม่มีแน่นอน แถมคนอื่น ๆ ที่เคยไปดูก็ยืนยันเพราะบางชื่อที่หมอดูทัก ไม่มีชื่ออยู่ในมือถือ บางทีเป็นคนรอบตัว แต่ที่แปลกคือบางคนที่เคยไปดูดวงกับหมอดูแล้วชื่อที่หมอดูเขียนมานั้นเป็นชื่อจริงภาษาอังกฤษ ตรงตามพาสปอร์ตทุกตัวอักษร