"นายกฯ" รับไม่มีความสุข หลังค่าแรงขึ้นน้อย ถามไตรภาคีกลับให้นึกถึงใจเขาใจ เราไม่เอาเรื่องกฎหมายมาคุยอย่างเดียว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 ถึงกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่า ต้องพิจารณาตามบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา และเชื่อว่าทุกท่านก็เห็นอยู่ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก หลายๆเรื่องที่จะดึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาในประเทศก็มี War of Talent มันคือสงครามที่ดึงคนเก่ง ขณะเดียวกันสมัยก่อนเวลาออกไปดึงดูดนักลงทุนไม่มีใครพูดเรื่องพลังงานสะอาดเลย แต่วันนี้เรื่องนี้กลับมามีความสำคัญ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีถูกล็อกด้วยธรรมนูญจะมีการทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มันกว้าง มันมีขอบเขตพื้นที่ให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เผยว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังไม่จบ เมื่อวานนี้หลังจากประชุม ครม. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แจ้งไปแล้วในเบื้องต้น ซึ่งจะต้องดูแลแต่ละอาชีพแตกต่างกันออกไป
"แน่นอนไม่มีความสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ไม่ได้มีความสุขและอึดอัดเช่นกัน แต่ยอมรับว่า มันก็มีกลไกในการกำหนดค่าแรงอยู่ อย่างที่ผมบอกว่ามันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกความเหมาะสม ของแต่ละประเทศ อย่างเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้เจอกับ นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ซึ่งบอกกับตนเองว่าถ้าเกิดไม่สามารถโยกค่าแรงขั้นต่ำ ความเจริญเติบโตของประเทศก็จะต่ำไปด้วยซึ่งเมื่อคืนได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว" นายเศรษฐา ระบุ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา 300 บาท วันนี้ 337 บาท ขึ้นไป 12% ซึ่งได้เปรียบเทียบ ว่า ในทางกลับกัน หากลูกของผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย หรือคนที่เรียนจบเมืองนอกเมื่อ 9 ปีที่แล้วเงินเดือน 30,000 บาท มาถึงวันนี้เงินเดือนขึ้นเพียง 33,700 บาท จึงถามกลับว่าขึ้นมาแค่กว่า 10% แฮปปี้ไหม อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เรื่องของไตรภาคีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของกฎหมายและข้อบังคับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายหลายเรื่องคนไทยอยู่ด้วยกัน ด้วยความอยากให้ทุกคนมีความสุข และมีกินมีใช้ตามความเหมาะสม
อย่างในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นไปเพียงแค่ 2 บาทต่อเดือนเอง ซึ่งทุกคนจะพูดยังไงว่าตนหรือนายกไม่มีอำนาจ แต่การขึ้นค่าแรงมันเป็นเรื่องของไตรภาคีหรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวเข้าใจหมดทุกอย่าง แล้วก็รู้ว่าทุกคนเข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมันไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย จึงอยากให้เอาความเข้าใจซึ่งกันและกันมาพูดคุยกันได้ไหม ในภาวะที่เดือดร้อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเงื่อนไขในเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนายกไม่มีอำนาจกับไตรภาคี ซึ่งจะมีการหารือกันแบบผู้ใหญ่คุยกับผู้ใหญ่หรือไม่ นายกฯ ระบุว่าก็จะต้องพยายามต่อไป ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ต้องพูดจาให้มันมีความชัดเจนและต้องขอร้องอ้อนวอน วิงวอน ถึงเหตุผล แล้วอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เช่นประเด็นการย้ายฐานการผลิตมาพูด เพราะมันไม่ใช่
เมื่อถามว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละปีสามารถขึ้นได้หลายหลายรอบใช่หรือไม่ นายกระบุว่า สามารถปรับได้หลายรอบตามความเหมาะสม จากที่ผ่านมาเราเคยพูดหลายจังหวัดรายอำเภอซึ่งบางอำเภอนั้น ก็อาจจะมีความต้องการแรงงานที่แตกต่างกันออกไป เราเองก็ต้องฟังจากฝั่งนายจ้างเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะไม่ฟัง และต้องฟังตามอาชีพตามความต้องการตามความชำนาญด้วย ซึ่งมีหลายมิติที่จะต้องพูดคุยกัน ส่วนตัวไม่ได้อยากใช้พื้นที่ของสื่อมวลชนมากดดันทุกๆฝ่าย
“ผมคิดว่าเราควรที่จะพูดจากันด้วยจิตใจอุปมาปราศรัย เราก็เห็นใจซึ่งกันและกัน ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความคาดหวังกับเศรษฐกิจในปีหน้าอย่างไรบ้าง นายกฯ ระบุว่า “ก็หวังว่าจะดีขึ้น ผมมาทำงาน ผมมาอยู่ตรงนี้ เพื่อต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ให้ดีขึ้น ก็ต้องทำให้ดีขึ้นในหลายหลายมิติผมไม่ได้มาทำแค่ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว ยังต้องดูเรื่องการลงทุน การเจรจา สนธิสัญญาการค้า และต้องดูเรื่องสิทธิพื้นฐาน เพศสภาพ การประกอบอาชีพ หรือแม้กระทั่งสิทธิเสรีภาพเล็กๆ เช่นเรื่องของสภาพอากาศที่สะอาด ซึ่งทุกคนล้วนต้องการ ”
ทั้งนี้ หลังจากปีใหม่ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการที่จะเดินทางไปพื้นที่ภาคเหนือ ไปช่วยกำกับ ว่าเรื่องสภาพอากาศก็จะต้องดีขึ้น ซึ่งมีหลายมิติที่ต้องทำ ทั้งนี้หลังปีใหม่ ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่จะต้องช่วยทำงานและช่วยดูแลพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น