ตำรวจเค้นสอบทั้งคืนยันเช้ามืด ก่อนคุมตัวฝากขังเช้านี้ โดยไร้ญาติเข้าเยี่ยม ขณะที่เจ้าตัวยังก้มหน้า ปิดปากเงียบ แต่เมื่อรถผู้คุมขังจะออกหมวดนัทหันมาขอโทษเพียงสั้น ๆ

วันที่ 31 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีอุกอาจส่งท้ายปี ...ณรงค์วัส ทะชาดา รอง สว. (สอบสวน) สน.หัวหมาก ก่อเหตุกระหน่ำยิงนายกฤษฏิ์ รุรานนต์ นักธุรกิจหนุ่มเสียชีวิตบนทางด่วนและหลบหนีไป ก่อนจะถูกจับได้ที่ห้องพักรายวันย่านดอนเมือง และนำตัวมาสอบสวน ยาวนานหลายชั่ว ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล 4 และถูกคุมตัวมาที่ สน.วังทองหลาง และยังถูกสอบปากคำต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าประมาณ ตี 5 ครึ่ง ตำรวจได้นำตัวกลับมาเข้าห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยคดีนี้ไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ประสงค์จะทำ ตำรวจจึงจะนำตัวส่งศาลฝากขัง โดยคัดค้านการประกันตัว

ขณะที่จากการสอบถาม ทั้งช่วงเมื่อคืน จนถึงเช้าวันนี้ ยังไม่มีญาติมาติดต่อเยี่ยมผู้ก่อเหตุ และผู้ก่อเหตุไม่ได้มีอาการเครียด นอนหลับได้ปกติ แต่มีรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา มีเพื่อนตำรวจร่วมรุ่น ซื้อของกินมาเยี่ยม และจากการสังเกตบนป้ายชื่อหน้าห้องขัง ชื่อของผู้ต้องหา ใช้คำนำหน้าเป็นนาย ไม่ได้ใส่ยศตำรวจแล้ว

จากนั้นเวลา 09.50 น. ตำรวจได้คุมตัว...ณรงค์วัส ออกมาจากห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยใช้ผ้าคลุมศีรษะ และผ้าพันกุญแจมือ สวมเสื้อผ้าชุดเดิม จากนั้น ก็เดินมาขึ้นรถ โดยระหว่างเดิน ผู้ต้องหาเอาแต่ก้มหน้า และมีท่าที เครียด ผู้สื่อข่าวยังคงพยายามถามถึงปมเหตุการณ์กระหน่ำยิงนายกฤษฎิ์ และความกดดันที่ทำให้รัวยิงขนาดนั้น รวมถึงรู้ประวัตินายกฤษฎิ์ เรื่องฉ้อโกงต่างๆ หรือไม่ แต่ผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน และก่อนจะเดินขึ้นรถคุมตัวผู้ต้องหา เราสังเกตได้ว่า ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ผู้ก่อเหตุร้องไห้ และจังหวะที่รถจะออกไป เขาหันกลับมาลักษณะเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ จับใจความได้ว่า เป็นการขอโทษ จากนั้นรถก็เคลื่อนออกไป

ทางด้าน ...เจษฎา ยางนอก ผู้กำกับการสน.วังทองหลาง ระบุว่าจากการสอบสวนผู้ต้องหาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เขาให้การยอมรับสารภาพทั้งหมด ปมเหตุคือเรื่องที่ ถูกหลอกใช้ รับปากจะช่วยเคลียร์หนี้และวิ่งตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทำตามที่คุยกันไว้ จนเกิดความเครียดสะสม และเป็นสาเหตุที่วนกลับมายิงครั้งที่ 2