ปรเมศวร์ ฟันธง ลุงพล รอดยากแม้ยื่นอุทธรณ์
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า หลังศาลจังหวัดมุกดาหารอ่านคำพิพากษาคดีน้องชมพู่ ระบุว่า ส่วนตัวยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาอย่างละเอียด แต่ตั้งแต่ที่ตำรวจตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ ส่วนตัวมองว่าต้องมีพยานเห็นว่ามีคนอยู่กับน้องชมพู่เป็นคนสุดท้าย ซึ่งหากลงข้อหานี้ได้ ข้อหาอื่นก็ลงได้
ส่วนผลชันสูตรที่พบว่าน้องชมพู่ขาดน้ำ ขาดอาหาร พนักงานอัยการได้ให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ว่าน่าจะเป็นการจงใจเจตนาฆ่าคนตาย เพราะเล็งเห็นผลว่าเด็กอาจตายได้ จึงฟ้องไปตามนั้น ซึ่งจะเห็นว่าศาลเชื่อว่าเป็นการพรากผู้เยาว์ แสดงว่ามีพยานยืนยัน ส่วนการที่เด็กเสียชีวิตศาลมองว่าไม่ใช่การเจตนา แต่เป็นเรื่องการประมาท ทิ้งไว้หลายวันแล้วเด็กตาย ซึ่งมองว่าศาลลงถูกต้องแล้ว
ในส่วนคดีนี้ที่หลักฐานอาจจะมีน้อยกว่าคดีอื่น ๆ นายปรเมศวร์ มองว่า คดีอาจไม่จำเป็นจะต้องมีประจักษ์พยานเสมอไป แต่มีพยานแวดล้อมและนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ได้ ซึ่งมีความสมเหตุสมผล ทำให้ศาลลงโทษได้
ส่วนจากพยานหลักฐานที่ศาลยกในคำวินิจฉัย ดูแล้วลุงพลมีโอกาสต่อสู้จนหลุดในชั้นอุทธรณ์หรือชั้นฎีกาได้หรือไม่ นายปรเมศวร์ บอกว่า ส่วนตัวมองว่ายากเพราะจากการอ่านคำพิพากษาใช้เวลาค่อนข้างนาน เชื่อว่าคำพิพากษาฉบับเต็ม มีความละเอียดรอบคอบ ครบทุกมิติแล้ว และเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก ศาลจะวินิจฉัยละเอียดมากกว่าปกติ
ในส่วนกรณีที่พารากราฟสุดท้ายของคำพิพากษาฉบับย่อ มีความเห็นอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร ตรวจสำนวน และทำความเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมีข้อสงสัยตามสมควร เห็นควรให้ยกฟ้องโดยให้รวมในสำนวน จะเป็นข้อที่ฝ่ายลุงพลใช้ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้หรือไม่ นายปรเมศวร์ บอกว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นรายละเอียด แต่เชื่อว่าอาจหมายถึงข้อหาอื่น ๆ ที่มีการยกฟ้องไป ซึ่งก็ต้องดูว่าพยานโจทย์ตรงไหนที่น่าสงสัย ส่วนตัวขอดูรายละเอียดก่อน แต่ก็มองว่าเรื่องนี้อาจเป็นข้อที่ฝ่ายลุงพลนำไปใช้ต่อสู้คดีได้เช่นกัน
นายปรเมศวร์ เชื่อว่าคดีนี้มีการอุทธรณ์แน่นอน ซึ่งอยากแนะนำให้แม่ชมพู่ยื่นคำร้องขอบังคับคดี ตามที่ศาลบอกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย แล้วจึงค่อยยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัว ส่วนตัวกังวลเรื่องกลุ่มยูทูปเบอร์ที่อาจจะมีการวิพากย์วิจารณ์การทำงานของศาล รวมถึงเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เป็นเหตุให้เชื่อว่าศาลน่าจะไม่ให้ประกัน พร้อมมองว่า คดีนี้จะใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี ก็จะจบในชั้นฎีกา แต่อย่างน้อยการที่มีคำพิพากษาในศาลชั้นตั้น ทำให้สังคมได้ตาสว่างขึ้น
ทนายตั้ม ชี้ช่องโหว่สำนวน ลุงพล รอดคุก
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายชื่อดังอีกท่านนึง โดยทนายตั้มเปิดเผยกับทีมว่า ตนยังเชื่อมั่นว่าหากใครต้องทำคดีนี้ ยังไงก็ต้องยกฟ้องอย่างแน่นอน แต่เมื่อคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ ก็ตกใจเช่นกันว่าทำไมถึงออกมาในรูปนี้ได้ แต่ก็มาทราบที่หลังว่าแนวทางการต่อสู้ของทนายลุงพลนั้น ต่อสู้ด้วยหลักฐานที่ว่า สุนัขที่ชื่อ “ปลาส้ม” อาจจะเป็นฆาตรกรหรือไม่ จากการที่มียูทูปเบอร์สายลุงพลพูดถึงกัน แต่ถ้าเป็นต้นต้นยังยึดมั่นในการต่อสู้แบบใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพราะคดีดังกล่าวไม่มีประจักษ์พยานที่สาวมาถึงตัวลุงพลได้เลย จะมีเพียงแค่คนที่เห็นลุงพล ไปอยู่บริเวณสวนยางใกล้กับที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ไม่ได้เห็นลุงพลไปกับน้องชมพู่
และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไปเจอเส้นผมบริเวณจุดเกิดเหตุและในรถของลุงพล เป็นเส้นผมที่มีร่องรอยการตัดเหมือนกัน จริง ๆ ควรเน้นไปเลยว่าต้องใช้มีดแบบใดในการตัดผมให้มีลักษณะแบบนี้ได้ หรือเส้นผมนั้นเป็นเส้นผมชนิดเดียวกันหรือเป็นเส้นผมของคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งถ้าจำกันได้ตนเคยโต้แย้งกับตำรวจเรื่องนี้มาแล้ว เพราะเส้นผมนั้นไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์เจาะจงได้เลย
หากไม่มีรากผมที่มีสามารถตรวจดีเอ็นเอได้ จึงเดาได้เลยว่าวันนี้ฝั่งลุงพลไม่ได้มีการนำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปยื่นให้กับศาลเลยแม้แต่น้อย แต่ของฝั่งโจทก์นั้นมีพยานหลักฐานจากทางตำรวจ ที่มีผู้เชี่ยวชาญนำหลักฐานต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์มาต่อสู้เพื่อหาเหตุผลอะไรก็ได้ให้ลุงพลแพ้คดี จนทำให้เป็นฝ่ายชนะคดีในวันนี้
อีกทั้งการตัดสินของศาลในวันนี้ตนก็มองว่าศาลยังคงปราณีอยู่พอสมควร เนื่องจากศาลเชื่อว่าลุงพลเป็นคนพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ แล้วเกิดอาการฮีทสโตรกจนเป็นเหตุให้เสียชีวต ทำให้ตัดสินเพียงว่าประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฏหมายที่เบากว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ความเป็นจริงสามารถตัดสินได้ว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาก็ได้ ซึ่งหากมีการตัดสินด้วยข้อนี้ในศาลอุธรณ์หรือศาลฏีกา ลุงพลก็ต้องได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตเลย
และถ้าย้อนไปตอนที่ลุงพลเคยเข้ามาให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของตัวเองกับตน ตนก็สักถามสอบสวนและดูพยานต่าง ๆ จนครบถ้วนไปทั้งหมดแล้ว ก็พอรู้บางเรื่องแล้งว่ามันมีอะไรที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ตอนนี้ไม่สามารถเอามาเผยแพร่ได้เพราะศาลพิพากษาไปแล้ว
ดังนั้น ลุงพลก็ต้องรับให้ได้กับสิ่งที่ตัวเองถูกพิพากษาตามหลักฐานที่มี ส่วนในเรื่องการให้ประกันตัวได้ทั้งที่โทษก็รุนแรง ตนก็มองว่าอยู่ที่ดุลพินิจของศาลที่อาจจะมองว่าลุงพลไม่เคยก่อคดีมาก่อน หรือยังไม่เคยหลบหนีไปไหนเลยในระหว่างที่มีการพิจารณาคดี แต่ถ้าหากอนาคตลุงพลมีการหลบหนีหรือมีการเข้าไปหยุงเหยิงต่อหลักฐานต่าง ๆ ของคดี ก็อาจจะทำให้ศาลยกเลิกการประกันตัวก็เป็นไปได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องของคดีความดังกล่าวนั้นตนก็มองว่าน่าจะมีความยืดเยื้อพอสมควรแน่นอนกว่าจะไปถึงชั้นฏีกา ต้องมีไม่ต่ำกว่า 4-5 ปีแน่ ๆ กว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด และหลังจากนี้หากลุงพลตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวทนายเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุธรณ์ ตนก็มองว่าเป็นสิทธิ์ของลุงพลที่จะทำแบบนี้ก็ได้ แต่ไม่มีทางเป็นตนแน่นอนที่จะเข้าไปช่วยเหลือเพราะคิดว่าตอนนี้ลุงพลเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องต้องถึงมือตนหรอก จัดการด้วยตัวเองไปเลย
สุดท้ายตนเองก็ยังมั่นใจอย่างแน่นอนว่า ถ้าวันนี้ตนเป็นทนายให้กับลุงพลในการต่อสู้คดีนี้ ยังไงก็มีโอกาสรอดสูง เพราะตนดูพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่มี ที่จะสามารถมัดตัวลุงพลได้นั้นเบาบางมาก รวมไปถึงคำตัดสินของศาลเองวันนี้ก็ไม่เห็นว่าจะระบุอย่างชัดเจนเลยว่าลุงพลเป็นคนกระทำความผิด มีแต่จับพิรุธแล้วตัดสินเท่านั้นเอง
ลุงพล มีพิรุธเตรียมเงินประกัน ทั้งที่ยันว่า ไม่ใช่คนร้าย
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับหมอปลา บุคคลที่มีข้อพิพาทกับลุงพลมาตลอด ก็เปิดใจกับทีมข่าวว่าวันนี้ตนรู้สึกดีที่ผลการตัดสินออกมาเช่นนี้ แต่ยังไม่ดีใจเท่าที่ควรเพราะตนคิดว่าบางข้อหาก็ควรจะโดนด้วยแต่กลับไม่โดน แต่ก็เคารพการตัดสินใจของศาลแล้ว
ส่วนเรื่องของลุงพลที่ตัดสินแบบนี้นั้น ตนก็มีความตะหงิดใจตั้งนานแล้วว่าถ้าหากคุณตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลุงพลก็บอกมาตลอดว่าตัวเองมั่นใจไม่ผิด 100% ไม่ได้ฆ่าน้องชมพู่แน่นอน แต่ทำไมคุณถึงต้องเตรียมตัวเพื่อประกันตัวด้วย เพราะถ้าไม่ผิดจะกลัวทำไมหนักหนา
อีกทั้งพวกยูทูปเบอร์ต่าง ๆ ของลุงพล มีการประกาศออกมาว่ายกฟ้อง ๆ แล้ว พวกนี้ตนคิดว่าตำรวจควรจะจัดการให้หมด เพราะมองว่าเป็นการสร้างคอนเทนต์เอาใจคนรักลุงพล เพื่อหวังจะเรียกยอดไลก์ให้ตัวเอง ซึ่งมันไม่สร้างสรรค์เลยสักนิดเดียวและมันก็ไร้สาระมาก ๆ ด้วย และเชื่อว่าวันนี้ยูทูบเบอร์ของฝั่งลุงพล ไม่ต้องมีใครซื้อกาแฟแก้ง่วงให้แล้ว เพราะคงนอนไม่หลับแน่นอน เพราะเครียดหนักเรื่องผลพิพากษา
ส่วนคำพิพากษาของศาลที่ออกมาแบบนี้ตนเชื่ออยู่แล้ว ว่าจะเป็นเช่นนี้เพราะตั้งแต่ลุงพลอยู่กับตนก็มีพิรุธหลาย ๆ อย่าง เช่น การปักธูปกลับหัว ก็รู้แล้วว่าลุงพลต้องมีอะไรในใจแน่นอน จนทำให้ตนหาหลักฐานต่าง ๆ และตั้งรางวัลนำจับว่าถ้าใครมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงลุงพลหรือคนอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการทำให้น้องชมพู่ต้องเสียชีวิตได้ ตนให้ไปเลย 1 ล้านบาท สุดท้ายอยากบอกกับลุงพลว่า ถ้าแน่จริงทำไมต้องประกันตัวด้วย เพราะยืนยันมาตลอดว่าตัวเองไม่ผิด