จากกรณีแก๊งอาชญากรรมก่อเหตุยิง “ครูเจี๊ยบ” และ “น้องหยอด” เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังตำรวจเร่งล่าตัวมือยิงที่หลบหนีไปหลังก่อเหตุ นั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล ได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า นายอนาวิน อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นมือยิง ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1070/2566 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในตัวเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด



ได้หลบหนีไปกบดานที่จังหวัดเชียงใหม่ โดย “นายอนาวิน” และเพื่อนอีกคน ชื่อว่า “นายทิว” ได้เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวขึ้นไปกางเต็นท์ นอนค้างแรมที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ที่บริเวณลานกางเต็นท์ดอยปุย จนกระทั่งช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจึงได้ติดตามไปจนรู้เป้าว่านอนอยู่ตรงจุดไหน จึงได้ทำการปิดล้อมและเข้ารวบตัวได้คาเต็นท์ ขณะที่ทั้งสองกำลังนอนสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอย ก่อนควบคุมตัวทั้งสองคนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำตัวไปสอบปากคำที่สืบนครบาลต่อไป



ความเคลื่อนไหวเช้าวันนี้ ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ก่อนการนำตัว 13 ผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง ซึ่งทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาในความผิดฐานร่วมกันสมคบตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือ ซ่องโจร 

ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนและญาติของผู้ต้องหา 13 คน ทยอยเดินทางเข้ามาเยี่ยม ซึ่งจากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าหลายคนมีลักษณะคล้ายกับเด็กนักเรียนจากสถาบันเดียวกันกับผู้ต้องหา แต่ทั้งหมดไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ

ส่วนที่บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ได้มีการจัดกำลังตำรวจกว่า 10 นาย ตั้งแถวรับฟังแนวทางและข้อปฏิบัติในการควบคุมสถานการณ์และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงที่จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขัง หากมีเหตุความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น หรืออาจจะมีกลุ่มคู่อริต่างสถาบันของผู้ต้องหามาก่อความวุ่นวาย



แม่น้องหยอด ถอดรองเท้าฟาดสาปส่ง 13 โจ๋ส่งคุก

ต่อมาเวลา 10.00 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 13 ราย ออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง ซึ่งผู้ต้องหาคนแรกที่เดินนำออกมา คือ นายชนัญชิต หรือ เป๊ปซี่

ผู้สื่อข่าวสังเกตว่า เป๊ปซี่มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน จังหวะนั้นแม่ของน้องหยอดได้ตะโกนด่าและสาปแช่ง พยายามจะถอดรองเท้าตีใส่กลุ่มผู้ต้องหา เป๊ปซี่ก็หันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้โต้ตอบอะไร โดยมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วคอยควบคุมสถานการณ์ ซึ่งแม่น้องหยอดยังตะโกนใส่ต่อเนื่องว่า “ทำเลวไม่ต้องปิดหน้า” “ไม่ต้องอาย”



โดยผู้ต้องหาทั้งหมด ต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดหรือตอบคำถามใด ๆ ก่อนที่ตำรวจจะขับรถออกไป โดยมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว 20 นายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบด้านหลังรถเพื่อคุ้มกัน ป้องกันเหตุความไม่สงบ

.

ขณะที่ นางสาวพรพิมล แม่ของน้องหยอด ที่เดินทางมา สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย โดยได้นั่งกอดรูปของลูกชายร่ำไห้ พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ได้มาเฝ้าติดตามดูผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุยิงน้องหยอด-ครูเจี๊ยบ พร้อมกับจะยื่นหนังสือขอคัดค้านประกันตัวที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เนื่องจากลูกของตนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และตัวผู้ต้องหาไม่มีความสลดสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป หลังจากที่น้องหยอดเสียชีวิตที่บ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะน้องชายที่ซึ่งตอนนี้มีอาการวิตกกังวล และถามถึงสาเหตุการตายของน้องหยอดทุกวันว่า เขายิงพี่หยอดทำไม ทำไมถึงต้องยิงพี่หยอด ถามแบบนี้อยู่ทุกวัน

ตนขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวได้เคยก่อเหตุและได้รับการประกันตัวกลับมาก่อเหตุแบบนี้อีก วันนี้จึงจะเดินเรื่องคัดค้านประกันตัว ให้กฎหมายเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ให้ถึงที่สุด

สุดแค้น! คว้ารองเท้าตบหน้าทรชนฆ่าเด็กอุเทน แม่แช่ง "ให้พ่อมึ-โดนบ้าง" เด็กเวร