กรณีทวิตเตอร์ RedSkull เปิดเผยเรื่องราวน้องเฟิร์นนักศึกษาปริญญาเอกวัย 27 ปีตกจากเเมนชั่นแห่งหนึ่งในกทม.โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา น้องที่เสียชีวิตเป็นนักศึกษาที่อาศัยอยู่ที่แมนชั่นดังกล่าวมานานกว่า 5 ปีแต่ปรากฏว่าในวันเกิดเหตุนั้นมีเพื่อนร่วมแมนชั่นบุกไปอาละวาดหน้าห้องจนเป็นเหตุทำให้น้องตื่นตกใจกลัว และพัดตกจากหลังระเบียงหลังห้องตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (18 ธ.ค.) ทีมข่าวช่องแปดตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมภายหลังทราบจากช่างของอาคารแมนชั่นเมื่อวานนี้ทราบว่ากล้องวงจรปิดของอาคารที่เกิดเหตุจำนวน 16 ตัวระบบเซิร์ฟเวอร์บันทึกภาพใช้การไม่ได้อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมซ่อม
ทีมข่าวจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณบริเวณปากซอยทางเข้าแมนชั่น โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 13 ธ.ค. เวลา 04.22 น.จับภาพรถกู้ภัยคันแรกวิ่งเข้าไปภายในซอย หลังจากรับแจ้งเหตุว่าน้องเฟิร์นพลัดตกลงมาจากตึกชั้น 6
ขณะเดียวกันทีมข่าวทราบข้อมูลจากคนดูแลแมนชั่นให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.หลังเกิดเหตุได้มีทีมข่าวช่องแปดเข้าไปติดตามความคืบหน้าและสัมภาษณ์คนภายในตึก รวมถึงพยายามดักรอเพื่อที่จะสัมภาษณ์นายแป๊ะหรือนายสมมาตร ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นชายที่ไปเคาะห้องน้องเฟิร์นจนกระทั่งเกิดเหตุสลด โดยทางคนดูแลแมนชั่นให้ข้อมูลว่าช่วงที่ทีมข่าวช่องแปดมาติดตามทำข่าวเวลาประมาณ 09.00-11.00 น.ก่อนที่จะเดินทางกลับออกไปจากแมนชั่นหลังจากที่ทีมข่าวออกไปแล้วตัวของนายแป๊ะหรือนายสมมาตรพร้อมด้วยแฟนสาวคือนางสาวปู ได้มีการเรียกให้รถของเพื่อนซึ่งเป็นกระบะสีขาวมาจอดรับที่หน้าแมนชั่นก่อนที่จะมีการขนของขึ้นรถเพื่อที่จะย้ายหนีนักข่าวและหลีกเลี่ยงการถูกสัมภาษณ์
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันดังกล่าวตามที่คนดูแลหอพักให้ข้อมูล โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 16 ธ.ค. เวลาประมาณ 11:48 น.จับภาพรถกระบะซึ่งในรถนั้นมีนางสาวปูแฟนสาวของนายสมมาตรนั่งโดยสารอยู่ในรถพร้อมกับเพื่อนที่มาช่วยขนของ ซึ่งสังเกตว่าท้ายกระบะจะมีการบรรทุกของซึ่งเป็นทรัพย์สินและเสื้อผ้า โดยมีการหนีออกจากแมนชั่นหลังจากที่ข่าวเริ่มดัง
วันนี้ (18ธ.ค.) ทีมข่าวช่อง 8 จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของนายสมมาตรหรือแป๊ะเพื่อยืนยันตามคำกล่าวอ้างที่หลานชายและลูกชายบอกว่า “นายสมมาตรและนางสาวปูไม่ได้กลับมาที่บ้านนับตั้งแต่หลังเกิดเหตุ “แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากที่เห็นรถกระบะสีขาวขนของออกจากซอยแมนชั่นที่เกิดเหตุเพื่อที่จะหนีสื่อหลังจากเป็นข่าว
โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของนายสมมาตร จับภาพในวันดังกล่าวคือวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 12.11 น. ขี่รถมอเตอร์ไซค์พีซีเอ็กซ์ สีดำ มีนายสมมาตรเป็นคนขับซึ่งเจ้าตัวขับรถมาที่บ้านเพื่อที่จะเคลียร์ของก่อนที่รถกระบะขนของจะเอาของมาส่งลงไว้ที่บ้าน
จากนั้นเวลาถัดมาของกล้องบริเวณหน้าบ้าน จับภาพได้ต่อเวลา 13.22 น.เห็นรถกระบะสีขาวขนของออกมาจากแมนชั่น หลังย้ายหนีได้เข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านก่อนที่จะเห็นว่าคนในรถทยอยลงมา ซึ่งมีผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวคือนางสาวปูเป็นแฟนสาวของนายสมมาตรและมีเพื่อนที่ช่วยกันช่วยกันขนของโดยจะเห็นว่าใส่เสื้อสีแดงและสีขาวทยอยลงจากรถ
และเวลา 15.58 น.กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของนายสมมาตร จับภาพได้ต่อซึ่งหลังจากที่ขนของเสร็จก็ได้มีการขับออกมาจากบ้าน โดยจะเห็นว่ามีนางสาวปูใส่เสื้อสีขาวเดินมาขึ้นรถพร้อมกับลูกชายของนายสมมาตร แต่เจ้าตัวยังไม่ได้เดินทางออกช่วงเวลาดังกล่าว คาดว่าออกในช่วงกลางดึกหลังโดยคนขับรถขาออกออกจากบ้านคาดว่าเป็นเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของรถเองจากนั้นรถก็ได้ขับมุ่งหน้าออกจากบ้านหลังจากที่เอาของมาเก็บเสร็จ
ทีมข่าวเดินทางกลับไปอีกครั้ง โดยทันทีที่ไปถึงได้เข้าไปสอบถามคนในบ้าน เพื่อให้ยืนยันว่ารถคันดังกล่าวมีหมายเลขทะเบียนตรงกันหรือไม่โดยคนในบ้านยืนยันว่าเป็นรถคันเดียวกันกับที่ผู้สื่อข่าวถาม และเมื่อสอบถามว่าเกี่ยวข้องอะไรกับนายสมมาตรหรือแป๊ะปรากฏว่าคนในบ้านยืนยันว่า ”เป็นหลาน“ และเจ้าของรถคันสีแดงเป็นรถของลูกชายนายสมมาตรหรือนายแป๊ะทีมเขาจึงได้ขอสอบถามข้อมูลและขอสัมภาษณ์
ทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านพักของนายสมมาตร และได้เจอกับนายกวิน (นามสมมติ) หลานชายของนางสาวปูแฟนสาวของนายสมมาตร ได้ออกมาเปิดใจกันกับลูกชายของนายสมมาตรเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าครอบครัวค่อนข้างเครียด และถูกกดดันจากกระแสสังคมอย่างมากตอนนี้ทุกคนก็ยังช็อกและไม่กล้าสู้หน้ากับใคร เพราะเนื่องจากเป็นเหตุที่ไม่คาดคิดแต่กลับกลายเป็นเหตุบานปลายใหญ่โตเพียงเพราะอาการเมาของนายสมมาตรไปเคาะห้องผิด จนเป็นเหตุทำให้น้องเฟิร์นซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นคู่กรณีต้องเกิดอาการหวาดกลัว ตกใจจนกระทั่งตกแมนชั่นเสียชีวิต
หากย้อนกลับไปในวันดังกล่าว นายสมมาตรได้มาเล่าให้กับลูกชายและครอบครัวฟังทำนองว่าเห็นรถมอเตอร์ไซต์ซึ่งเป็นคันเดิมเจ้าเดิมมาจอดทับที่ หรือจอดขวางบริเวณทางขึ้นลงของแมนชั่นจนทำให้รถคันอื่นจอดไม่ได้ แล้วที่ผ่านมานายสมมาตรก็พยามที่จะเคลื่อนย้ายเพื่อที่จะขยับขยายให้รถคันอื่นได้จอดร่วมกัน แต่ในคืนนั้นนายสมมาตรอยู่ในอาการเมากลับมาถึงไม่มีที่จอด ประกอบกับขี้เกียจย้ายรถเพราะเนื่องจากย้ายมาแล้วหลายครั้งจึงได้ประสานไปยังคนดูแลหอพัก และได้คำตอบว่าอาจเป็นรถของลูกบ้านชั้น 6 จึงทำให้ตัวของนายสมมาตรเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่กรณีคนเดิมที่เคยมีปัญหาเรื่องที่จอด และมองหน้ากันในตึกจึงขึ้นไปเคาะที่ห้องดังกล่าว จนเป็นเหตุทำให้น้องเฟิร์นเกิดความตกใจ และนายสมมาตรยังบอกกับคนในครอบครัวว่าไม่รู้ว่าหลังประตูหมายเลข 604 เป็นห้องของน้องเฟิร์นเข้าใจว่าเป็นเจ้าของรถคันที่จอดจอดขวางจึงทำให้ไปโวยวายและเคาะประตูเพื่อที่จะออกมาย้ายรถ แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปก่อความรำคาญหรือหาเรื่องแต่เมื่อไปเคาะแล้วไม่มีการตอบกลับออกมาจึงทำให้ด้วยความที่เมาจึงได้มีการส่งเสียงโวยวายตามที่ปรากฏในคลิปเสียง
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งตัวของลูกชายและหลานชายของนายสมมาตรเปิดเผยว่าตัวของนายสมมาตรหลังจากถูกกดดัน และเกี่ยวข้องกับการตายของน้องเฟิร์น เพราะเป็นสาเหตุที่ไปเคาะห้องผิดเจ้าตัวเครียดมากถึงขั้นบอกกับคนในครอบครัวว่า “จะฆ่าตัวตาย“ โดยตอนนี้ครอบครัวจึงให้นายสมมาตรไปพักผ่อนและย้ายไปอยู่ห้องเช่าที่อื่น แต่ก็ไม่ได้หลบหนีพร้อมที่จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา หากพนักงานสอบสวนมีการแจ้งเพิ่มและพร้อมที่จะชดใช้ตามความเหมาะสม เพียงแค่ขอได้มีโอกาสพูดคุยกับทางครอบครัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้นายสมมาตรพยามที่จะเข้าไปกราบขอโทษกับทางครอบครัวคนตายในวันที่มาเก็บของที่แมนชั่น แต่นายสมมาตรเกือบถูกรุมประชาทัณฑ์และเกือบถูกถีบจึงทำให้ไม่กล้าที่จะไปงานศพหรือกล้าประเชิญหน้าอีก
ส่วนตัวในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวและเป็นญาติของนายสมมาตรอยากจะฝากขอโทษไปยังครอบครัวคนตาย และอยากจะฝากอโหสิกรรมและพร้อมที่จะรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากอาจเป็นชนวนเหตุและสาเหตุที่ทำให้น้องเฟิร์นเกิดความตกใจและไปยืนอยู่ที่หลังระเบียงจนกระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้น
ช่วงเวลาสมมาตรเก็บของย้ายออกจากแมนชั่น
วันที่ 18 ธ.ค. เวลา 11.00 น.ที่สน.โชคชัย นายเอกภพเหลืองประเสริฐผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดพานายสมชาย สีชำนาญ พ่อของคุณเฟิร์น เข้าพบพ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ศรีสาครผกก.สน.โชคชัยเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและหารือร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อสอบถามถึงการชดเชยเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้น
นายเอกภพกล่าวว่าวันนี้ต้องการพาพ่อผู้ตายมาสอบถามกับผกก.สน.โชคชัย ว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุในความผิดเรื่องเจตนาฆ่าได้หรือไม่ เพราะผู้ตายไม่ได้ตกตึกลงมาเองแต่เป็นเพราะผู้ก่อเหตุมาเคาะประตูรัวส่งเสียงดังในเวลา 04.00 น.จนทำให้ผู้ตายซึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่อาศัยคนเดียวและเป็นคนตกใจง่ายอยู่แล้วเกิดความตื่นกลัวและหาวิธีเอาตัวรอดก่อนพลัดตกตึกเสียชีวิตดังกล่าว
นายสมชายผู้เป็นพ่อได้กล่าวขอบคุณตำรวจที่จะมีการทบทวนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาและรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น อยากจะได้รับการเยียวยาที่ดีขึ้นส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยหรือแม้แต่มาขอขมาเลยสักครั้ง ถ้าดูอยู่อยากให้มีจิตสำนึกมากกว่านี้ และอยากให้ลูกไปสู่สุขคติ ซึ่งในตอนนี้พ่อดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาวแล้ว
ทีมข่าวช่องแปดได้พูดคุยกับคุณแม่ กรณีที่มีข่าวข่าวว่ามีคนเปิดบัญชีรับบริจาคเกี่ยวกับน้องเฟิร์น โดยบอกว่าเป็นการทำบุญตรงนี้แม่อ้างว่าแม่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ บอกว่าอาจจะเป็นทางพ่อที่มาขอเปิดรับบริจาค ซึ่งมีการระบุว่านำไปทำบุญงานน้อง แต่ส่วนตัวแม่กับพ่อนั้นเลิกรากันไปแล้วถึงอนุญาตให้พ่อมาร่วมงานศพของน้องเฟิร์น แต่ไม่อยากให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับคดีของน้องเฟิร์น เนื่องจากแม่มีข้อมูลหลายอย่างที่กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากนี้แต่อยากให้ขาวทุกอย่างที่เกี่ยวกับน้องเฟิร์นออกมาจากแม่เพราะแม่รู้ทุกอย่างดีที่สุด