จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “Red Skull” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตในกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยมีข้อความระบุว่า “โรงเรียนแห่งหนึ่ง (จ.ขอนแก่น) มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต ในระหว่างเข้าค่ายลูกเสือ ปิดข่าวเงียบกริ๊บ ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ แถมไล่ขู่ฟ้องเด็กที่นำเรื่องมาโพสต์ ขนาดเพจกู้ภัยโพสแล้วยังต้องลบจะปกปิดทำไมกัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่บ้านหญ้าคา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่จัดประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลนายจักริน ประเสริฐศิลป์พลมา หรือซิโก้ อายุ 18 ปี ซึ่งญาติจะตั้งบำเพ็ญกุศลศพไว้ 4 วัน ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพวันพฤหัสบดีนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
ต่อมาเราได้คุยนางมะลิวัน อายุ 59 ปี แม่น้องซิกโก้ ที่ยังคงอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจและยังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกชายไปอย่างกะทันหัน
โดยได้เปิดเผยกับเราทั้งน้ำตาว่า เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ลูกชายกลับมาจากติวหนังสือที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อที่จะสอบเข้าบรรจุเป็นข้าราชการ เพราะลูกชายมีความฝันอยากเป็นทหารอากาศและตำรวจ โดยลูกชายเป็นศิษย์เก่าที่รักและผูกพันกับโรงเรียนและครูทุกคน รวมทั้งเป็นจิตอาสาชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วย
โดยวันเกิดเหตุลูกชายมาบอกว่าพ่อครูแม่ครูมาขอให้ไปช่วยงานที่กิจกรรมค่ายลูกเสือที่โรงเรียน แต่น้าชายได้ห้ามไว้ เพราะรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี ซึ่งก็ยอมรับว่าลูกชายดื้อรั้นที่จะไปช่วยงานให้ได้ จากนั้นลูกชายได้กลับมาบ้านและได้นำรถยนต์ไปที่โรงเรียนโดยที่ตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าลูกชายมาเอารถยนต์ไปและไปตอนไหน
จนกระทั่งประมาณ 5 โมงเย็น มีคนมาแจ้งว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิต หลังจากลงไปเก็บอุปกรณ์ที่ฐาน แต่จากการสอบถามทราบว่าลูกชายจมน้ำตั้งแต่บ่าย 3 โมง แต่ทำไมทางโรงเรียนเพิ่งจะมาแจ้งตนเอง หลังจากที่ผ่านไปแล้วเกือบ 2 ชั่วโมง
แม่ผู้ตาย ยอมรับว่า ลูกชายว่ายน้ำไม่เก่ง แต่ก็พอว่ายน้ำได้ แต่ตนเองติดใจในเรื่องที่ลูกชายลงไปเก็บฐานและเล่นน้ำ ในช่วงเวลานั้นทำไมครูไม่อยู่ดูแลเด็ก ทำไมปล่อยให้เด็กเก็บฐานเพียงลำพัง ทำไมไม่มีการดูแลความปลอดภัยของเด็ก นอกจากนี้ตนเองทราบมาว่ามีคนอยู่ในที่เกิดเหตุกับลูกชายด้วย แต่ทำไมไม่มีใครลงไปช่วยหรือโยนห่วงยาง หรือ ก่อนที่เด็กจะลงไปในน้ำ ทำไมไม่การให้เด็กใส่เสื้อชูชีพ ซึ่งถ้าตอนนั้นมีครูหรือผู้ใหญ่อยู่ด้วยและช่วยเหลือลูกได้ทัน หรือถ้าลูกชายมีเสื้อชูชีพ ก็คงไม่เสียชีวิต ส่วนอีกเรื่องที่ตนสงสัยทางโรงเรียนสั่งปิดข่าวจริงหรือไม่ จึงอยากให้ทางโรงเรียนออกมาชี้แจง
ขณะเดียวกันเราได้รับคลิปเสียงขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ประกาศหน้าเสาธง ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนยังคงยืนยันว่าผู้ตายอาสาเข้ามาช่วยงานและไปเล่นน้ำเองโดยไม่ใส่ชูชีพ
โดยระบุในคำประกาศว่า ในช่วงเวลา 14.00 น.ได้มีบุคคลภายนอกที่เป็นศิษย์เก่า ซึ่งหมายถึงผู้ตาย ได้เข้ามาที่โรงเรียน เพื่อจะมาร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่เนื่องจากโรงเรียนได้เลิกค่ายไปแล้ว จากนั้นผู้ตายได้อาสาไปช่วยเก็บฐานที่อยู่สระน้ำ จากนั้นก็ได้แอบไปเล่นน้ำเพียงลำพัง โดยไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ จากนั้นก็ได้เกิดอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต พร้อมกับเชิญชวนให้นักเรียนทุกคนยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้ตาย
ต่อมาผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่โรงเรียนเมืองพลวิทยาคม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เกิดเหตุมีเด็กจมน้ำเสียชีวิต ในระหว่างเข้าค่ายลูกเสือ โดยทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายสถานที่เกิดเหตุ เนื่องจากทางคณะครูอ้างว่า เหตุการณ์เพิ่งจะเกิดขึ้นและยังกระทบกระเทือนจิตใจเด็กนักเรียนอยู่ จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพ
เราจึงได้พูดคุยกับนายเจริญชัย ล่ามสมบัติ ผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองพลวิทยาคาร ได้ชี้แจงกับเราว่า ทางโรงเรียนมีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือนักเรียนระดับมัธยมศึกษาภายในโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 15-16 ธันวาคม ส่วนวันที่16 ธค.จัดแค่ครึ่งวัน)
โดยมีฐานกิจกรรมให้เด็กทำ ประมาณ 10 กว่าฐาน โดยฐานที่เกี่ยวกับน้ำมีแค่ประมาณ 2 ฐาน คือฐานสะพานเชือก และฐานแอร์เลี่ยน ลักษณะคล้ายล่องแพ่ข้ามน้ำ ซึ่งการจัดกิจกรรมได้มีการดูแลความปลอดภัยของนักเรียนเป็นอย่างดี จนเลิกกิจกรรมในช่วงเที่ยงของวันที่ 16 ธันวาคม
ผู้อำนวยการโรงเรียน เผยอีกว่า หลังจากที่ปิดค่ายลูกเสือเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนจะมีทีมสตาร์ฟในการจัดเก็บฐาน โดยอยู่ในการควบคุม ดูแลของครูและบุคลากรโรงเรียน ซึ่งในช่วงทำกิจกรรมหรือเลิกค่าย ทางโรงเรียนจะมีการดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยมีเสื้อชูชีพแจกให้สวมใส่ทุกคนที่ทำกิจกรรมทางน้ำ ส่วนผู้ตายจากการตรวจสอบไม่ได้มีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แค่อาสาเข้ามาช่วยจัดเก็บฐานเท่านั้น โดยได้อาสาเข้าไปช่วยเก็บฐานแอร์เลี่ยน ล่องแพข้ามน้ำ ในระหว่างช่วยเก็บฐานทราบว่าเด็กได้เล่นน้ำเอง โดยไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางโรงเรียนสั่งปิดข่าว ตนเองของยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทางโรงเรียนไม่เคยสั่งปิดข่าวแต่เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นจึงไม่อยากให้มีข่าวที่ไม่เป็นความจริงเผยแพร่ออกไปกระทบจิตใจครอบครัวผู้ตาย ส่วนกรณีที่ขู่ที่จะฟ้องร้องคนที่ออกมาให้ข่าว ก็ไม่เป็นความจริงแต่ถ้าใครให้ข่าวที่บิดเบือนความจริงและโรงเรียนได้รับผลกระทบ ก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย
ส่วนเรื่องการเยียวยาทางโรงเรียนพร้อมจะช่วยเหลือเยียวยาทางครอบครัวนายจันรินเต็มที่ แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างเข้าไปพูดคุยกับทางครอบครัวผู้ตายอีกครั้ง หลังจาดเมื่อเช้าที่ผ่านมสได้เข้าไปพบครอบครัวผู้ตาย แต่ทางผู้ปกครองผู้ตายยังไม่พร้อมพูดคุย