มือปราบหูดำ เผยลุงพลให้การพรุธทำโดนคุก 20 ปี 

ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 สอบถาม“พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ศาลพิจารณาข้อหา ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นั้นเพราะดูแล้วลุงพลไม่มีเจตนาฆ่า แต่ กรณีข้อหาพรากเด็ก อายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา เพราะลุงพลเองเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดและพยานหลักฐานมัดตัว ว่าเป็นคนพาน้องชมพู่ขึ้นเขาและทิ้งไว้จนเสียชีวิต เลยถูกแจ้ง 2 ข้อหาดังกล่าว

 

ส่วนการที่ถูกข้อหา กรณีข้อหาพรากเด็ก อายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา นั้น ขยายความได้ว่า การที่น้องชมพู่หายศาลได้วิเคราะห์ว่าน้องชมพู่ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปบนเขาได้เพราะว่าเด็กอายุแค่ 3 ขวบขึ้นเขาที่สูงชัน และมีป่ามีหินรวมทั้งจุดที่เสียชีวิตก็เป็นโขดหินนั้นเองไม่ได้ แสดงว่าต้องมีคนพาไปหรือเอาไปซึ่งจะพยานหลักฐานแล้วก็เชื่อว่ามีคนเอาไปและคนที่ต้องสงสัยที่สุดก็คือลุงพลเพราะ และลุงพลคนเดียวที่มีพิรุธ และมีข้อที่ไม่สามารถชี้แจงได้

 

ส่วนเส้นผมนั้นมันตรงกันทั้งจุดเกิดเหตุและที่รถลุงพล ซึ่งเส้นผมที่พบนั้นถูกตัดเหมือนกันก็เลยเป็นพยานหลักฐานมัดตัวลุงพลจึงถูกต้องโทษดังกล่าว

 

เปิดตัวพยานเห็นลุงพลขึ้นเขาวันชมพู่หาย

ด้านเจ๊บุญมา ชาวกกตูม ที่เป็นพยานอีกรายให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2563 วันที่น้องชมพู่หายตัวไป โดยหลังจากที่ตัวเองและชาวบ้าน ทราบข่าวว่าน้องได้หายตัวไปนั้น ทุกคนก็ออกตามหาน้องชมพู่

 

ซึ่งในช่วงบ่าย ประมาณ 15.00 น. ถึง 16.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 2566 ตัวเองและชาวบ้านกกกอก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ได้ปูพรมหน้ากระดาน เดินตามหาน้องชมพู่ ที่บริเวณตีนเขาภูเหล็กไฟ ซึ่งจุดนี้ จะอยู่ทิศด้านหลังบ้านน้าต่าย จุดที่น้องชมพู่หายตัวไป และอยู่ติดกับด้านหลังสวนของพ่อแบม

 

ระหว่างที่พวกตัวเองค้นหาน้องชมพู่อยู่นั้น ก็มีเสียงผู้ชายพูดขึ้นมาจากบนเขาภูเหล็กไฟว่า “ ไม่ต้องขึ้นมาแล้ว ให้ผู้หญิงไปค้นหาเรียงหน้ากระดานลงไปด้านล่าง” แต่ตัวเองก็ไม่ทราบเสียงผู้ชายคนนั้นคือเสียงของใคร

 

จากนั้นตัวเองก็ค้นหา น้องชมพู่ที่บริเวณตีนเขาภูเหล็กไฟต่อไปสักพัก ก็เจอแม่น้องชมพู่ เดินหาน้องชมพู่อยู่แถวนั้น จากนั้นพ่อน้องชมพู่ก็โทรมาหาแม่น้องชมพู่ แล้วแม่น้องชมพู่ก็เดินกลับไป คาดว่ากลับไปบ้าน

 

จากนั้นตัวเองก็ค้นหาน้องชมพู่ต่อไป จนเงยหน้าไปเห็นลุงพล ยืนนิ่งอยู่ที่ตีนเขาภูเหล็กไฟ โดยตอนนั้นลุงพลสวมเสื้อพื้นเมือง (เสื้อตัวที่ตำรวจยึดไป) ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าลุงพลก็คงออกมาตามหาน้องชมพู่เช่นเดียวกันกับตัวเอง

 

แต่เอะใจตรงที่ตัวเองพยายามเรียกลุงพลว่า “ตาพล ลงมานี้หน่อย” แต่ลุงพลก็ไม่มีการตอบรับอะไร แล้วลุงพลก็เดินเหม่อลอยลงมาจากเขา แล้วเดินผ่านสวนยางพาราข้างบ้านพ่อแบมไป จากนั้น ตัวเองก็เห็นลุงพลเดินเข้าบ้านของเขา

 

ถามว่าตอนนั้นลุงพลมองเห็นตัวเอง ในระดับสายตา ของลุงพลตัวเองคิดว่าเค้าน่าจะมองเห็นตัวเอง แต่เค้าก็ไม่ได้ทักทายตัวเองแม้แต่คำเดียว

 

ตัวเองยึงยืนยันว่า ช่วงเวลา 15.00 น. ถึง 16.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 2566 ตัวเองเจอลุงพลที่ตีนภูเหล็กไฟจริงๆ แล้วตัวเองให้การกับตำรวจแบบนี้ไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

ส่วนที่เมื่อวานคำตัดสินของศาลออกมาให้ลงโทษจำคุกลุงพล 20 ปีนั้น ตัวเองก็เคารพคำตัดสินของศาล แต่ยอมรับว่ารู้สึกอึ้งตั้งแต่ลุงพลโดนออกหมายจับแล้ว

 

พยานลุงพลชี้ ตำรวจสอบสวน ไม่เกี่ยวคดีทำสำนวนเพี้ยน

 

ด้านนายสมบัติ ชาวบ้านกกกอก ซึ่งเป็นผู้พบศพน้องชมพู่เป็นคนแรก และเป็นบุคคลที่ลุงพลพูดถึงว่าเป็นหนึ่งในสามคนที่เห็นลุงพลช่วงเวลา 14:00 น. ที่สวนมันแถวบ้าน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ในสำนวนคดีลุงพลไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหนกับใครเป็นพยาน

 

ทีมข่าวของเราจึงไปถามนายสมบัติยืนยันว่าช่วงเวลา 14:00 น. ของวันนั้น ตัวเองเจอลุงพลที่สวนมันแถวบ้านลุงพลจริง และยังได้มีโอกาสพูดคุยกันอยู่ถามว่าเจอน้องชมพู่แล้วหรือยัง

 

แต่ก่อนหน้านี้ที่กลายเป็นประเด็นว่าลุงพลไม่สามารถระบุเวลาได้ชัดเจนนั้นตอนนั้นตำรวจเชิญตัวเองไปสอบปากคำตำรวจไม่ได้ถามว่าวันนั้นเจอลุงคนที่สวนมันแถวบ้านลุงพลหรือไม่แต่ตำรวจกลับถามนายสมบัติว่าเจอลุงพลที่สวนลุงดำหรือไม่ซึ่งนายสมบัติก็ตอบไปตามความจริงว่าไม่เจอเพราะไม่ได้เจอลุงพลที่สวนลุมดำจริงๆแต่เจอที่สวนมันแถวบ้าน

 

ส่วนประเด็นเรื่องที่ยืนยันว่าวันนั้นเจอลุงพลที่สวนมันแถวบ้านนั้นตัวเองเชื่อว่าไม่ได้ถูกนำไปประกอบสำนวนคดีด้วยเพราะตัวเองก็ไม่ได้ชี้แจงกับตำรวจได้อย่างชัดเจนในวันนั้นเนื่องจากยังมีความสับสนเกี่ยวกับคำถามอยู่

เล่าหมดเปลือก! ลุงพลโผล่เขาวันชมพู่หายเดินเหม่อ ผู้การแต้มเตือนยิ่งสู้ยิ่งคุก