จากกรณี น.ส.อาภาภรณ์ หรือเฟิร์น นิสิตปริญญาเอก ม.เกษตรศาสตร์ ถูกนายสมมาตร ผู้อาศัยในตึกเดียวกัน มึนเมาอาละวาดทุบประตูห้อง ในยามวิกาลจนทำให้ต้องตัดสินใจปีนระเบียงห้องและเกิดพลัดตกลงมาจากตึก 6 ชั้นจนเสียชีวิตนั้น
วันนี้ (19 ธ.ค.) ทีมข่าวช่องแปด เดินทางย้อนกลับไปที่แมนชั่นที่เกิดเหตุ พบว่า ยังคงมีผู้พักอาศัยเดินเข้าออกตามปกติ ขณะเดียวกันตัวของป้าสาซึ่งเป็นคนดูแลแมนชั่น ก็ยังคงเดินทางมาทำงานและดูแลที่ตึกตามปกติ แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยอ้างว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนสอบ หากมีการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมก็กลัวว่าจะเสียรูปคดี , และป้าสา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เมื่อวานนี้ตนเองพร้อมด้วย รปภ.ตึก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญไปให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อที่จะสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดนายสมมาตรหรือแป๊ะ ในข้อหากระทำการโดยประมาท แต่โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการสอบสวนและหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงได้เชิญตนเองไปให้ปากคำเมื่อวานนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง
ป้าสา คนดูแลตึก ให้ข้อมูลกับทีมข่าวนอกรอบว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตนเองรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องเฟิร์นต้องตาย หากไม่บอกเลขห้องผิดน้องเฟิร์นก็คงไม่พลัดตก ส่วนตัวจะทำบุญไปจนกว่าจะตาย และจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องเฟิร์น เพื่อให้เขาไปสู่สุคติ หมดเวรหมดกรรม และตนเองก็จะคอยให้ข้อมูลซัพพอร์ตกับทางครอบครัวของน้องน้องเฟิร์น เพื่อให้น้องเฟิร์นได้รับความเป็นธรรม”
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่องแปดยังได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณละแวกใกล้จุดเกิดเหตุโดยเฉพาะด้านหน้าตึกแมนชั่น ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนวันที่ 13 ธ.ค. เวลาประมาณ 03.58น. จับภาพ เห็นลุงรปภ. ของตึก เดินลงที่บริเวณลานจอดรถมอเตอร์ไซต์ด้านหน้า ซึ่งเข้าใจว่าเป็นช่วงหลังจากที่ลุงได้ยินเสียงของร่วง จึงได้เดินลงมาดู และพบร่างของน้องเฟิร์นนอนเสียชีวิตอยู่ จึงได้รีบเดินกลับขึ้นไปเพื่อเรียกให้เพื่อนรวมถึงคนอื่นลงมาดู และกล้องตัวดังกล่าวยังพบว่ามีรถมอเตอร์ไซต์ของนายสมมาตรจอดขวางอยู่ในภาพ
จากนั้นกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวจับภาพต่อช่วงเวลาประมาณ 04.08น. จะเห็นว่าในเฟรมภาพนั้นมีนายเติร์ก เพื่อนสนิทของนางสาวเฟิร์นคนตาย ลงมาดูพร้อมกับมีอาการร้องไห้เสียใจ บางช่วงยืนบางช่วงล่าง และมือข้างขวาจับมือถือแนบหูลักษณะโทรหาใครบางคน และในภาพจากกล้องวงจรปิดยังจับภาพลุงรปภ. พร้อมกับลูกชายของนายสมมาตรซึ่งใส่เสื้อสีดำวิ่งลงมาดู แต่ก็ยืนดูด้วยท่าทีเรียบเฉยไม่ได้มีท่าทีตกใจ มีเพียงแค่นายเติร์กเพื่อนของนางสาวเฟิร์นคนตายเท่านั้นที่อยู่ในอาการเสียใจและร้องไห้
โดยกล้องตัวดังกล่าวจับเสียงของนายเติร์ก เพื่อนสนิทของนางสาวเฟิร์นคนตาย มีการสอบถามกับทาง ลุงรปภ. ทำนอง “ ใครขึ้นไปเคาะห้อง เคาะห้องทำไม เฟิร์นเป็นคนขี้กลัวและตกใจ และถ้าหากอ้างว่าจอดรถทับที่ของนายสมมาตรเป็นไปได้ เพราะรถของเฟิร์นจอดอยู่จุดอื่น”
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางหนีของนายสมมาตร หลังมีผู้สื่อข่าวเริ่มติดตามตัว ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 16 ธ.ค. จับภาพเส้นทางหลบหนี หลังจากที่เจ้าตัวตัดสินใจย้ายของหนีออกจากแมนชั่นที่เกิดเหตุ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดหลายหลายมุม เส้นทางจากลาดปลาเค้าที่เกิดเหตุ มุ่งหน้ากลับบ้านย่านปทุมธานีโดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจากภาพรถมอเตอร์ไซต์พีซีเอ็กซ์สีดำของนายสมมาตร ซึ่งเจ้าตัวใส่หมวกกันน็อกสีขาว ขับมุ่งหน้ากลับบ้านช่วงเวลาประมาณ 11.58 น.
และนอกจากนี้ ยังพบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิไทตัน ซึ่งมีการขนของออกจากแมนชั่นเพื่อเอาของไปลงไว้ที่บ้านของนายสมมาตรย่านปทุมธานี โดยภายในรถนั้นมีเพื่อนของนายสมมาตรนั่งโดยสารมาด้วย และที่สำคัญยังมีนางสาวปูภรรยาของนายสมมาตร นั่งมากับรถคันดังกล่าว
ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดหลายตัว จับภาพรถกระบะที่มีการขนของอยู่ท้ายจำนวนมาก มุ่งหน้าออกจากเส้นทางลาดปลาเค้า ไปยังบ้านย่านปทุมธานี โดยรถกระบะคันดังกล่าวจะทิ้งห่างและตามหลังมา ก่อนที่จะเอาของไปลงไว้ที่บ้านของนายสมมาตร
และจากข้อมูลของชุดสืบ ที่ติดตามตัวนายสมมาตรและรวมถึงรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับการคลี่คลายคดีตามที่ญาติติดใจสงสัยเกี่ยวกับการตาย โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เห็นรถกระบะสีขาวมีการช่วยขนของให้กับนายสมมาตรและภรรยาพาหนีออกจากแมนชั่น หลังจากถูกสื่อตาม โดยรถคันดังกล่าวดังกล่าวทราบว่าเป็นญาติฝ่ายของนางสาวปูภรรยาของนายสมมาตร ที่มีการช่วยขนของย้ายหนีออกจากแมนชั่นย่านลาดปลาเค้าที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะไปส่งเอาของเก็บไว้ที่บ้านย่านปทุมธานี และจนถึงตอนนี้ทางญาติที่ช่วย ขนของหนี และรวมถึงตัวของสองผัวเมีย ก็ได้ไปเก็บตัวเงียบหายอยู่ที่อื่น เพื่อหลบหนีไม่ให้สื่อเจอตัว
“คุณแม่อารีย์“ ยืนยัน ไม่ขอรับเงินในการช่วยเหลือจากคู่กรณี ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ในวันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ คุณแม่อารีย์ ถึงความรู้สึก หลังจากเกิดเหตุการณ์ ซึ่งได้เผยกับทีมข่าวว่า ตอนนี้ตนก็ยังทานอะไรไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ เพราะก่อนน้องเสีย ก็มีการวางแผนชีวิตไว้ ว่าจะไปสอนที่ลพบุรี ไปกลับ ไม่อยากห่างกัน
ส่วนด้านประชาชนที่เข้ามาให้กำลังใจ ก็ต้องขอบคุณทุกคนมากไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ สำหรับด้านคดีความขอยืนยันว่าจะไม่ขอรับเงินจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีและสำหรับเงิน 20,000 บาทที่ทางเจ้าของอพาร์ตเมนท์จะช่วยเหลือนั้น ตนก็ขอไม่รับ และยืนยันขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะขอให้มีการเจรจาก็ยกให้เป็นทนายไพศาลเป็นคนจัดการ
สำหรับชีวิตตอนนี้ ก็ยังมองไม่ออก เพราะด้วยเมื่อก่อนน้องเฟิร์นจะเป็น เสาหลักของบ้าน แม่มีอาชีพค้าวัว ซื้อมาขายไป แต่ก็ขาไม่ค่อยดี ทำให้ก็ไม่มีรายได้เข้า ตอนน้องเฟิร์นอยู่ก็จะมีบ้านและรถที่ต้องรับภาระจ่าย ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าจะรับภาระไหวไหม แต่อาจจะเก็บบ้านไว้ ถ้าไม่ไหว
และในกรณีด้านการบริจาคที่คุณพ่อออกมาโพสต์ผ่านทางโซเชียลส่วนตัวนั้นได้มีการพูดคุยตนมองว่ามันไม่สมควรแต่เข้าใจเจตนาว่าอยากโพสต์ให้สำหรับญาติญาติหรือคนรู้จักน้องและร่วมทำบุญและตอนนี้ตนไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว