สำนักพุทธฯ เผยหลวงพี่โจ คนเดิม เที่ยวญี่ปุ่นไม่เหมาะสมสั่งลบคลิปแล้ว ชี้ผิดโลกวัชชะ อาจถอนจากผู้ช่วยเจ้าอาวาส
จากกรณี X (ทวิตเตอร์) ชื่อ Red Skull ได้เผยแพร่คลิปภาพพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง อยู่ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมรีวิวสถานที่ต่างๆ แวะฉันราเมน ไอศกรีมชาเขียว ถ่ายภาพคู่กับผู้หญิง เล่นหิมะ นั่งชิงช้าสวรรค์ HEP FIVE ชมวิวเมืองโอซากา
วันนี้ 28 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ใน พระที่เดินทางไปครั้งนี้คือ หลวงพี่โจ ซึ่งเป็นพระประจำอยู่ในวัด จ.ตรัง เคยปรากฏเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อเดือน เม.ย.2565 ที่ผ่านมาแล้ว คือเหตุการณ์ ได้มีการโพสต์และลงคลิปการนั่งเรือไปท่องเที่ยวและเล่นลงน้ำทะเลตามเกาะแก่งต่างๆ ปรากฏภาพมีการใส่เสื้อชูชีพ พร้อมพระภิกษุอีกหลายรูปที่เดินทางไปด้วยกัน ทำให้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกจำนวนมากต่างเข้าไปคอมเมนต์ ถามถึงความไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง
ซึ่งเรื่องราวล่าสุดนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดไร่พรุ หมู่ 8 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นวัดที่พระรูปดังกล่าวประจำอยู่ เมื่อสอบถามพระรูปอื่น ต่างไม่ทราบถึงรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนทางด้านเจ้าอาวาสวัดไม่ได้อยู่วัด ติดภารกิจอบรมหลักสูตรการบริบาลผู้สูงอายุ อยู่ที่ รพ.นาโยง จ.ตรัง ก่อนผู้สื่อข่าวจะติดต่อสอบถาม และพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือกับ พระครูสมุห์จำเลือง ฐิตเมโธ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่พรุ
โดยให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นทราบว่าเรื่องการไปต่างประเทศได้อยู่ในแผนความคิดของพระรูปดังกล่าวมาสักพักแล้ว โดยได้ขออนุญาตอาตมาที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นก่อนแล้ว โดยเดินทางไปหลังจากรับปริญญาบัตร อาตมาก็ทราบเรื่องมาก่อนแล้ว ก็ได้อนุญาต เพราะว่าเขาซื้อตั๋วแล้ว จะห้ามก็ยากแล้ว ส่วนปัจจัยหรือเงินจากที่ไหนที่นำไปเดินทาง ก็ได้รับคำว่าว่าเป็นปัจจัยของพระรูปดังกล่าวเอง อาตมาก็ได้บอกไปก่อนแล้วว่าให้ดูแลตัวเองด้วยในเรื่องของการเดินทาง เพราะอาตมาก็เป็นห่วง หลังจากทราบข่าวในช่วงเช้าวันนี้ ครูบาอาจารย์หลายๆรูป รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ตรัง ก็ได้ประสานมา อาตมาก็ได้ส่งแชทเมสเซนเจอร์ไปบอกกับพระรูปดังกล่าวว่าช่วยลบโพสต์ที่ลงคลิป พร้อมกับพูดว่าไม่เหมาะสม ไม่สมควรจะนำเอามาโพสต์ ซึ่งภายหลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว อาตมาก็เกินที่จะแก้ ก็ได้เพียงบอกและเตือน และฝากบอกว่าพระเราไม่สมควรทำอย่างนั้น
ทางด้าน นายสุขพิชัย เชาวกุล ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ตรัง กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ได้ทราบเรื่องแล้วจากที่ปรากฏในสื่อตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากทราบข่าวก็ได้ประสานไปยังเจ้าอาวาสวัด และเจ้าคณะปกครอง เบื้องต้นทราบว่าพระรูปดังกล่าวจะเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันที่ 30 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยทางเจ้าอาวาสวัดก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ได้ว่ากล่าวตักเตือนพระรูปดังกล่าวไปแล้ว ว่าไม่เหมาะไม่ควรกับสมณสารูปที่เป็นพระสงฆ์ ที่จะโพสต์หรือเผยแพร่ภาพในลักษณะนั้นออกไป ซึ่งตรงนี้เองทางเจ้าอาวาสได้มีการให้พระรูปดังกล่าวลบคลิปออกจากโซเซียลทั้งหมด ไม่ให้เผยแพร่ในสื่อโซเซียล เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์ในส่วนใหญ่ ซึ่งตรงนี้เองทางเจ้าคณะอำเภอ คณะตำบล ก็รับทราบเรื่องหมดแล้ว ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
โดยในส่วนนี้เองตามหลักพระธรรมวินัย เข้าข่ายในเรื่องของโลกวัชชะ ซึ่งไม่เหมาะควรแก่สมณสารูป ที่มีการเผยแพร่ออกไปในลักษณะนั้น แต่หากเผยแพร่ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับธรรมมะ ก็จะเป็นประโยชน์กับสังคม แต่ในส่วนนี้ก็มองว่าไม่เหมาะควร ทางคณะสงฆ์ก็จะดำเนินการในส่วนของคณะสงฆ์ ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ตรัง เองในฐานะ สนองงานคณะสงฆ์ก็จะเข้าไปช่วยดูแลในส่วนนี้อีกด้วยเช่นกัน
ในส่วนนี้จะมีการรับโทษ รับผิดอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับเจ้าคณะอำเภอแล้ว เนื่องจากเป็นความผิดในครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยเจ้าคณะอำเภอจะมีการพิจารณาตามเหมาะควรประการใด โดยในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.) จะมีการประชุมคณะสงฆ์ จ.ตรังทั้งหมด ก็จะนำเอาเรื่องนี้เข้าในที่ประชุมใหญ่ของจังหวัดด้วยเหมือนกัน ซึ่งจะไม่นิ่งนอนใจ หรือปล่อยปละให้เรื่องนี้ลุกลามออกไป เพราะกระทบกับความงามของคณะสงฆ์ ใน จ.ตรัง และ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และดีงาม และเหมาะควรแก่สมณะ ในส่วนของปัจจัยที่นำไปเป็นค่าใช้จ่ายนั้น ตนยังไม่ทราบ แต่ทราบเพียงว่าเดินทางไปกันประมาณ 3-4 รูป โดยหลังจากพระรูปดังกล่าวกลับมาก็จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งในรายละเอียดเชิงลึกว่าที่เดินทางไปใช้ปัจจัยอะไร และเกิดประโยชน์กับคณะสงฆ์อย่างไร
ส่วนความผิดเบื้องต้น คือ โลกวัชชะ นั้น ถือว่าเป็นโทษที่ไม่ร้ายแรงอะไรมาก ก็มีการในเรื่องของการภาคทัณฑ์ ทำทัณฑ์บนเอาไว้ หากทำผิดอีกก็จะมีผลตามที่ตกลงกับพระชั้นผู้ใหญ่ว่าตำแหน่งทางปกครอง จะต้องพิจารณาว่าต้องถอดถอนหรือไม่ สมควรจะปฎิบัติหน้าที่ใดต่อ หรือไม่สมควรจะปฎิบัติหน้าที่ใดต่อ เนื่องจากว่าพระรูปดังกล่าวมีตำแหน่งทางปกครองคือ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด อาจจะต้องถอดออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสด้วย และถือความเป็นความผิดครั้งที่ 2 โดยจะเตรียมพิจารณาหลังจากพระรูปดังกล่าวกลับมาในวันที่ 30 ธ.ค.ที่จะถึงนี้
ด้านพระพยอมกล่าวว่า ไม่ถึงขั้นอาบัติขาดจากการเป็นพระ แต่ถือว่าขาดสมณสัญญาแล้ว ทำแบบนี้ไม่สมควรเรียกว่านักบวช นักบวชมีแต่แสวงหาวิเวก แต่นี่ไปแสวงหาความรื่นเริงบันเทิงใจอย่างนี้ต้องเรียกว่านักเที่ยว ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีความเขินอาย มีความแอคชั่นสูงไม่มีความเขินอาย เจ้าคณะจังหวัดหรือเจ้าคณะอำเภอควรจะเรียกไปตักเตือน แต่ถ้าไม่เชื่อฟังควรต้องจัดการอย่าให้อยู่เป็นพระรกศาสนา ส่วนพระทั้งหลายต่อไปนี้ อย่าให้มีอารมณ์นักเที่ยวมีสันดานนักเที่ยวผุดขึ้นมา เป็นนักบวชต้องข่ม ใจความเป็นนักเที่ยวให้ได้ ต้องคิดไม่เอาไม่มี ไม่เป็น ไม่ไป ให้อยู่นิ่งๆ หลังพิงถ้ำ เหมือนเป็นคนตาย อันนี้มาอวดความคึกคะนองสุรุ่ยสุร่าย ไม่กระดากอายหน้าด้านไร้ยางอาย ไปต่างประเทศไม่น่ามา โอ้อวดเป็นนักเที่ยวในคราบนักบวช คนส่วนใหญ่รับไม่ได้ ส่วนญาติโยมที่สงสัยว่าพระเอาเงินมาจากไหนไปเที่ยวได้ยังไง เงินที่ญาติโยมให้ให้บำรุงพระพุทธศาสนาไม่ใช่ให้ไปเที่ยวเตร่ ตายแล้วยมบาลจะเขกหัว ฝากญาติโยมอย่าถวายเงินพระที่นำเงินไปเที่ยว