วันนี้ 27 ธ.ค. ทีมข่าวช่อง 8 บินโดรนสำรวจภาพมุมสูงความเสียหาย ในต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส จากภาพมุมสูงจะเห็นว่าน้ำจากแม่น้ำยะกัง ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านในต.ลำภู เป็นวงกว้าง พบมีหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 3 หมุ่บ้าน คือ หมู่ 1,2,3 มี บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 700 ครัวเรือน เกือบ 4,000 คน จากปรากฏการณ์น้ำท่วมที่เป็นวงกว้างในตอนนี้ทำให้ทางจังหวัดมีการประกาศตัดน้ำสองหมู่บ้านคือหมู่ที่ 1 และ 2
โดยทางจังหวัดนราธาวาสได้มีการเผยแพร่ข้อมูล ระบุว่า จุดที่วิกฤติหนักที่สุดในจังหวัดนราธิวาสตอนนี้ มีด้วยกันสามจุด คือ 1.ต.ลำภู อ.เมือง 2.อ.ระแงะ 3.อ.บาเจาะ มีศูนย์อพยพสำหรับให้ชาวบ้านพักพิง 4 ที่คือ โรงเรียน วัด อนามัย และอบต. ใน ต.ลำภู
บรรยากาศช่วงเย็นขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่มาสำรวจความเดือดร้อนของชาวบ้าน โดยเราพบว่ายังคงมีชาวบ้านเพียงส่วนน้อยที่ยังปักหลักอยู่ที่บ้านพักหลังจากถูกน้ำเข้าท่วม เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินและยังมีบุคคลภายในครอบครัวที่ป่วยอยู่ภายในบ้านพักจึงทำให้ไม่สะดวกที่จะออกไปพักอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว
เราพบกับนายคงสิน แดงคงรอด อายุ 60 ปี ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่พายเรือเล็ก ที่อบต.ลำภูไว้บริการ ดอยพายเรือออกมาจากบ้านพักเพื่อมาซื้อของแล้วนำกลับไปยังบ้านพัก บอกว่า ส่วนตัวที่ยังไม่ย้ายออกจากบ้านพัก เนื่องจากมีแม่ที่ป่วยไม่สะดวกต่อการย้ายออกอยู่ในบ้านพักจึงจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ที่ชั้นสอง แม้ว่าน้ำและไฟจะถูกตัด ก็ต้องอยู่ให้ได้ ในช่วงเย็นก่อนค่ำจึงพายเรือออกมาซื้อของเพื่อตุนอาหารไว้กินไว้ใช้
ซึ่งระดับน้ำภายในหมู่บ้านตนมีน้ำสูงมิดบ้านพักชั้นแรก ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านหากเป็นบ้านชั้นเดียวก็ต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่หากเป็นบ้านสองชั้นก็จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังเลือกอยู่ในบ้านพัก ในส่วนความช่วยเหลือตอนนี้ชาวบ้านพอช่วยเหลือกันเองได้อยากจะให้ภาครัฐมาช่วยหลังน้ำรด เพราะจะต้องซ่อมบ้านใช้เงินจำนวนมาก
เจ้าอาวาสเผยน้ำท่วมนราธิวาสในรอบ 115 ปี ชี้น้ำมาเร็วครึ่งชั่วโมงท่วม 3 เมตร
เจ้าอาวาสวัดลำภู บอกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วง 05.00 น.ของวานนี้ (25 ธ.ค) โดยน้ำจากแม่น้ำยะกังทะลักเข้าท่วมวัด ภายในครึ่งชั่วโมง สูงถึง 3 เมตร โดยจุดที่ทีมข่าวมาทำข่าวได้วันนี้น้ำเพิ่งลดลงประมาณ 1-1 เมตรครึ่งแล้ว ถือเป็นวิกฤตที่หนักที่สุดในรอบ 115 ปี ที่ตนและชาวบ้านไม่เคยเจอมาก่อน ยอมรับก่อนหน้านี้ช่วงปี 2510 น้ำเคยท่วมต.ลำภู แต่รอบล่าสุดครั้งนี้ที่น้ำมาหนักกว่าปี 2510 ถึง 3 เท่า ความเสียหายในวัดทั้งเฟอร์นิเจอร์ องค์พระ สิ่งของเครื่องใช้ เก็บไม่ทัน ตอนที่น้ำเข้าท่วมคิดเพียงอย่างเดียวคือเอาชีวิตรอดก่อนทั้งตนเองและคนที่อยู่ในวัด
หลังเกิดเหตุก็ต้องช่วยกันก่อน ตนจึงแบ่งที่พักให้ชาวบ้าน เป็นกุฏิเจ้าอาวาสที่ตนพักอาศัย แบ่งชาวบ้านมานอนพักชั่วคราว โดยชาวบ้านจะมาพักอาศัยนอนตอนกลางคืน ส่วนกลางวันจะกลับไปที่บ้านพักเพื่อสำรวจข้าวของที่เสียหาย
ญาติรอรับศพผู้เสียชีวิตที่สูญจากการจมน้ำ สุดเศร้าห่วงวัวเลี้ยงหนีไม่ทันตอนน้ำทะลักท่วม. กู้ภัยเพิ่งพบศพช่วงเย็นวันนี้
ต่อมาทางกู้ภัยได้แจ้งทีมข่าวว่าพบศพชายรายหนึ่งคาดว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำและรอยมาติดใกล้สวนปาล์มของชาวบ้านที่อยู่ใน หมู่ 3 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส จากนั้นทีมข่าวจึงมุ่งหน้าไปยังจุดที่รับศพที่ทางกู้ภัยนำร่างขึ้นมา โดยบรรยากาศตอนนั้นทางครอบครัวผู้เสียชีวิตยืนด้วยความเศร้าโศกเสียใจขณะรอรับศพนายวาเด็ง เปาะเฮง อายุ 60 ปี ผู้เสียชีวิตอยู่ริมถนน ซึ่งบริเวณข้างริมถนนถูกน้ำท่วมลึกประมาณ 1-1เมตรครึ่ง บรรยากาศเป็นไปด้วยความหดหู่ ซึ่งญาติร้องขอทีมข่าวไม่เก็บภาพขณะรับศพขึ้นฝั่ง เนื่องจากกระทบความสูญเสียทางจิตใจ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับซาลีนา 41 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้น้ำเข้าท่วมบ้านพักของตนซึ่งอยู่ในหมู่ที่ 3 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส โดยขณะเข้าท่วมน้ำไหลแรงมากจึงคว้าเอาทรัพย์สินทุกอย่างออกมาไม่ทัน ทำให้คนในครอบครัวต้องพยายามเอาชีวิตรอดในตอนนั้น โดยเห็นทรัพย์สินภายในบ้านพักจมน้ำกับตา
ตอนเกิดเหตุตนก็บอกพ่อของตนว่าให้รีบออกจากบ้านพักเพื่อที่จะไปขึ้นรถทหาร แต่ปรากฏว่าพ่อห่วงทรัพย์สินคือวัวที่เลี้ยงไว้บอกจะเอาวัวขึ้นสู่ที่ปลอดภัยก่อนแล้วจะตามไป และเขายังบอกอีกว่าไม่ต้องห่วงไปเจอกันที่ศูนย์อพยพ จนกระทั่งช่วงเย็นวานนี้ก็รอพ่อแล้วพ่อไม่มาหาครอบครัวตนจึงมีการตามหาในเฟซบุ๊ก
แต่ปรากฏว่าช่วง 16.00 น.ของวันนี้ ทางกู้ภัยแจ้งว่าพบศพพ่อของตนแล้ว ยอมรับสะเทือนใจมากสูญเสียทั้งทรัพย์สินและบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมตอนนี้ท่วมมิดหลังคาแล้วและยังมาสูญเสียพ่อที่เป็นที่รักอีก
“นายกฯ ” ใส่บูทลุยน้ำเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ลั่น ยังไว้ใจไม่ได้แม้ฝนหาย เล็ง ปรับระบบเตือนภัย ป้องกันเหตุซ้ำซาก
เมื่อเวลา 15:40 น. นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงท่าอากาศยานนราธิวาส โดยมีนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมหน่วยงานราชการในพื้นที่ รอต้อนรับ
โดยเมื่อนายกรัฐมนตรี ได้ทักทายและถ่ายรูปกับประชาชนที่มารอขึ้นเครื่องภายในสนามบิน
จุดแรก นายกรัฐมนตรี เดินทางมายัง ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ตั้งอยู่ภายในที่ว่าการอำเภอระแงะ เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งภายในศูนย์พักพิงแห่งนี้ ทั้งผู้สูงอายุและเด็กเข้าพักพิงกว่า 200 คน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่เริ่มลดลง ซึ่งวันนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากกระทรวงมหาดไทยได้ลงมาดูแลตน เข้าใจว่าน้ำมาเร็ว มาแรง และมาเยอะ กว่าปกติ แต่การระบายก็เป็นไปได้ด้วยดี ขณะที่รัฐบาลเองต้องพยายามทำงานให้ดีขึ้นในแง่ของการเตือนภัย เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ พร้อมกับกำชับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ดูแลประชาชนที่เดือดร้อนให้ดี
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ก่อนที่จะเดินไปทักทายให้กำลังใจกับผู้สูงอายุและผู้ประสบภัย พร้อมพูดคุยกับทีมแพทย์ที่มาตั้งหน่วยบริการสาธารณสุข
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังมอบยาอาหารสัตว์พระราชทาน ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก่ตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ และได้เยี่ยมโรงครัวของกองทัพบกที่มาตั้งรถให้บริการอาหารกับผู้ประสบภัย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ชุมชนเขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ใกล้กับคลองตันหยงมัส และเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมบ้านเรือนของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี ได้สวมรองเท้าบูทเดินลุยน้ำ เพื่อไปพูดคุยกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า หากย้อนไป 36 ชั่วโมงก่อนหน้านี้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ซึ่งบริเวณที่สูงและที่ต่ำมีความแตกต่างกัน การไหลของน้ำลงสู่ทะเลที่รับน้ำเป็นไปด้วยดี และสถานการณ์ขณะนี้คลี่คลาย แต่น้ำมีการสะสมบริเวณปลายน้ำ ซึ่งนายเกรียง จะอยู่ดูแลภาพรวมทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้น้ำมาเร็ว ซึ่งตามพยากรณ์อากาศถือว่าโชคดีเนื่องจากจะไม่มีฝนแล้วแต่ก็ไว้ใจไม่ได้ จึงต้องระมัดระวังให้ดี ซึ่งต่อไปจะต้องดูเรื่องระบบเตือนภัยให้ครบวงจร ทำงานเชิงรุกมากขึ้นในการเตือนภัย
เมื่อถามว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถือว่าเยอะที่สุด ซึ่งหากจะโยงการบริหารจัดการในพื้นที่ 3 จังหวัด ในเรื่องของความสงบดีขึ้นแล้ว การค้าขายชายแดนระหว่างเรากับมาเลเซียก็ดีขึ้นแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งทุกหน่วยงานพร้อมจัดการแต่ กระทรวงมหาดไทยและสาธารณสุขจะต้องระวังเรื่องโรคระบาดทั้งหลาย
ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีโครงการ แก้ไขปัญหาในระยะยาว เนื่องจากในพื้นที่ อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง นายกฯ กล่าวว่า จะต้องดูองค์รวมทั้งหมดว่าสามารถแก้ไขได้แค่ไหน และมีโครงการขนาดใหญ่หรือไม่ แน่นอนว่าเรายังไม่อยากให้เกิดปัญหาซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำซาก และเกิดการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้นจึงต้องฝากพี่น้องประชาชน หากมีการเตือนภัยขอให้เชื่อกันหน่อย
"ต้องระวังต่อไป เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปลอดภัยนัก ขอให้ ระมัดระวังให้ดีฟังการเตือนภัยให้ดี ระหว่างนี้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขจะพยายามช่วยดูแลและเยียวยา ขอขอบคุณหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน ที่ช่วยสละเวลามา และกองทัพเองก็มาทำครัวเคลื่อนที่ ช่วยบรรเทาไปได้มาก" นายกฯกล่าว
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวกับผู้ว่าฯนราธิวาส ว่า ตนก็ไม่อยากที่จะมาในเหตุการณ์แบบนี้ อยากจะมาดูแลด้านการค้า เพราะสิ่งต่างๆ กำลังเป็นไปได้ด้วยดีทั้งเรื่องความสงบก็ดีขึ้น ด้านความมั่นคงก็มีการเจรจากับมาเลเซียได้ดีขึ้น พอเราเปิดการค้าชายแดนดีขึ้น ตนก็อยากมาทำกิจกรรมและจัดเทศกาลในพื้นที่ให้มากขึ้น
แม่ลานปัตตานีอ่วมในรอบ 18 ปี บ้านจม 3 หมู่บ้าน 500 หลังคาเรือนเดือดร้อนหนัก
วันที่ 26 ธันวาคม 2566 จากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำปัตตานี เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปริมาณฝน ที่ตกสะสมในพื้นที่ต้นน้ำของจังหวัดยะลา และการปล่อยน้ำจากเขื่อนบางลาง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ น้ำล้นตลิ่ง น้ำหลากหนักสุดในรอบ 18 ปีของพื้นที่อำเภอแม่ลาน โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน บ้านปลักปลือ บ้านคูระ บ้านม่วงเตี้ย ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอแม่ลาน ซึ่งมีประชากรกว่า 500 หลังคาเรือนอาศัยอยู่และเป็นพื้นที่ที่โดนน้ำไหลหลากเข้าพื้นที่ชุมชนอย่างหนัก ระดับน้ำสูงเอ่อล้นท่วมถนนที่ใช้สัญจร และมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ทำให้ชาวบ้านต้องใช้วคามระมัดระวังในการสัญจรเข้าออก
โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ หมู่2 บ้านคูระ ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน พบว่าระดับน้ำสูงขึ้นท่วมตั้งแต่ถนนทางเข้าหมู่บ้าน กว่า 50 เซนติเมตร และในหมู่บ้านมีปริมาณน้ำสูง 1.5 - 2 เมตร ซึ่งทางพันเอก ปรเมธ ศานุพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน เร่งเข้าช่วยขนย้ายสิ่งของมีค่าของชาวบ้านขึ้นรถกระบะเพื่อไปยังบริเวณที่สูง และได้นำเรือยางแล่นเข้าไปยังหมู่บ้านเพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มกว่า 200 ชุดในกับชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่ในบ้าน โดยอาศัยอยู่ชั้น 2 ของบ้านที่ระดับน้ำยังท่วมไม่ถึง แต่ก็มีบางหลังคาเรือนที่ต้องย้ายมาอาศัยบ้านญาติ เพราะกลัวที่จะอาศัยในบ้านตัวเอง เนื่องจากน้ำที่ยังคงเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ
นายอิสมาแอ ยุนุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลม่วงเตี้ย ให้สัมภาษณ์ว่า ต.ม่วงเตี้ย เป็นตำบลที่ติดกับริมแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมวลน้ำมาจากเขื่อนบางลาง ลงสู่ยะลา และต่อมายังปัตตานี ซึ่งตำบลม่วงเตี้ย ติดกับเขื่อนชลประทานแม่ลานอยู่แล้วก็จะเกิดน้ำท่วมทุกปี ที่ผ่านจะท่วม 2 ครั้ง ส่วนปีนี้น้ำมาเร็วมากและหนักในรอบ 18 ปี ในช่วงปี 48 นั้นท่วมหนักแล้ว คาดว่าปีนี้น่าจะท่วมเหมือนกับปี 48 น้ำขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ตี2 เมื่อคืนที่ผ่านมา
สถานการณ์ตอนนี้น้ำได้เข้าท่วมประกอบด้วย ม.1 บ้านปะปือ ม.2 บ้านคูระ ม.3 บ้านตันหยง บ้านที่อาศัยติดริมแม่น้ำก็ได้รับผบกระทบก่อน ซึ่งทางหน่วยงานได้เข้าไปสอบถามชาวบ้านในเรื่องของอาหารการกิน ซึ่งช่วงต้นน้ำท่วมขาวบ้านยังพอมีอาหารเก็บไว้อยู่ ส่วนอบต.เราก็ได้มีการตั้งเต้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยในบ้านไม่ได้ ส่วนทรัพย์สินสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ชาวบ้านในยกไว้ที่สูงแล้ว
ตอนนี้ที่กังวลคือมวลน้ำที่มาจากยะลา ซึ่งมาเร็วมาก ถ้ามาไม่หยุดแน่นอนว่า ม.4 ม.5 ต.ม่วงเตี้ย ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งขณะนี้น้ำท่วมบนถนนในหมู่บ้านรถเล็กสัญจรไม่ได้ ส่วนรถใหญ่ใช้การสัญจรถนนก็ลำบาก ส่วนในหมู่บ้านมีน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรืออย่างเดียวในการสัญจร
ชาวบ้านเผยหมดแล้วทุกอย่างสำหรับอุทกภัยครั้งนี้ วอนความช่วยเหลือจากรัฐ
บรรยากาศที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวอำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส เป็นสถานที่พักพิงสำหรับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมือง มีผู้มาพักอาศัย 186 คน ช่วงค่ำวันนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่มาให้กำลังใจ
ช่วงค่ำวันนี้ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เดินทางมามอบของรวมทั้งมาให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยที่พักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งนี้ เปิดเผยว่าทุกอำเภอในจังหวัดนราธิวาสประสบอุทกภัยน้ำท่วมถือว่าเป็นวิกฤตที่หนักที่สุดในรอบหลายปี มี 13 อำเภอ 69 ตำบล 147,688 คน ที่ประสบอุทกภัย
เบื้องต้นสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมเน้นย้ำเรื่องการกินการอยู่และความปลอดภัยระหว่างการพักอาศัย และหลังจากที่ระดับน้ำลดลงแล้วซึ่งชาวบ้านสามารถเข้าไปพักอาศัยได้ตามปกติก็จะมีการเยียวยาในเรื่องของทรัพย์สินบ้านเรือนรวมทั้งไร่สวนที่ได้รับความเสียหาย
ส่วนของนายจักรพงษ์ อุดมรัตน์ อายุ 36 ปี หัวหน้ามูลนิธิเมตตาธรรมนราธิวาส บอกว่า อุปสรรคในการช่วยเหลือคือฝนตกลงมาตลอดรวมทั้งเป็นช่วงที่น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนทำให้กระแสน้ำมีน้ำเชี่ยว ซึ่งจากการสำรวจในพื้นที่ของตำบลลำภู อ.เมืองนราธิวาส พบว่าจะมีชาวบ้านที่ยังพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักบริเวณชั้นสองประมาณ 1000 กว่าคน ในส่วนนี้ทางกู้ภัยก็จะเร่งช่วยในการแจกจ่ายอาหารเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้ครบทุกครัวเรือน