หวิดวางมวย ! "อดีตปู่มหามุนี" นำพวงหรีดมาวางหน้าศาล FC "ลุงพล-ป้าแต๋น" ปะทะวาจาเดือด
ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของชมพู่ เมื่อช่วงเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุชุลมุนที่บริเวณด้านหน้าศาล หลังจากที่ นายชัยรัตน์ ยอดพรหม หรือ อดีต "ปู่มหามุนี" นำดอกไม้ลักษณะคล้ายพวงหรีดมาวางหน้าศาลฯ พร้อมระบุข้อความให้กำลังใจ "ลุงพล-ป้าแต๋น" จึงทำให้ทีมงานของลุงพลไม่พอใจ เดินมากระชากป้ายข้อความออก แล้วนำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณหน้าศาลฯ จากนั้นเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้อดีตพ่อปู่มหามุนีเกิดอาการฉุน ตะโกนต่อว่า และขู่จะแจ้งความว่าทำลายทรัพย์สินของตนเอง โดยมีการต่อปากต่อคำกันระหว่างแฟนคลับลุงพล และอดีตพ่อปู่มหามุนี อย่างดุเดือด จนเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันไป
//////////////////////////////
ย้อนอดีต ลุงพลเจอศพ “น้องชมพู่”
ช่วงบ่ายของวันที่ 14 พ.ค.63 ยายตุน อายุ 70 ปี ชาวบ้านจังหวัดสกลนคร เดินเท้าขึ้นไปเก็บเห็ดหาของป่าเทือกเขาภูพานน้อย เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล แจ้งเบาะแสว่า พบรองเท้าเด็กสีเขียว บนกลางป่า ก่อนที่จะนำทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปจุดที่พบรองเท้า
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พื้นที่ใกล้เคียง ห่างจากจุดพบรองเท้า ประมาณ 5 เมตร พบศพน้องชมพู่ อยู่ในสภาพเปลือยกาย แต่ยังไม่สามารถยืนยันว่ามีการข่มขืนหรือไม่ ต้องรอผลการชันสูตร
ในขณะนั้นลุงพลเมื่อเห็นศพน้องชมพู่ก็ร้องไห้ และให้ข้อมูลว่ามีชายปริศนาขึ้นมาบนเขา ทำให้หลายคนคิดว่าน้องชมพู่เดินขึ้นมาบนเขาเองได้
คำวินิจฉัยศาลเชื่อว่ามีการพาชมพู่ขึ้นเขา โดยศพน้องชมพู่ห่างจากจุดที่ค้นพบ 1.5 กิโลเมตร เขาเหล็กไฟเป็นทางลาดชันยากแก่การเดินขึ้น และมีการตนวจพบเส้นผมลักษณะถูกตัดด้วยของแข็งมีคม ผู้ตายอายุสามปีเศษไม่สามารถใช้ของแข็งตัดผมได้ ต้องมีผู้ร้ายพาไป
ปัญหาวินิจฉัยลุงพลเป็นคนร้ายหรือไม่?
- พยานเด็กหญิง ก. เบิกความว่าไม่ได้ยินเสียงผู้ตายร้อง จึงเชื่อว่าคนร้ายที่พาผู้ตายไป ต้องเป็นญาติหรือบุคคลใกล้ชิด
- ชุดสืบสวนมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจน จากบุคคลต้องสงสัย 14 คน ยกเว้นจำเลยที่ 1 ลุงพล ไม่สามารถยืนยันหลักฐานที่ชัดเจนได้
- ป้าแต๋นมีโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว แต่จำเลยกลับรู้เรื่องเด็กหายโดยได้อ้างกับพระที่วัดถ้ำภูผาแอกซึ่งเป็นข้อพิรุธ
- พยานให้การว่เห็นลุงพลอยู่ในบริเวณสวนยางจุดที่สามารถเข้าไปถึงจุดที่ชมพู่หายตัว และพยานยังยืนยันว่าลุงพลขอให้บอกตำรวจว่าเจอลุงพลในเวลา 07.00 น. ไม่ใช่ช่วงเวลาเกิดเหตุ
- ผลตรวจรถของลุงพลพบเส้นผม 1 เส้น มีองศาของรอยตัดหน้าตัดและผิวด้านข้างตรงกับเส้นผมของผู้ตาย 2 เส้น ซึ่งเก็บได้จากบริเวณพบศพผู้ตาย ลักษณะการตัดเป็นการตัดในคราวเดียวกันด้วยวัตถุของแข็งมีคม เชื่อว่าลุงพลเป็นผู้ใช้ของแข็งมีคมตัดเส้นผมผู้ตาย
ทำไมศาลจึงไม่มีการเอาผิดข้อหาเจตนาฆ่า?
"ขณะพาชมพู่ขึ้นไปบนเขา ลุงพลไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับเด็กมาก่อน จึงไม่น่าเชื่อว่าลุงพลมีเจตนาฆ่า"
"ผลตรวจศพพบรอยช้ำใต้หนังศีรษะบริเวณหน้าผากด้านซ้าย
และท้ายทอยเป็นจ้ำ จึงอาจเป็นกรณีที่ชมพู่หมดสติไป
ลุงพลไม่ได้ตรวจดูให้ดีเลยพาชมพู่ไปทิ้งไว้บนเขาเหล็กไฟ
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย"
หลังจากที่ลุงพลแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังได้รับการประกันตัวในคดีน้องชมพู่ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านที่ วังปู่ปอจิตรอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร
ลุงพลได้แวะทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองจังหวัดมุกดาหารพร้อมกับทีมทนายความ โดยจะขอหารือเป็นการส่วนตัวกับทีมทนายความด้วย จึงอนุญาตให้ทีมข่าวบันทึกภาพเฉพาะบริเวณด้านนอกตอนเข้าออกเท่านั้น
ซึ่งการมาทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งนี้ถือว่าเป็นการทานข้าวมื้อแรกของป้าแต๋นเพราะตอนเช้าในขณะที่ออกจากโรงแรมนั้นป้าแต๋นไม่ได้ทานข้าวเช้า พอมีคำตัดสินในคดีนี้และภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยจึงมาทานข้าวที่นี่เป็นมื้อแรกของวันนี้
ซึ่งทีมข่าวของเราสอบถามลุงพลก็บอกว่าทานข้าวได้ตามปกติตอนนี้เชื่อว่ายังสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในศาลชั้นอุทธรณ์ต่อไปได้
และหลังจากทานข้าวเสร็จลุงพลก็ออกเดินทางเพื่อที่จะไปส่งทนายความในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสกลนครก่อนที่จะกลับไปนอนที่บ้านของตัวเองในอำเภอวานรนิวาสเช่นเดิม