ตำรวจขยายผลบุกค้นบ้านเช่า จิ๊บและกรผู้ต้องหายิงผู้ช่วยผู้สื่อข่าวดับ พบอาวุธสงครามและกระสุนเพียบ และพบห้องลับซุกยา
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 17 ธันวาคม 2566 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยชุดสืบสวน นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกว่า 50 นาย ลงตรวจค้นบ้านเช่า ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 5 ตำบลคานหาม อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลังสืบทราบมาว่าเป็นบ้านเช่าของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คือ นายจิ๊บกับนายกร หลังได้หมายศาล เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว มีรั้วล้อมรอบ พื้นที่ประมาณ 80 ตารางวา โดยพบรถยนต์ อเนกประสงค์ ยี่ห้อ Toyota อเวนซ่า สีบรอนซ์หมายเลข จากการตรวจสอบภายในรถ เก๋งที่จอดอยู่บริเวณหน้าห้องครัวครบอาวุธปืนและกระสุนปืนจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจค้นและนำมาวางบนโต๊ะเพื่อตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นอาวุธปืนสงครามและลูกกระสุนปืน 1.อาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืน ออร์โตเมติก 1 กระบอก ปืนอาก้า 1 กระบอก ระเบิด 2 ลูก อาวุธปืนอูซี่ 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุนจำนวนมาก
และในบ้านบริเวณห้องน้ำ ยังพบ ซิงค์ ซึ่งปิดด้วยกระเบื้องปูข้างบนเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบและทุบออกไปพบบริเวณใต้ซิงค์มีกล่องพลาสติกสีน้ำเงินโดยเบื้องต้นเป็นที่ซุกซ่อน เชื่อว่าจะซุกซ่อนยาเสพติดแต่ไม่พบยา ดังกล่าว อีกทั้งยังพบอุปกรณ์การแพ็คยา เช่น กระดาษเทปกาวใสถุงขยะสีดำและเชือกพันสายไฟ เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและพบว่าบริเวณรอบตัวบ้านยังติดต้องกล้องวงจรปิดทั้งหน้าบ้านและในบ้านตลอดจนในห้องน้ำที่เก็บยา
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการก่อคดีของนายจิ๊บและนายกร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำงานตลอดตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนสามารถทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเช่าของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ซึ่งเปิดเช่าไว้ จึงได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้น จึงพบว่าภายในรถยนต์นั้นเก็บอาวุธปืนสงครามและลูกกระสุนจำนวนมากไว้ภายในรถ อีกทั้งภายในบ้านยังพบห้องไว้พักยาแต่ไม่พบยา พบเพียงอุปกรณ์ บางส่วน เจ้าหน้าที่ ยังได้เก็บกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายในบ้านเพื่อนำไปตรวจสอบ ซึ่งในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ถือว่าทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อมัดตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายและผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ ถือว่าเป็นบุคคลอันตรายเพราะมีอาวุธสงครามและลูกกระสุนปืนเตรียมใส่ไว้ในกระบอกปืนอย่างเห็นได้ชัด และยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ซึ่งพยานหลักฐานทุกอย่างจะรวบรวมและนำเป็นหลักฐานในการมัดตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเพิ่มเติม ส่วนกรณีนายจิ๊บ เบื้องต้น ตอนนี้ ทางญาติ ได้ยืนประกันตัวออกมาแล้ว ด้วยเงินสด 400000 บาท เป็นสิทธิ์ของทางผู้ต้องหา ส่วนบ้านหลังนี้ หลังจากที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ก่อเหตุเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พอหลังจากนั้นก็กลับมาที่บ้านมาเก็บข้าวของ ที่เป็นของผิดกฎหมาย และชุดที่ใส่ก่อเหตุและอาวุธปืน จำนวนหลายกระบอกนำไว้ในรถยนต์เพื่อจัดเตรียมตัวหนี แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเสียก่อน ส่วน นายกร น่าจะมีอาวุธปืนติดตัวไปและเป็นบุคคลอันตราย ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวแล้วมีการต่อสู้ ตำรวจอาจจะต้องใช้ยุทธวิธีในการป้องกันตัว เพื่อความปลอดภัยของตำรวจ
โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า บ้านหลังนี้ถูกเช่ามาได้ประมาณเจ็ดเดือนแล้ว โดยจะเห็นนายวิกรกับนายจิ๊บเข้าออกอยู่สองคนหลักๆเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก โดยตอนตำรวจมาค้นเมื่อเช้าเห็นว่าพบปืนสั้น 2 กระบอกและปืนยาว 2 กระบอกและมีระเบิดอีกด้วย พร้อมทั้งชุดที่ใช้ในวันก่อเหตุเสื้อผ้าก็ยังอยู่ในบ้านหลังนี้
คาดว่าหลังจากที่คนร้ายก่อเหตุเสร็จน่าจะกลับมาที่บ้านหลังนี้ก่อนหลบหนี
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายนิกร ผู้ต้องหาหญิงผู้ช่วยนักข่าวที่ขณะนี้กำลังหลบหนี พบเป็นบ้านสองชั้น อยู่ใน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยเมื่อทีมเขาไปถึงพบผู้รับเหมาเป็นผู้ชายสองคนกำลังทำการต่อเติมบ้านอยู่ และไม่พบแม่ของนายนิกร จากการสอบถามผู้รับเหมาสองคนบอกว่าตนเองได้รับการว่าจ้างมาต่อเติมบ้านจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเท่านั้น และตัวเจ้าของบ้านออกไปตั้งแต่เช้าไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหนเพราะเขาไม่ได้บอกและตนไม่ทราบอะไรเลย
โดยทีมข่าวยังได้พบกับพ่อของ ’จิ๊บ ไผ่เขียว’ ผู้ต้องหาอีกราย ซึ่งอยู่บ้านข้างข้างกันกับนายนิกร โดยทีมข่าวพยายามจะเข้าไปสอบถามในเรื่องของนายจิ๊บแต่ด้านพ่อของนายจิ๊บปฏิเสธการพูดคุยกับทีมข่าว พร้อมบอกว่าไม่อยากคุยด้วย ไม่มีอะไรจะให้นักข่าว และบอกว่าตนไม่รู้เรื่องลูกไม่ได้อยู่กับตน