หนุ่มร้อง สายไหมต้องรอด ช่วยเหลือโดนลูกน้องกำนันยิงผิดตัวกระสุนฝังหัว คู่กรณีไม่เคยติดต่อเยียวยา
จากกรณีที่นายเอ (นามสมมติ) ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ระบายถึงเหตุการณ์ที่เจ้าตัวถูกคู่กรณีซึ่งเป็นลูกน้องกำนันใน จ.ฉะเชิงเทรา ยิงผิดตัวช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา จนกระสุนฝังกระโหลกศีรษะต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 7 วัน วันนี้ได้มาขอให้ทีมงานสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและคู่กรณีหลังถูกประกันตัวออกไปยังใช้ชีวิตปกติ ไม่เคยติดต่อเยียวยา
29 ธ.ค. 66 ที่ทำการสายไหมต้องรอด นายเอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เป็นผู้เสียหาย มาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความเป็นธรรมเนื่องจากคดีไม่คืบหน้า และผู้ก่อเหตุไม่รับผิดชอบเยียวยาใดๆ
โดยนายเอ เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเหตุการณ์ที่ตนถูกคู่กรณียิงเข้าที่หัว นายเอบอกว่าตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝั่งตรงข้าม แต่วันเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนของตนนัดเคลียร์ใจกับคู่กรณี ตนขับรถผ่านเห็นเป็นเพื่อนจึงแวะเข้าไปดู เป็นจังหวะเดียวกับกลุ่มคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงทำให้ตนถูกลูกหลง กระสุนปืนฝังเข้าไปในหัว เลือดออกปากและจมูก เพื่อนจึงช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล
ตนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู 2 วัน และรักษาตัวในห้องผู้ป่วยปกติอีก 5 วัน หลังก่อเหตุ 2 วัน ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บางปะกง และมีลูกน้องกำนันไปประกันตัวออกมา ซึ่งระหว่างที่ตนรักษาตัวอยู่ ฝ่ายคู่กรณีไม่เคยไปเยี่ยมและไม่เคยติดต่อเจรจาเรื่องเงินเยียวยาเลย พอออกจากโรงพยาบาลก็เจอกลุ่มคู่กรณีอีกครั้ง แต่กลุ่มคู่กรณียังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้สึกผิด ไม่ขอโทษ และกร่างใส่ทุกครั้งที่เจอ ตนกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวถูกข่มขู่ และถึงแม้พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนไปที่ชั้นศาลแล้วแต่ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะคู่กรณีข่มขู่ว่าให้สู้คดีกับผีดีกว่าสู้คดีกับคน จึงร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ โดยเบื้องต้นผู้ก่อเหตุถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า และการครอบครองอาวุธปืน
ซึ่งตอนนี้กระสุนยังฝังอยู่ในหัว หมอแนะนำให้ผ่าตัดแต่ตนไม่มีเงิน จึงตัดสินใจไม่ผ่า และจากกระสุนที่ฝังในหัวทำให้มีอาการชาครึ่งซีกบริเวณศีรษะและมักปวดหัวบ่อย ๆ หมอบอกว่าหากปล่อยไปอาจมีโอกาสชัก 30% ส่วนในระยะยาวหมอตอบไม่ได้ว่าจะมีอาการตอนไหนบ้าง ซึ่งตนกังวลเรื่องกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในหัว
ด้าน นายเอกภพ บอกว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปขอรับเงินเยียวยาและขอคุ้มครองพยานเพราะคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ขณะเดียวกันจะให้ตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบรายชื่อผู้มีอิทธิพลด้วย
ด้านคุณบี (นามสมมติ) เพื่อนของผู้เสียหาย และเป็นตัวตันเรื่อง เผยว่า ตนและกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ถูกกันอยู่แล้วเรื่องบิดรถใส่กันไปมา 2-3 ปี รวมถึงตนไม่ใช่คนในพื้นที่ด้วย เพราะเป็นพื้นที่ของเพื่อนของแฟนตนอีกที วันก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุมาบิดรถใส่ ตนเลยบิดกลับคืน พอตนกำลังจะกลับบ้านกลุ่มผู้ก่อเหตุชูนิ้วกลางให้ วันต่อมาตนจึงนัดกลุ่มผู้ก่อเหตุมาเคลียร์ใจกันตัวต่อตัว ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามเร้าให้กลุ่มผู้เสียหายไปหาที่หน้าบ้าน แต่ตนไม่ได้เดินไป พอหันหลังกลับมา กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยิงปืนตามมาแต่โดนเพื่อนตนที่ไม่รู้เรื่อง
วันที่นัดกันไม่ได้พกอาวุธอะไรไปเลย ไปเพียงแค่ตัวกับกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว เจตนาคือแค่อยากไปเคลียร์ให้เรื่องมันจบ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังทำตัวกร่างใส่ แต่ตนไม่สนใจ เพราะตำรวจบอกให้เงียบไว้ถ้าทำอะไรไปจะทำให้รูปคดีเสีย ที่มาร้องเพราะคดีไม่คืบหน้า ตำรวจบอกเพียงให้รออย่างเดียว และผู้เสียหายไม่มาเยียวยาใดๆ ระหว่างนี้ตนก็กังวลเพราะต้องผ่านบ้านผู้ก่อเหตุทุกวัน และตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีเจตนาที่จะก่อเหตุยิงแน่นอน เพราะปกติคนปกติที่ไหนจะพกปืนซ้ำยังเป็นปืนไทยประดิษฐ์ผิดกฎหมายอีก