ซิงโครตรอน เทคโนโลยีสุดล้ำพลิกคดีชมพู่

เทคโนโลยีซิงโครตรอนนั้น ได้ถูกใช้ไขคดีคดีฆาตกรรมหมู่ในญี่ปุ่น โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2561 ที่จังหวัดวาคายามะ นางฮายาชิโกรธแค้นที่เพื่อนบ้านรังเกียจ จึงลอบใส่สารพิษลงในแกงกะหรี่และนำไปแจกจ่ายงานเทศกาลอาหารพื้นเมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และล้มป่วยกว่า 60 ราย



เบื้องต้นตำรวจไม่พบหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิด อาทิ ไม่พบลายนิ้วมือของผู้ต้องหา พยานก็ไม่ชัดเจน ภาชนะที่ใช้ทำอาหารไม่พบสารพิษ ทว่า พอใช้การวิเคราะห์หลักฐานด้วยแสงซิงโครตรอน กลับพบว่าอุปกรณ์ทำอาหารทุกอย่างของนางฮายาชิปนเปื้อนสารหนู

เปิดหลักฐานปิดเกมลุงพล แฝงตัว 3 ปี หาข้อมูล

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธี ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะหนึ่งชุดสืบสวนสอบสวนคดีน้องชมพู่ เปิดเผยกับทีมข่าวหลังศาล มีคำพิพากษาให้จำคุกลุงพล ว่า การสืบสวนสอบสวนสอบสวนทำเป็นคณะทำงาน ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร. ซึ่งแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุรู้ดีว่ามีแรงจูงใจอะไร ซึ่งตำรวจก็วิเคราะห์ฟันธงไปว่า ตัวผู้ก่อเหตุพาตัวน้องชมพู่ ผู้ตาย ไปที่จุดเกิดเหตุแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ ส่วนรายละเอียดยังมีอีกมากที่อยู่ในสำนวน และผู้ก่อเหตุให้การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นบุคคลเดียวที่ไม่สามารถให้การยืนยันวันเวลาช่วงที่เกิดเหตุได้อย่างชัดเจน ซึ่งจริง ๆ เข้ากับทฤษฎีของเหยื่อวิทยา เขาจึงเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดจนกระทั่งผันมาเป็นผู้ต้องหา



ส่วนเส้นผมที่ตรวจเจอเป็นไปไม่ได้ที่ลุงพลจะไม่รู้มาก่อนว่ามีการตรวจเจอ เพราะการตรวจผู้ที่ตรวจเป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จะต้องมีการตควจเก็บทำบันทึกต่อหน้าตัวผู้ก่อเหตุ วันนั้นย่อมต้องรู้ว่าตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐานเก็บของกลางอะไรได้บ้าง

ขณะที่ พยานหลักฐานในคดีนี้มีเยอะมาก เราใช้เวลาทำเกือบ 3 เดือน ละเอียดทุกขั้นตอน และไม่ใช่แค่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น เรามีผลแม้กระทั่งของเหยื่อ 8 ข้อ ยกตัวอย่างคือตัวน้องเองไม่สามารถเดินไปจึดเกิดเหตุได้แน่นอน และตัวน้องจะไม่ไปกับคนแปลกหน้า แม้กระทั่งคนแปลกหน้ามาขออุ้มน้องจะมีอาการส่งเสียงร้องโวยวาย เพราะฉะนั้นเราก็มีเป้าต้องสงสัยเป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องสงสัยที่สุดคือตัวผู้ก่อเหตุเอง และสิ่งที่เป็นสาระสำคัญจริง ๆ เราก็เคารพการตัดสินใจของศาล และขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับตัวจำเลยมาก่อน และวันนี้พวกเราคืนความเป็นธรรมให้กับน้องชมพู่และครอบครัวแล้ว



ส่วนหลักฐานเด็ดคือ การตรวจแบบซิงโครตรอน เครื่องมือนี่ได้รับจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมาตรฐานใช้ในการตรวจ และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแค่ประเทศไทยที่ใช้ ซึ่งทำให้ตรวจรอยตัดของเส้นผม และตรวจได้ว่าเป็นเส้นผมมาจากเส้นเดียวกันหรือไม่ ส่วนรายละเอียดต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนอธิบาย แต่หลักฐานชิ้นนี้ถือเป็นจิ๊กซอร์สำคัญที่สุด จากแสงซิงโครตรอนเหมือนเส้นหนึ่งเจอกับจำเลย เส้นหนึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุแล้วมันสามารถต่อกันได้พอดี เป็นจิ๊กซอร์ที่สำคัญ และมีข้อมูลเหยื่อวิทยาและตัวคนร้ายที่กลับไปกลับมา รวมถึงภูมิศาสตร์อาชญากรรม จุดนั้นรวมทั้งบ้านน้องชมพู่ ถ้าเป็นคนแปลกหน้าหรือคนไม่เคยไปมาก่อนไม่สามารถไปได้ ตำรวจขึ้นไปถ้าไม่มีคนนำยังหลงเลยขนาดอยู่มา 3 เดือน