จากกรณีลุงพลเดินทางเข้า กทม. เพื่อมาให้สัมภาษณ์หลายรายการชี้แจงในเรื่องคดีของน้องชมพู่ โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา มีนักข่าวถามถึงประเด็นเรื่องการเปลี่ยนเวลา ลุงพลเอ่ยว่า “เวลาอะไรครับ” ก่อนชื่อพ่อแบมขึ้นมา พร้อมว่า ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของพ่อแบมให้พูดกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม โดยลุงพลบอกว่าพ่อแบมไปบอกว่าเจอลุงพลตอน 09.20 น. ได้คุยกัน แล้วลุงออกจากบ้านไปพอ 09.40 น. พ่อชมพู่เข้ามาถามพ่อแบมเรื่องน้องชมพู่ พอมีข่าวออกมาตนเลยไปหาพ่อแบมแล้วบอกว่า ถ้าพ่อแบมให้ข่าวแบบนี้เรื่องเวลา ถ้าเป็น 09.20 น. ตัวลุงพลอยู่ที่สวนยางกับแม่น้องชมพู่ ที่ห้วยประสาร ห่างจากบ้านพ่อแบม 2 กม. เศษ



ประเด็นเรื่องเวลาที่น้องหายพอน้องชมพู่ไปพูดออกเสียงว่ารู้เวลาที่น้องหายตอนประมาณ 10 โมงกว่า ซึ่งถ้าถามเรื่องเวลาแบบนี้ ตนถามพ่อแบมกลับว่า ควรบอกว่าจำเวลาผิดหรือไม่ ตนไม่เคยข่มขู่พ่อแบม พูดแค่นั้นแล้วก็จบ

ส่วนเรื่องที่มีโทรศัพท์เครื่องเดียวแต่ลุงรู้ว่าน้องหาย ลุงพลบอกว่ายังเป็นข้อสงสัยของลุงว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลแบบนี้มาจากใคร เพราะตอนไปรับพระโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับลุง แล้วโทรศัพท์อยู่ป้าแต๋น

ด้านเจ๊บุญมา ชาวกกตูม ที่เป็นพยานอีกรายให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2563 วันที่น้องชมพู่หายตัวไป โดยหลังจากที่ตัวเองและชาวบ้าน ทราบข่าวว่าน้องได้หายตัวไปนั้น ทุกคนก็ออกตามหาน้องชมพู่

ซึ่งในช่วงบ่าย ประมาณ 15.00 น. ถึง 16.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 2566 ตัวเองและชาวบ้านกกกอก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ได้ปูพรมหน้ากระดาน เดินตามหาน้องชมพู่ ที่บริเวณตีนเขาภูเหล็กไฟ ซึ่งจุดนี้จะอยู่ทิศด้านหลังบ้านน้าต่าย จุดที่น้องชมพู่หายตัวไป และอยู่ติดกับด้านหลังสวนของพ่อแบม



จากนั้นตัวเองก็ค้นหาน้องชมพู่ต่อไป จนเงยหน้าไปเห็นลุงพล ยืนนิ่งอยู่ที่ตีนเขาภูเหล็กไฟ โดยตอนนั้นลุงพลสวมเสื้อพื้นเมือง (เสื้อตัวที่ตำรวจยึดไป) ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าลุงพลก็คงออกมาตามหาน้องชมพู่เช่นเดียวกันกับตัวเอง

แต่เอะใจตรงที่ตัวเองพยายามเรียกลุงพลว่า “ตาพล ลงมานี้หน่อย” แต่ลุงพลก็ไม่มีการตอบรับอะไร แล้วลุงพลก็เดินเหม่อลอยลงมาจากเขา แล้วเดินผ่านสวนยางพาราข้างบ้านพ่อแบมไป จากนั้น ตัวเองก็เห็นลุงพลเดินเข้าบ้านของเขา ถามว่าตอนนั้นลุงพลมองเห็นตัวเอง ในระดับสายตาของลุงพลตัวเองคิดว่าเขาน่าจะมองเห็นตัวเอง แต่เขาก็ไม่ได้ทักทายตัวเองแม้แต่คำเดียว



เปิดวงจรปิดนาทีสำคัญ ลุงพลหายไร้ร่องรอย

จากหลักฐานทางนิติวิทยากศาสตร์ที่แพทย์ชันสูตรระบุว่า น้องชมพู่เสียชีวิตในวันที่ 12 พ.ค. 2563 เวลา 14.30 น. ไปถึง 13 พ.ค. 2563 เวลา 14.30 น. (น้องชมพู่หายไปช่วงเช้าของวันที่ 11 พ.ค.) ทำให้ช่วงเวลาประมาณ 14.30 - 16.00 น. ของวันเกิดเหตุคือวันที่ 11 ที่ลุงพลไม่สามารถบอกรายละเอียดของตัวเองให้ชัดเจนเป็นช่วงเวลาน่าสงสัย ซึ่งเท่ากับว่าลุงพลหายไปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ของวันเกิดเหตุ



ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ พบรถลุงพลกลับจากไปส่งพระ ในกล้องระบุเวลา 14.08 น. (เวลากล้องช้ากว่าเวลาจริง 5 นาที) เวลาจริงคือ 14.13 น. ซึ่งเมื่อคำนวนจากระยะทางแล้ว ลุงพลกลับมาถึงบ้านกกกอกเวลา 14.30 น.

หลังจากนั้นมีภาพจากกล้องวงจรปิด ขาออกหมู่บ้านกกกอก มุ่งหน้าไปหมู่บ้านมะนาว มีภาพวงจรปิดในหมู่บ้าน พบรถลุงพลออกจากบ้านกกกอกในเวลา 16.07 น. ทำให้พบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวลุงพลหายไปอย่างมีนัยยะ (หายไปประมาณ 1 ชั่วโมง 54 นาที) ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพ่อแบมที่พบว่า ลุงพลขึ้นไปบนภูเหล็กไฟช่วงหลัง 14.30 น. บริเวณสวนหลังบ้านพ่อแบม จึงสอดคล้องกับวงจรปิดที่เห็นรถลุงพลกลับมาบ้านกกกอก ในขณะที่ฝ่ายลุงพลเองก็ยืนยันชี้แจงว่า ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่ไปตามหาน้องชมพู่ ซึ่งมีนายสมบัติเป็นคนยืนยันให้ข้อมูลกับช่อง 8 ก่อนหน้านี้



ลุงพล ยัน ไม่เชื่อเรื่องดวง สวดมนต์ไหว้พระทุกคืน

ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล เกี่ยวกับประเด็นความเชื่อ เราเปิดประเด็นสอบถามว่าลุงพลเชื่อเรื่องการดูดวงหรือไม่ ทางลุงพลตอบว่าเรื่องดวงลุงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ไม่ค่อยได้ดวง เพราะคนที่ไปดูดวงคือคนที่ไม่มั่นใจ ว่าบุพเพวาสนาจะเป็นยังไงเค้าถึงจะไปดูดวงส่วนเรื่องการซื้อลอตเตอรี่ไม่เกี่ยวกับฤกษ์ใด ๆ ลุงชอบตัวไหนซื้อตัวนั้น ฝันมาเจอเลขหนึ่งถึงเก้าก็ระวังศูนย์แค่นั้นเอง

ประเด็นเรื่องของขลังที่ลุงห้อยคอนั้น ลุงบอกเราว่าห้อยพระ 7 องค์ เป็นเลขคี่ โดยแขวนหน้า 5 องค์ และมีอีก 2 องค์แขวนห้อยอยู่ข้างหลัง (พระรอด) ก่อนหยิบสร้อยพระ ออกมาให้ทีมข่าวได้ดู โดยพระที่ห้อยตรงกลางได้มาจากพระอาจารย์แจ๋ว พระเหล็กไหลน้ำหนึ่ง มีพระสมเด็จ 4 องค์ บอกมูลค่าไมได้ ซึ่งเราก็ใส่มาตลอดเพราะเราเชื่อว่าวัตถุมงคลยึดเหนี่ยวจิตใจเราได้ แทนสติปัญญาที่เรามี นึกถึงพระห้อยคอทำให้เรามีสติ



ส่วนเรื่องของขลังอื่น ๆ อย่าง สาลิกาลิ้นทอง นักข่าวถามว่าลุงมีพกเอาไว้หรือไม่ลุงบอกชัด ๆ ว่า สาลิกาลิ้นทองลุงเคยเห็นแต่ความเชื่อของคนอื่นแต่ลุงไม่ได้รู้จักว่าสาริกาลิ้นทองมันคืออะไร ไม่มีพกไว้ ไม่เข้าใจว่าสาริกาลิ้นทองทำอย่างไร

ส่วนตัวลุงพลบอกกับทีมข่าวเราว่า เป็นคนเชื่อเรื่องการทำสมาธิสวดมนต์เพราะถ้าสวดมนต์ทำสมาธิตามแนวทางพระพุทธเจ้าเชื่อว่าจะมีแต่สิ่งดี ๆ ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจทำให้เย็นลง ซึ่งลุงพลบอกว่าส่วนตัวสวดอิติปิโส บทมหาจักรพรรดิ์ บทพาหุง บทชนะมาร สวดทุกวันใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ บางทีก็ชวนเหล่า ยูทูบเบอร์มาร่วมกันสวดมนต์ซึ่งก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่อยู่บ้านกกกอกเป็นเวลาสามปีแล้ว ลุงพลบอกว่าต้องสวดมนต์ตั้งจิตทำให้เรามีปัญญาไม่ให้เตลิดไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโลกโซเชียล มุ่งสวดมนต์ให้จิตใจเย็นลง อะไรไม่ดีก็ปล่อยไป

ที่แรก! หลักฐานวงจรปิดมัดลุง หายลึกลับเกือบ 2 ชม. รถโผล่หนี "พล" ควักพระโต้บูชายัญ