จากกรณี เพจสายไหมต้องรอด ได้โพสต์ภาพนาฬิกา ROLEX เรือนหนึ่ง พร้อมระบุข้อความเล่าเรื่องราวไว้ว่า "#นาฬิกาปลอม? แอดครับ มีเพื่อนผมเขาติดต่อมาว่า มีรุ่นพี่เขาจะขายนาฬิกา ROLEX ที่จำนำไว้อยู่ครับ ให้ผมช่วยติดต่อหาคนมาซื้อที เนื่องจากเขาไม่อยากส่งดอกแล้ว ถ้าใครช่วยหาคนมาซื้อได้จะได้ค่านายหน้า 10,000 บาทครับ ผมเลยไปโพสต์หาคนที่สนใจตามกลุ่มเพจนาฬิกาครับ
จากนั้นได้วัยรุ่นคนหนึ่งสนใจติดต่อมา ผมจึงพาเขาไปดูของที่โรงรับจำนำครับ พอไปถึงเขาก็พูดคุยกับเจ้าของนาฬิกาแล้วตกลงซื้อขายกันในราคาเกือบ ๆ 4 แสนบาท
จากนั้นคนซื้อก็นำเงินมาไถ่ถอนตั๋วจำนำในราคา 200,000 บาท ดอกเบี้ยดอก 7,000 บาท พอไถ่ถอนเสร็จคนซื้อเอานาฬิกามาส่องดูสักพักเขาบอกว่า #เป็นของปลอมครับ ทุกคนก็ตกใจว่าปลอมได้ไง คนซื้อเขาก็ซื้อมาเป็นของแท้ และถ้าปลอมทำไมจำนำได้? จากนั้นคนซื้อก็ขอคืนเงินแต่เจ้าของนาฬิกาไม่มีเงินคืนให้ พอไปถามโรงรับจำนำเขาก็ปฏิเสธไม่รับจำนำแล้วครับ
พอเห็นว่าคุยกันไม่ได้ จากนั้นคนซื้อเขาบอกจะแจ้งความจับผม บอกว่า ผมฉ้อโกงเขา ซึ่งผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แล้วเขาก็พาผมไปโรงพักครับ เขาเข้าไปคุยกับตำรวจนานมาก จากนั้นเขาออกมาก็บอกให้ผมหาเงินมาชดใช้เขา ในฐานะที่ผมเป็นคนแนะนำครับ ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้เงินจากเขาเลยสักบาท แบบนี้ผมผิดไหมครับ"
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม คุณแจ็ค (นามสมมุติ) หนุ่มผู้เสียหาย ผู้ที่ติดติดต่อขอซื้อนาฬิกา และเป็นคนวางเงิน 200,000 บาท เพื่อเป็นค่าไถ่ถอนนาฬิกาโรเล็กซ์ เล่าให้ทีมเขาฟังว่า ตนเองนั้นชอบสะสมนาฬิกาโรเล็กซ์มานานแล้ว จากนั้นได้เริ่มเป็นพ่อค้ารับซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ เปิดเพจรับซื้อนาฬิกาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ทำเป็นอาชีพเสริม
ก่อนเกิดเหตุ นายทวี ได้ทักเฟซบุ๊กมาเพื่อจะติดต่อขายนาฬิกาโรเล็กซ์ ผ่านเพจรับซื้อนาฬิกาของตนเอง โดยเรียกราคา 380,000 บาท ตนเองเห็นว่า นาฬิกายี่ห้อดังกล่าวมีมูลค่า และราคาที่นายทวีเรียกมา ตนเองรับราคาไหวจึงตกลงทำการซื้อขาย และนัดเพื่อซื้อขายนาฬิกา ระหว่างการติดต่อซื้อขาย ตนเองได้สอบถามถึงใบรับรองนาฬิกา (ใบ certificate) กับนายทวี ว่ามีไหม นายทวียืนยันว่า มีใบรับรองนาฬิกาชัดเจน พร้อมส่งรูปนาฬิกาให้ดู จากนั้นตนเองจึงตกลงทำการซื้อขาย แต่นายทวี บอกว่า นาฬิกาเรือนดังกล่าว อยู่ในโรงรับจำนำ ต้องนำเงินสด 200,000 บาท ไปไถ่ถอนออกมา พร้อมกับค่อนเพิ่มเงินสดอีก 180,000 บาทให้กับนายทวี ซึ่งตนเองไม่ติดปัญหา ก่อนจะมีการนัดหมายกันเดินทางไปไถ่ถอนนาฬิกาออกมา โดยคุณแจ็คได้ส่งภาพแชตการสนทนาระหว่างตัวเองกับนายทวีให้ทีมข่าวดูด้วย
กระทั่งเมื่อวันที่ 13.00 น. นายทวีได้นัดหมายให้ตนเองไปเจอกันที่หน้าโรงรับจำนำแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 2 โดยในวันนั้น มีเพื่อนของนายทวี คือ นายประเสริฐ เดินทางมาด้วย ซึ่งนายประเสริฐ คือ คนที่นำนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนดังกล่าวไปจำนำตอนแรก เมื่อ 2 ตุลาคม 2566 (2 เดือนก่อน) เป็นผู้ถือใบจำนำ
จากนั้นทั้งตนเอง นายทวี และนายประเสริฐ ได้ทำสัญญารับปากกันปากเปล่าว่า ตนเองจะวางเงิน 200,000 บาท เพื่อไถ่ถอนนาฬิกาออกมาดูก่อน ว่า นาฬิกาเป็นของแท้ มีตำหนิหรือไม่ หากไม่ใช่ของแท้ หรือ มีตำหนิ ตนเองก็จะไม่รับซื้อและจะนำนาฬิกาเรือนดังกล่าว วางจำนำเอาเงินคืน
กระทั่งโรงรับจำนำ นำนาฬิกาออกมา คราวแรกนาฬิกาที่นำออกมาเป็นนาฬิกาโรเล็กซ์สีดำ ซึ่งไม่ตรงกับหมายเลขจำนำ ตนเองจึงบอกโรงรับจำนำว่า ไม่ใช่นาฬิกาเรือนนี้ เพราะใบจำนำที่ตกลงคุยกันไว้ คือนาฬิกาโรเล็กซ์สีเขียว ทางเจ้าหน้าที่ทำหน้างง พร้อมกับบอกตัวเองว่า “ขอโทษทีดูผิด”
ก่อนจะเดินเข้าไปค้นหานาฬิกาอีกเรือน เป็นเรือนสีเขียว ถูกต้องตามใบจำนำ ตอนแรกตนเองก็เริ่มแปลกใจ แบะนึกในใจว่า โรงรับจำนำนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ก็ปลอมใจตัวเองว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยรอบ 2 ก็เอานาฬิกา โรเล็กซ์เรือนที่ตนเองอยากได้เอาออกมาตรงเลขในใบจำนำ จากนั้น ตนเองจึงได้นำเงินสด 200,000 บาท ให้กับโรงรับจำนำและได้นาฬิกาออกมาดู
แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อตนเองนำนาฬิกาออกมาดูพร้อมใช้แว่นขยายที่เตรียมมาสองเพื่อดูว่า เป็นนาฬิกาของแท้จริงหรือไม่ แต่เมื่อตนเองสัมผัสนาฬิกาครั้งแรก ก็รู้ทันทันทีว่า เป็นนาฬิกาของเก๊ และมีตำหนิหลายจุดที่ไม่ใช่ของแท้ รวมถึงน้ำหนักของนาฬิกาก็ไม่ใช่
ตนเองจึงได้บอกนายทวีและนายประเสริฐว่า นาฬิกาเป็นของเก๊ พร้อมจะขอเงินที่นำไปไถ่ถอนคืน แต่นายทวีและนายประเสริฐอ้างว่า ตัวเองก็ไม่มีเงินเหมือนกัน อยากได้เงินคืนก็เอานาฬิกาไปวางคืนจำนำ เพราะพวกเขามีหน้าที่เป็นคนกลางช่วยประสานซื้อขายนาฬิกาเท่านั้น และเพิ่งมาบอกตนเองว่า เจ้าของนาฬิกาตัวจริงไม่ใช่นายประเสริฐ แต่คือ เฮียชู ซึ่งนายประเสริฐเป็นเพียงคนงานในบ่อนย่านเตาปูน ส่วนเฮียชู คือ นักพนันที่มาเล่นพนัน และต้องการเงิน 200,000 บาท จึงใช้ให้นายประเสริฐไปจำนำนาฬิกาเอาเงินสดมาเท่านั้น
ส่วนนายทวี ก็อ้างว่า ตัวเองก็เป็นแค่คนหาคนซื้อนาฬิกา ถูกว่าจ้างมาอีกที จากคนชื่อ เจ๊หมวย ให้ช่วยขายนาฬิกาให้เท่านั้น ตอนนั้นตนเองก็ยิ่งตกใจ ไม่รู้จะทำยังไง เพราะถูกคนต่างปัดความรับผิดชอบ
จากนั้นตนเองได้ไปทวงถามเงิน 200,000 บาท กับโรงรับจำนำว่า จะขอเงินคืนและนำนาฬิกาเรือนดังกล่าววางคืนจำนำ แต่ หลงจู๊กลับปฎิเสธไม่รับนาฬิกาจำนำคืน
ตนเองจึงถามเจ้าหน้าที่ว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่รับนาฬิกาคืน เพราะตอนนายประเสริฐนำนาฬิกามาจำนำครั้งแรก เจ้าหน้าที่ก็เป็นคนรับจำนำนาฬิกาเรือนดังกล่าวเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตอบกลับตนเองทันทีว่า "ก็ผมรับมาผมพลาด ตอนนี้คุณก็พลาดแล้ว ผมก็พ้นตัว ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว"
ตอนนั้นตนเองตกใจและโมโหมาก พยายามจะขอเงินคืนจากโรงรับจำนำ แต่จะทำยังไงจนเองก็ไม่ได้เงินคืน แถมนาฬิกาเก๊ที่ได้มาอยู่ในมือตนเองแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ และขอให้ นายทวี และนายประเสริฐ เดินทางไปร่วมสอบปากคำด้วย เพื่อหาทางรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นตำรวจแจ้งว่าคดีดังกล่าวยังหาผู้กระทำผิดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าใครจะต้องทำผิด แต่จะทำการสืบสวนสอบสวนหาหลักฐาน เพื่อหาตัวคนผิดให้ ซึ่งจะมีการเรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง และส่วนตัวตั้งข้อสังเกต หรือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำกันเป็นขบวนการหรือไม่ โรงรับจำนำรู้เห็นเป็นใจ หรือ มีการเปลี่ยนนาฬิกา หรือไม่ เพราะปกติโรงรับจำนำจะไม่ควรรับของเก๊หรือของปลอมอยู่แล้ว
ทีมข่าวได้เข้าไปด้านในของโรงรับจำนำและได้พบกับ อาเจ็กตี๋ใหญ่ (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่โรงรับจำนำที่เป็นผู้รับจำนำนาฬิกาเรือนนี้พอดี จึงได้เปิดรูปภาพเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอาเจ็กตี๋ใหญ่ ยอมรับกับทีมข่าวว่า ตอนที่นายประเสริฐเดินทางมาจำนำกับตนเองนั้น ตนเองดูลักษณะจากขอบของนาฬิกา ไม่ทันได้ดูข้างในเครื่องของนาฬิกา ก็คิดว่าเป็นของแท้ไม่คิดว่ามันจะเก๊ จึงได้รับจำนำ ซึ่งโรงรับจำนำของตนเอง ไม่มีเครื่องตรวจนาฬิกา ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่า ตนเองพลาดเอง และเพิ่งมาทราบจากคนรับซื้อนาฬิกาในวันนั้น แต่เมื่อ คนรับซื้อนาฬิกา นำเงิน 2 แสนมาไถ่ถอนพร้อมตั๋วรับจำนำ ตนเองก็ต้องรับเงินไว้ เพราะตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าของมันเก๊
แต่เมื่อคนรับซื้อ จะเอานาฬิกามาจำนำคืน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านาฬิกามันเก๊ ตนเองจะรับจำนำได้อย่างไร เพราะหากครั้งนี้ตนเองรับจำนำ นาฬิกาเรือนนั้นอีก ตนเองก็จะถูกเถ้าแก่ต่อว่าอีก คนเรามันจะพลาดเป็นครั้งที่ 2 ไม่ได้
ยืนยืน จะไม่รับผิดชอบ เพราะมองว่า ไม่เกี่ยวกับโรงรับจำนำแล้ว ผู้เสียหายพลาดท่าเอง ที่ผ่านมาตนเองก็โดนหลอกแบบนี้ ตนเองก็โดนมาเยอะ และยืนยันว่า โรงรับจำนำของตนเองไม่มีการนำนาฬิกามาเปลี่ยนแปลงเป็นของปลอม หรือดัดแปลงอะไรแน่นอน เพราะ ต้องซื่อสัตย์กับหน้าร้าน ไม่งั้นก็เละเทะ อยู่ไม่ได้หรอก
ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายนำเรื่องไปแจ้งตำรวจ เดี๋ยวพวกตนเองจะเดินทางไปให้ปากคำตำรวจในวันพรุ่งนี้ และบอกว่าเรื่องนี้ทางโรงรับจำนำก็ไม่ผิด และถือเป็นผู้เสียหายเหมือนกัน
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาทีมข่าวยังได้เดินทางไปพบกับนายทวี ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางที่ติดต่อไปยังคุณแจ็คเพื่อจะขายนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนดังกล่าวให้ โดยนายทวี ยืนยันกับทีมข่าวว่า ตนเองเป็นเพียงแค่คนที่ช่วยหาคนรับซื้อนาฬิกาเท่านั้น โดยรับการว่าจ้างมาจากคนที่ชื่อ “เจ๊หมวย” ซึ่งหากตนเองขายนาฬิกาเรือนดังกล่าวได้จะได้รับค่าส่วนต่างจำนวน 10,000 บาท ตนเองจึงได้ขอรูปนาฬิกาเรือนดังกล่าวและหาร้านรับซื้อนาฬิกาผ่านทางเฟซบุ๊ก
ยืนยันระหว่างการซื้อขายตนเองรู้ด้วยซ้ำว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของเก๊ จนกระทั่งมีการนัดหมายกันไปที่โรงรับจำนำเพื่อไถ่ถอนนาฬิกาคืน โดยตกลงกันว่า คุณแจ็ค เพจรับซื้อนาฬิกา จะเป็นผู้วางเงินเงินสด 200,000 บาท เพื่อถอนนาฬิกา และจะจ่ายเงินเพิ่มอีก 160,000 บาท
แต่เมื่อไถ่ถอนนาฬิกาออกมาแล้วคุณแจ็คเจ้าของเพจรับซื้อนาฬิกา ได้นำนาฬิกาเรือนดังกล่าวถือกลับไปที่รถเก๋งของตัวเองพร้อมกับนั่งอยู่ในรถ โดยอ้างกับตนเองว่า จะขอใช้อุปกรณ์แว่นขยายส่องดูนาฬิกาก่อนเพื่อตรวจสอบว่าแท้หรือปลอม จากนั้นคุณแจ็คได้ลงจากรถและบอกกับตนเองว่านาฬิกาเป็นของปลอม ซึ่งตนเองก็ตกใจมาก และสงสัยว่า คุณแจ็คได้นำนาฬิกาเรือนดังกล่าวเข้าไปสลับกับนาฬิกาอีกหนึ่งเดือนภายในรถหรือไม่
ตนเองยืนยันจะไม่ยอมจ่ายเงิน 200,000 บาท เพื่อชดใช้เนื่องจากตนเองไม่ได้ผิดอะไร ตนเองเป็นเพียงแค่คนกลางในการซื้อขายเท่านั้น ตอนนี้เครียดและลำบากมาก บ้านก็ยากจน คงไม่มีเงินไปใช้ให้คุณแจ็คอยู่แล้ว และตนเองที่ต้องส่งเรื่องไปยังเพจสายไหมต้องรอดก็เพราะว่าอยากขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง