แฉ 2 ทรชนยิง "หยอด" หนีเที่ยวรับลมหนาว 2 วัน

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ แจ้งว่า “นายอนาวิน” และ “นายทิว” ผู้ถูกจับทั้ง 2 คน ได้ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาขอเช่าเต็นท์พักแรมของอุทยานฯ จำนวน 1 หลัง ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 17 ธันวาคม 2566 โดยพักแรมมาแล้ว 2 คืน จากข้อมูลเผยว่า เจ้าหน้าที่ภายในอุทยานฯ ไม่ได้เป็นผู้แจ้งข้อมูลหรือประสานข้อมูลของผู้ก่อเหตุ 2 รายนี้ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด



เนื่องจากตอนขอเข้ากางเต็นท์ก็มีการปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่างตามปกติไม่ได้พิรุธหรือท่าทีผิดแปลกอะไร จนกระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 ธ.ค. 2566) ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุม จึงทราบว่าเป็นผู้ก่อเหตุหลบหนีมา

ค้านประกัน 13 โจ๋ หวั่นก่อคดีซ้ำซาก

จากกรณีตำรวจนครบาลปฏิบัติการปิดเมืองล่าครั้งที่ 2 จับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 13 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือซ่องโจร โดย 1 ในนั้นคือ นายชนัญชิต หรือ เป๊ปซี่ ซึ่งเคยร่วมกันกับกลุ่มเพื่อนก่อเหตุยิงถล่มงานแต่งงานเมื่อกลางเดือน ส.ค. 2565 ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร จนมีผู้เสียชีวิต 1 คน คือนายณัฐวุฒิ เพื่อนของเจ้าบ่าวที่เป็นศิษย์เก่าอุเทนถวาย และเคยเป็นคนไปเยี่ยมเพื่อนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในล็อตแรก 9 คน เมื่อวันที่ 23 พ.ย. โดยตอนนั้นอ้างว่าเพื่อนของตนเป็นแพะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ



ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ แม่และเพื่อนผู้เสียชีวิตในงานแต่งวันดังกล่าว เดินทางที่ สน. โดยเปิดเผยว่าที่มาในวันนี้เพราะนายเป๊ปซี่ถูกจับมาในวันนี้ด้วย เราจึงอยากมาเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูก และยังมีคนอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ จึงอยากให้คนกลุ่มนี้ไปอยู่เรือนจำ จะได้ไม่ออกมาก่อเหตุซ้ำ ๆ อีก ถือว่าเป็นภัยต่อสังคมมาก

ด้าน นางสาวอ้อย (นามสมมุติ) แม่ของผู้เสียชีวิตที่เคยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุบุกยิงกลางงานแต่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 จนทำให้ลูกชายตนเสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุก็ถูกจับกุมตัวได้ แต่ได้รับการประกันตัวออกไป และก็มาทราบว่า เป็น 1 ในคนที่ถูกจับกุมครั้งนี้ด้วย คือ เป๊ปซี่ ตนจึงรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม มองว่าหากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับการประกันตัวก็คงไม่มีเหตุการณ์ยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอดเกิดขึ้นตามมาอีก รวมไปถึงเหตุการณ์อื่น ๆ จึงขอวอนให้ทางตำรวจพิจารณาสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญเสียร้องขอ



วันนี้ตนจะยื่นคัดค้านการประกันตัวทั้งต่อตำรวจและต่อศาล เพื่อให้มีน้ำหนักเพราะไม่ต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัว จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุซ้ำ ๆ อีก ตนไม่รู้ว่าการขอประกันตัวนั้น ต้องการออกมาเพื่อสู้คดี หรือออกมาเพื่อก่อเหตุซ้ำ และผู้ต้องหาที่ตำรวจจับมา ก็เป็นผู้ต้องหาคนที่ 1 ในคดีที่ลูกชายตนเสียชีวิต โดยตนเองอยากให้ตำรวจกวาดล้างเรื่องนี้ให้หมดไปสักที และอยากฝากถึงสถาบันว่า ส่วนไหนที่เป็นเนื้อร้ายก็ตัดทิ้งไปเถอะ อย่าไปอุ้มชู อย่าไปให้ค่า เพราะหมดยุคของคนพวกนี้แล้ว



ย้อนคดียิงถล่มงานแต่งเจ้าบ่าวดับ

ขณะที่เพื่อนของผู้ตาย เล่าย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 ว่าในงานแต่งตอนเช้าก็ปกติ พอเย็น ๆ แขกเริ่มแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือแต่กลุ่มเพื่อนนั่งกันอยู่ สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์มาดูลาดเลาตั้งแต่เช้า แต่เลือกก่อเหตุในช่วงเย็นตอนคนเหลือน้อยแล้ว เพราะมั่นใจว่าคนกลุ่มนี้เป็นนักศึกษาต่างสถาบัน ส่วนผู้เสียชีวิตเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกพอดี จึงทำให้ถูกยิงคนแรก จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็บุกเข้ามาภายในงาน



ตอนนั้นตนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทุกคนใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ เสื้อแขนยาว แต่ก่อนวันเกิดเหตุตำรวจได้ย้อนกล้องวงจรปิดดูพบว่านายเป๊ปซี่คนนี้เป็นคนมาดูลาดเลาที่เกิดเหตุก่อนวันงาน 3-4 วัน

เพื่อนผู้ตาย เผยอีกว่า ตนคิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดอะไรเลย ยังทำตัวเหมือนเดิม เพราะอาทิตย์ที่แล้วก็ถูกประกันตัวออกมา กลัวว่าครั้งนี้จะได้รับการประกันตัวอีก หวาดกลัวว่าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก เพื่อนผู้ตาย ยืนยันว่าเพื่อนตนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับสถาบันนั้นด้วยเลย แต่กลับมาโดนอะไรด้วยไม่รู้ ผู้ก่อเหตุคิดแค่ว่างานแต่งนี้เป็นของเด็กอุเทนเลยมายิงเพื่อทำแต้ม ส่วนความรู้สึกตอนนี้เหตุการณ์ที่ผ่านมายังอยู่ในหัวมาตลอด เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ ยังใช้ชีวิตปกติไม่เดือดร้อนอะไร

และภายหลังพนักงานสอบสวน ยื่นคำร้องต่อศาล ทางผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขัง ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือ ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้องไป

สุดชิลล์! ยิงอุเทนหนีไปรับลมหนาว อึ้งคดีเก่ายิงเพื่อนเจ้าบ่าวได้ประกัน ฝากศาลเช็กบิล