แท็กซี่แสบไม่กลัวคุกปล้นต่างชาติ ขับวนของจริง ระยะทาง กม.เดียว ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า จนเหยื่อที่เมาฟุบหลับ เอื้อมปลดนาฬิกาหรู มูลค่า 1.1 ล้าน อ้างเห็นแล้วสวยดี อยากได้
จากกรณี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 มิสเตอร์ ยาซึมาซะ ผู้เสียหาย ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.66 ได้ไปดื่มกินที่ร้านอาหารภายในซอยทองหล่อ 3 จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น.ได้เรียกรถเเท็กซี่เพื่อกลับที่พัก ที่อยู่ภายในซอยทองหล่อ 13 แต่มาถึงที่พักในเวลาประมาณ 05.00 น. ต่อมาทราบว่า นาฬิกายี่ห้อ AP (Audemars Piguet) (โอเดอะมาร์ส ปิเกต์) รุ่น ROYAL OAK OFFSHORPE ราคา 1,100,000 บาท ของตัวเองได้หายไป เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งความเมื่อ 19 ธ.ค.66
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดร้านที่ผู้เสียหายไปดื่มกิน พบว่า ขณะที่ผู้เสียหายเดินออกจากร้านยังมีนาฬิกาอยู่ที่ข้อมือ จากนั้น ผู้เสียหายขึ้นแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ไม่ทราบทะเบียน
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถแท็กซี่คันดังกล่าววิ่ง พบว่า หลังจากที่ผู้เสียหายขึ้น รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับไปตาม ถนนทองหล่อผ่านทองหล่อ13 ซึ่งเป็นซอยที่ผู้เสียหายพักอาศัย ซึ่งระหว่างทางได้ขับวกไปวนมา และจะหยุดเป็นช่วงๆ โดยใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม. ด้วยระยะทางเพียงแค่ 1 กิโลเมตร
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง จนทราบว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าว เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล มีนายบุญเลิศ เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ซึ่งตรงกับคันที่ผู้เสียหายใช้บริการจอดอยู่ ภายในซอยหมู่บ้าน
ขณะนั้นได้มี นายบุญเลิศ เดินมาเปิดประตูรถแท็กซี่คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเข้าแสดงตัว และสอบถามกรณี นาฬิกาของผู้เสียหายสูญหาย แต่นายบุญเลิศ ปฎิเสธ แต่จากการซักถาม นายบุญเลิศพูดจาวกไปวนมามีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวมา สน.ทองหล่อ เพื่อซักถามละเอียดอีกครั้ง
แต่นายบุญเลิศยังให้การปฎิเสธ พูดจาวกไปวนมา จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของนายบุญเลิศ และจากการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ พบว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.66 นาย บุญเลิศส่งรูปนาฬิกา ซึ่งมีหมายเลขประจำนาฬิกาตรงกับของผู้เสียหาย ไปทางข้อความไลน์ให้แฟนสาวดู
นอกจากนั้น ยังพบข้อมูลการรับโอนเงินจาก เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน ประมาณ 337,000 บาท และยังพบว่า นายบุญเลิศได้เข้าไปค้นหาข้อมูลนาฬิกา ยี่ห้อเดียวกับของผู้เสียหาย เพื่อตรวจสอบราคาผ่านเว็บไซค์ google อีกด้วย
เมื่อตำรวจได้หลักฐานทั้งหมด นายบุญเลิศ จึงจำนนหลักฐาน และยอมเปิดปากรับว่า ได้ลักเอานาฬิกาของผู้เสียหายไปจริง โดยขณะนั้นตนเองเห็นนาฬิกาของผู้โดยสารสวยงาม จึงเกิดอยากได้ ประกอบกับ เป็นนาฬิกายี่ห้อเดียวกับของตัวเองที่สวมใส่อยู่ แต่ของตนเองเป็นนาฬิกาก็อปเกรด A
จึงได้วางแผนขับรถวนไปมาเพื่อให้ผู้โดยสารหลับ และได้มาจอดภายในซอยทองหล่อ 13 ก่อนจะปลดเอานาฬิกาของผู้เสียหายไป จากนั้นได้ปลุกให้ผู้เสียหายลงจากรถ และได้ขับรถไปจอดนอนที่จุดพักรถบนทางด่วน ก่อนที่จะกลับบ้านในช่วงสายๆ ของวันเดียวกัน
ต่อมาวันที่ 18 ธ.ค.66 จึงได้นำนาฬิกาไปขายให้กับพ่อค้าที่ ติดต่อผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ก่อนที่จะนัดส่งมอบนาฬิกากันที่ เซ็ลทรัลเวิร์ล
เบื้องต้น ตำรวจชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้ตามนาฬิกาดังกล่าวคืนมาจากผู้รับซื้อมาแล้ว พร้อมคืนแก่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว พร้อมแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” แก่นายบุญเลิศ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังปากซอยทองหล่อ 3 จุดที่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นได้เรียกแท็กซี่ของนายบุญเลิศไปยังที่พัก พบว่าภายในซอย มีทั้งอาหารจีนและญี่ปุ่น ต่อมาได้ภาพจากกล้องวงจรปิด คลิปที่ 1 เวลา 02.20 น. จะเห็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเดินออกมาจากซอย ลักษณะเดินเซ เมาเล็กน้อย โดยได้โบกเรียกแท็กซี่ของนายบุญเลิศให้ไปส่งที่พักบริเวณทองหล่อ13 และได้ขึ้นรถของนายบุญเลิศไปเมื่อ 02.22 น.
ต่อมาคลิปที่ 2 เวลา 02.28 น. กล้องวงจรปิดใกล้ สน.ทองหล่อ จับภาพแท็กซี่ของนายบุญเลิศ ได้เลยจุดหมายนักท่องเที่ยว ซอยทองหล่อ 13 มีการจอดๆหยุดๆ ตลอดทาง และขับรถวกไปวนมาบนถนนทองหล่อ เพื่อให้ผู้เสียหาย ซึ่งเมาอยู่แล้วเคลิ้มหลับไป
คลิป 3 เวลา 05.18 น. นายบุญเลิศได้ขับแท็กซี่มาจอดเลยที่พักของผู้เสียหาย ประมาณ 50 เมตร ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายได้หลับสนิทแล้ว จากนั้นนายบุญเลิศได้ลงมือปลดนาฬิกาบริเวณจุดนี้
ก่อนที่คลิปที่ 4 เวลา 05.24 น. นายบุญเลิศได้ปลุกให้ผู้เสียหายตื่น และขับรถไปส่งยังที่พัก โดยภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นพัก จะเห็นขณะเดินเข้าโรงแรม ไม่มีนาฬิกาบริเวณข้อมือของผู้เสียหายแล้ว
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ภาพข้อความแชตที่นายบุญเลิศได้ส่งให้กับแฟนสาวของตัวเอง ในเวลา 8 โมงเช้าของวันที่ 18 ธันวาคม ในแชตจะเห็นว่า นายบุญเลิศ ได้ส่งรูปนาฬิกาของผู้เสียหายที่ลักมาได้ ส่งไปอวดแฟนสาว พร้อมกับถามแฟนสาวว่า นาฬิกาสวยไหม?
ก่อนที่จะถ่ายรูปนาฬิกาของเลียนแบบยี่ห้อเดียวกับผู้เสียหายที่เจ้าตัวใส่อยู่ ส่งไปให้แฟนสาวเปรียบเทียบว่า เหมือนกันไหม โดยแฟนสาวตอบว่า สวยเหมือนกัน จากนั้นนายบุญเลิศ ได้บอกว่า ของตัวเองเป็นนาฬิกาก็อปเกรด A ประเทศไทยไม่มีขาย ถ้าซื้อใหม่ของเจ้าตัวราคาอยู่ที่ 50,000 บาท แถมยังขี้โม้กับแฟนสาวต่อว่า ใส่นาฬิกาก็อปเกรด A ก็ไม่มีใครดูออก
ซึ่งหลังจากนายบุญเลิศได้ถ่ายรูปนาฬิกาของผู้เสียหาย ส่งให้กับแฟนสาวดู ได้นำไปขายต่อ โดยที่แฟนสาวไม่ได้รับรู้เรื่องด้วย
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายบุญเลิศ ซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพื้นที่ลำลูกกา คลอง 4 จังหวัดปทุมธานี เมื่อไปถึงพบว่าบ้านของนายบุญเลิศเป็นบ้านพัก 2 ชั้น หลังใหญ่ และมีรถกระบะยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์จอดอยู่หน้าบ้าน ประตู-ไฟบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ ทีมข่าวพยายามตะโกนเรียกเจ้าของบ้านแต่ไม่พบใครอยู่ภายในบ้าน
ต่อมาทีมข่าวจึงได้สอบถามเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามให้ข้อมูลว่า ปกตินายบุญเลิศมีอาชีพขับรถแท็กซี่รับส่งผู้โดยสาร มักจะกลับบ้านช่วงดึก ส่วนภรรยาเป็นสาวโรงงาน ที่ผ่านมาตนเองไม่ค่อยพูดคุยหรือสุงสิงกันเท่าไหร่นัก
และเพิ่งทราบจากทีมข่าวว่า นายบุญเลิศถูกตำรวจจับข้อหาขโมยนาฬิกาหรู ที่ผ่านมาไม่เคยทราบมาก่อนว่านายบุญเลิศมีปัญหาเรื่องหนี้สินหรือไม่ถึงก่อเหตุลักษณะดังกล่าว ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ เพราะนายบุญเลิศ ก็ดูค่อนข้างมีฐานะ ถึงแม้จะมีอาชีพขับรถแท็กซี่ แต่ตนเองก็เคยเห็นนายบุญเลิศมีรถฟอร์จูนเนอร์ อีก 1 คันขับอยู่ด้วย
ส่วนที่ขณะนี้นายบุญเลิศไม่อยู่บ้านคาดว่า หลังจากถูกจับและได้ประกันตัวออกมา เจ้าตัวอาจจะไปวิ่งรถแท็กซี่เหมือนเดิมหรือไม่