จากกรณีโซเชียลวิจารณ์ “อาจารย์น้องไนซ์” เด็ก 8 ขวบ อ้างเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช สามารถเชื่อมจิตได้ สามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งในอดีตและอนาคต แค่เห็นแววตาคนก็จะรู้ได้ว่าใครมีกรรม หรือเคยเป็นนางฟ้ากลับชาติมาเกิดบ้าง โดยมีลูกศิษย์หลายพันคน และมีการตั้งกลุ่มในโอเพนแชตเชิญชวนทำกิจกรรม ซึ่งนางสาวชลิดา ตัวแทนกลุ่มเป็นหนึ่ง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็เห็นคลิปน้องไนซ์ในโซเชียล โดยในคลิปน้องมักจะนั่งสมาธิ สวดมนต์ เป็นความน่ารักของเด็กๆ ทั่วไป ตนก็ชื่นชมในตัวน้อง แต่ภายหลังทราบว่า ทางเพจมีการจัดกิจกรรม โดยใช้ความเชื่อทางพระพุทธศาสนามาสร้างเป็นสตอรี่ว่าน้องไนซ์สามารถเชื่อมจิตได้ และมีการเปิดกลุ่มไลน์โอเพนแชต เพื่อให้คนที่สนใจเข้าไปติดตาม ซึ่งเพจของน้องไนซ์มีมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ภายหลังมีประชาชนหลายที่เข้าไปติดตามน้องไนซ์ในกลุ่มไลน์ แต่พบความผิดปกติ ซึ่งหลายคนก็บอกว่าไม่ได้ต่อว่าตัวเด็ก เพราะคนที่ผิดคือพ่อแม่ผู้ปกครอง
โดยภายในกลุ่มไลน์ก็จะมีการเชิญชวนให้สมทบทุนก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม จัดซื้อที่ดิน งบประมาณ 15 ล้านบาท พร้อมสร้างรูปแบบสามมิติให้ดูว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน ให้คนเข้าร่วมกองทุนละ 300 บาท แต่พอไปดูบัญชีผู้รับกลับเห็นว่าเป็นบัญชีบุคคลซึ่งเป็นของนายแพทย์คนหนึ่ง ที่เปิดคลินิกเป็นหมอเฉพาะทางด้านพัฒนาการเด็ก ไม่ใช่บัญชีองค์กรหรือมูลนิธิ
ล่าสุดวันนี้ (19 ธ.ค.66) พ่อและแม่ของน้องไนซ์ ได้พาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังสถานที่ ที่จะก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม ซึ่งที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยลักษณะที่ดินดังกล่าวที่พ่อกับแม่น้องไนซ์ พาทีมข่าวไปตรวจสอบ จะเป็นที่ดิน ที่มีการถ่มดินเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มสร้างอะไรขึ้นมา ซึ่งด้านหน้า ที่ติดถนนมีความกว้างประมาณ 60 เมตร ส่วนด้านที่ติดกับคลองมีความกว้าง 50 เมตร ซึ่งที่ดินพื้นนี้ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 300 ตารางวา
ซึ่งจุดที่มีการถ่ายภาพไปแชร์กันก่อนหน้านี้ ในการโพสต์ระดมทุนเพื่อจัดสร้างสถานปฏิบัติธรรม วันนี้ทีมข่าวก็มีการไปตรวจสอบในจุดนั้น และได้มีการถ่ายภาพมาเปรียบเทียบ ซึ่งในภาพต้นไม้และสีพื้นดินเป็นจุดเดียวกันแต่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เนื่องจากภาพดังกล่าวที่นำไปโพสต์ถ่ายเอาไว้นานแล้ว
ส่วนภาพมุมสูง ที่ทางพ่อกับแม่น้องไนซ์ บอกว่าน้องไนซ์ อยากได้ที่ดินพื้นดังกล่าวเนื่องจากเป็นที่ดินสัปปายะ จากการสำรวจภาพมุมสูง ที่ดินดังกล่าว จะมีบ้านคนอยู่ติดกันทั้งสองข้าง ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่จอดรถขนส่งน้ำมัน ซึ่งโดยรอบหากสังเกตที่ภาพมุมกว้าง จะมีคลองธรรมชาติอยู่ติดกับที่ดิน ซึ่งภาพโดยรวมถือเป็นที่ดินในอำเภอเมือง ที่อยู่ติดกับธรรมชาติโดยมีแหล่งน้ำและต้นไม้รอบๆพื้นที่
ส่วนประเด็นคลิปเต้นของน้องไนซ์ ที่มีคนนำไปแชร์จนเป็นประเด็น ทางพ่อและแม่ขอชี้แจงว่า คลิปดังกล่าวเป็นการถ่ายเล่นกันที่ประเทศพม่า เมื่อ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา และการเต้นดังกล่าว น้องไนซ์ ก็เต้นหยอกล้อกับกลุ่มแอดมิน ซึ่งการเต้นดังกล่าว เป็นความร่าเริงของน้อง ที่มีเหมือนเด็กๆคนอื่น ซึ่งการเต้นของน้องไนซ์ อยู่ที่บ้านเวลาเขาได้ยินเสียงเพลงเขาก็เต้น โดยท่าเต้นที่เห็นเขาก็จำมาจากเพลงที่เขาดูมา ซึ่งแม่ยืนยันว่า เวลาน้องไนซ์ ปฎิบัติธรรม น้องไนซ์ ก็จะมีอีกบุคลิก ซึ่งบุคลิกเวลาน้องไนซ์ ปฎิบัติธรรมทำไมไม่เอาภาพไปนำเสนอ
ส่วนประเด็นแอดมิน ที่ถูกปลดออกไปก่อนหน้านี้ โดยมีการไปออกรายการของคุณหนุ่มกรรชัย พ่อกับแม่ขอชี้แจงเรื่องของแอดมินคนดังกล่าวว่า แอดมินคนดังกล่าว ก่อนที่จะมาเป็นแอดมิน เดิมทีเขาไปเห็นคลิปน้องไนซ์ มาก่อน จากนั้นเมื่อเห็นคลิป เขามีการติดต่อเข้ามาว่าจะขอมาช่วยงานน้องไนซ์ แม่ก็เลยนำรูปภาพไปให้น้องไนซ์ดู ซึ่งพอน้องไนซ์ เห็นรูป ก็ยินดีให้เขามาช่วยงาน โดยบอกว่าแอดมินคนนี้ มาทางสายเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งหลังจากที่รับน้องคนนี้เข้ามาเป็นแอดมิน
ส่วนเรื่องที่ต้องปลดออกจากแอดมิน ก็เป็นเรื่องที่เขาเอาไปพูดในรายการ ว่าถูกปลดเพราะเรื่องภาพ เรื่องนี้แม่ ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่แม่อยากจะอธิบายว่า แม่ไม่เคยห้ามหรือบังคับให้เขาแต่งตัวยังไง ซึ่งการแต่งตัวมันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่การที่คุณเสนอตัวมาเป็นแอดมิน คนรู้จักคุณในฐานะตัวแทนน้องไนซ์ ซึ่งพอทุกคนรู้ว่าคุณเป็นคนที่ทำงานกับน้องไนซ์ คุณไปแต่งตัวแบบนั้นโดยการขึ้นแคปชั่นธรรมมะ มันเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งแม่ ยืนยันว่า ก่อนจะปลดเขาออก น้องไนซ์ เคยเตือนเขามาแล้วว่า ถ้าไปเที่ยวส่วนตัวลงภาพได้แต่อย่าโพสต์แคปชั่นธรรมมะ ซึ่งน้องแอดมิน คนนั้นไม่ฟัง ก็เลยถูกปลดออกจากแอดมิน
กลุ่มเป็นหนึ่งยื่น พม.เร่งตรวจสอบ มีคนอยู่เบื้องหลังแสวงหาผลประโยชน์ ใช้ น้องไนซ์ เทวาจุติ เรียกรับเงิน แลกกับการสอนธรรมะ
เมื่อเวลา 10.00น น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน ต่อกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอให้ตรวจสอบ กรณี น้องไนซ์ เทวาจุติ อายุ 8 ขวบ ว่ามีผู้ใหญ่ หรือคนที่อยู่เบื้องหลังอวดอ้างและใช้เด็กแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ และ ขอให้ตรวจสอบประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ด้านเด็กเเละเยาวชนด้วย โดยยื่นที่กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ถนนกรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.
น.ส.ชลิดา ยืนยันว่า กลุ่มเป็นหนึ่ง ไม่ได้มากล่าวหา หรือเรียกร้องเอาผิดกับตัวเด็ก แต่อยากให้ตรวจสอบผู้ใหญ่ ที่มีวุฒิภาวะ เนื่องจากการสอนปฏิบัติธรรม หรือจัดอบรมแต่ละคอร์สอบรมธรรมะ ตามความเชื่อของกลุ่มดังกล่าว จะมีการใช้ตัวเด็กมาเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์
จากการตรวจสอบพบว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในแต่ละคอร์สด้วย ซึ่งพบว่าไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว ทั้งนี้ยืนยันว่าทางกลุ่มเป็นหนึ่งมีหลักฐานและพยาน กลุ่มคนที่เคยเข้าไปเป็นลูกศิษย์ของน้องมาให้ข้อมูล
ตนเองได้ยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พม. และตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้จะนำหนังสือไปยื่นต่อสภาทนายความ เพื่อให้ตรวจสอบทนายความของฝั่งแม่ หลังทราบว่าเตรียมฟ้องร้องเอาผิดกับคนที่เห็นต่าง รวมถึงตนได้ตรวจสอบพฤติกรรมของทนายความคนดังกล่าว พบว่าก็มีการฟ้องร้องคนที่เห็นต่างในหลายๆเรื่อง ซึ่งตนมองว่าคำที่แม่เคยพูดว่า “ธรรมะไม่ผิด ธรรมะไม่เอาชนะใคร แต่ การฟ้องร้องขัดกับหลักธรรมที่แม่บอก”
ในส่วนข้อมูลเรื่องที่ดินนั้น ยืนยันว่ามีหลักฐาน ทั้งภาพ และการโพสต์ขาย รวมถึงการเรียกรับเงินจากการสอนธรรมะ เพื่อนำไปซื้อที่ดินพื้นที่ จึงอยากให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะแสวงหาผลประโยชน์