วันที่ 28 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้ากรณี เหตุชายคลั่งยาเสพติดใช้อาวุธมีดไล่แทงและชิงรถหลบหนีข้ามจังหวัด ซึ่งในวันนี้ทางตำรวจ สภ.เมืองพะเยา และ สภ.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดกู้ภัยไปรับตัว นายนนท์ปวิธ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ คลั่งยาเสพติดใช้อาวุธมีดแทงชาวบ้านเจ็บระนาวกว่า 7 ราย และมี อส. เสียชีวิต 1 ราย ในเขตท้องที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง และได้หลบหนีมาก่อซ้ำในเขตพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ก่อนถูกจับกุมได้เบื้องต้นถูกแจ้ง 4 ข้อกล่าวหา 1. เสพยาเสพติด 2. ชิงทรัพย์ 3. พกพาอาวุธมีด 4. ทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต



ซึ่งในวันนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยา และ สภ.แม่กา ได้นำตัวออกจาก รพ.พะเยา ผู้ต้องหามาสอบปากคำ ทำสำนวนส่งฟ้องศาลฝากขังในวันนี้ ในสภาพร่างกายขาขวาหักเข้าเฝือก และใบหน้าบวมปูด มาทำการสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา หลังจากถูกควบคุมตัว ทางผู้ต้องหาได้เปิดใจ รับสารภาพหลังก่อเหตุรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ารู้อย่างนี้ตนคงไม่ทำ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เสพยาเสพติดมาไหม แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธบอกว่าไม่เสพ แต่ดื่มเบียร์และเมาเบียร์

ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพูดคุยกับนางเพ็ญศุกร์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายนนท์ปวิธ (ผู้ต้องหา) โดยเธอได้เล่าว่า เธอรู้จักกับนายนนท์ปวิธผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นก็ได้ตกลงคบหาอยู่กินกันฉันสามีภรรยา (ไม่ได้จดทะเบียน) โดยทั้งคู่คบหากันได้ 3-4 ปี และมีลูกสาววัย 2 ขวบด้วยกัน 1 คน ที่ผ่านมานายนนท์ปวิธนั้นถือว่าเป็นผู้ชายที่ใช้ได้ คอยดูแลและเอาใจใส่ตนเป็นอย่างดี แต่มาพักหลัง ๆ นายนนท์ปวิธเริ่มไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

จากนั้นก็เริ่มทำลายข้าวของภายในบ้านและลามมาทำร้ายคนในครอบครัว โดยช่วงแรกนั้นนายนนท์ปวิธได้ทำร้ายตนด้วยการชกต่อยเข้าที่ใบหน้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากการหึงหวง แต่นางเพ็ญศุกร์ยืนยันว่าไม่เคยทำเรื่องดังกล่าว นายนนท์ปวิธนั้นมีอาการหลอนและคิดไปเอง ซึ่งจุดที่ทำให้ตนรู้สึกว่าพอแล้วกับผู้ชายคนนี้ เป็นจุดที่นายนนท์ปวิธได้ลงมือทำร้ายร่างกายลูกสาวของตน เนื่องจากตนนั้นมีลูกติดอยู่ 2 คน อายุ 6 ขวบและ 12 ขวบ เมื่อนายนนท์ปวิธเกิดอาการคลุ้มคลั่งก็จะพาลทำร้ายคนในบ้าน หนักสุดคือลูกสาวตนต้องนอนโรงพยาบาลถึง 8 วัน

แต่เรื่องทุกอย่างก็ยังไม่จบ เนื่องจากนายนนท์ปวิธนั้นไม่ยอมเลิกรา และพยายามข่มขู่ตนทุกวิถีทาง ทั้งขู่ฆ่าพ่อแม่ของตน ทั้งบุกเข้ามางัดบ้านในตอนดึก โดยทีมข่าวช่อง 8 ก็มีภาพเหตุการณ์วันที่ 9 พ.ย. 2566 ตอนที่นายนนท์ปวิธได้ก่อเหตุดึงเหล็กเส้นที่ติดกันขโมย ซึ่งไม่รู้ว่านายนนท์ปวิธนั้นไปเอาแรงมาจากไหน ถึงขนาดที่งัดเหล็กด้วยมือเปล่า พร้อมทั้งมีการพูดข่มขู่ว่า "พูดดี ๆ ไม่ชอบใช่ไหม ขอคืนดีก็ไม่ยอม งั้นกูจะพังเข้าไปเลยนะ กูจะแทง จะฆ่าให้ตายให้หมด"

หลังจากวันนั้นตนจึงย้ายออกจากบ้านหลังนี้ และไปขออาศัยอยู่กับญาติอีกอำเภอหนึ่ง ระหว่างนั้นนายนนท์ปวิธก็ได้พยายามเข้ามาตามหาตนที่บ้าน จนกระทั่งคืนวันก่อนเกิดเหตุที่นายนนท์ปวิธ ตามมานางเพ็ญศุกร์ไม่เจอ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นายนนท์ปวิธคลุ้มคลั่งและได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายชาวบ้าน ที่จังหวัดลำปางและจังหวัดพะเยา ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนก็รู้สึกเสียใจกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิต แต่ตนก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เนื่องจากตนก็เป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายธวัชชัย อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นญาติของนายนนท์ปวิธ (ผู้ต้องหา) โดยเล่าว่า เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา นายนนท์ปวิธนั้นได้หันไปใช้ยาเสพติดและเริ่มมีอาการทางประสาท มักจะทำลายข้าวของในบ้าน นับวันก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตนจึงประสานเจ้าหน้าที่ให้มารับตัวนายนนท์ปวิธ ไปรักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาล ซึ่งในครั้งแรกก็รักษาอยู่ 1 เดือน เมื่อนายนนท์ปวิธหายดีก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นายนนท์ปวิธเริ่มกลับมามีอาการอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หนักถึงขั้นทำร้ายคนในบ้านจนเลือดตกยางออก

ตนจึงพยายามจะส่งตัวนายนนท์ปวิธไปรักษาอาการทางประสาทโดยเฉพาะ แต่ทางโรงพยาบาลนั้นปฏิเสธและให้เหตุผลว่ารับเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชตั้งแต่กำเนิด ซึ่งนายนนท์ปวิธนั้นมีอาการอื่นร่วมด้วย คือ ยาเสพติด จึงจะต้องไปรักษาและบำบัดยาเสพติดก่อน ทำให้นายนนท์ปวิธไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่นั้นมา และเขาก็เกิดอาการคลั่ง อาการหลอนเรื่อย ๆ จนภรรยาต้องขอแยกทางกันในที่สุด

ซึ่งเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายนนท์ปวิธก็ได้โทรศัพท์มาหาตน พร้อมถามหานางเพ็ญศุกร์ว่าอยู่ไหน เขาตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ ซึ่งเท่าที่ฟังนายนนท์ปวิธนั้นมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิดว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้นายนนท์ปวิธเตลิดและไปก่อเหตุทำร้ายชาวบ้านจนได้รับความเสียหาย ในฐานะที่ตนเป็นญาติของคนก่อเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจอย่างมากกับครอบครัวผู้สูญเสียและคนที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางทรัพย์สินหรือสภาพจิตใจ ตนก็ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่าเสียใจจริง ๆ