จากกรณีรองสารวัตรสอบสวน ก่อเหตุกระหน่ำยิงนักธุรกิจหนุ่มเสียชีวิตคาทางด่วน หลังก่อเหตุได้หลบหนี กบดานรีสอร์ตรายวันย่านดอนเมือง สุดท้ายถูกกดดันจนต้องยอมมอบตัว ผู้ก่อเหตุรับสารภาพเครียดเป็นหนี้กว่าสองล้านบาท

 

ความคืบหน้าล่าสุด หลังถูกสอบปากคำต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าประมาณตี 5 ครึ่ง ตำรวจได้นำตัวกลับมาเข้าห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยคดีนี้ไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ประสงค์จะทำ ตำรวจจึงจะนำตัวส่งศาลฝากขัง โดยคัดค้านการประกันตัว 

ขณะที่จากการสอบถามทั้งช่วงเมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ ยังไม่มีญาติมาติดต่อเยี่ยมผู้ก่อเหตุ และผู้ก่อเหตุไม่ได้มีอาการเครียด นอนหลับได้ปกติ 

จากนั้น 09.50 น. ตำรวจได้คุมตัว ร.ต.ท.ณรงค์วัส ออกมาจากห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยใช้ผ้าคลุมศีรษะและผ้าพันกุญแจมือ สวมเสื้อผ้าชุดเดิม จากนั้นก็เดินมาขึ้นรถ โดยระหว่างเดินผู้ต้องหาเอาแต่ก้มหน้าและมีท่าทีเครียด ผู้สื่อข่าวยังคงพยายามถามถึงปมเหตุการกระหน่ำยิงนายกฤษฎิ์ และความกดดันที่ทำให้รัวยิงขนาดนั้น รวมถึงรู้ประวัตินายกฤษฎิ์เรื่องฉ้อโกงต่างๆ หรือไม่ แต่ผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน และก่อนจะเดินขึ้นรถคุมตัวผู้ต้องหา ทีมข่าวสังเกตได้ว่า ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ผู้ก่อเหตุร้องไห้และจังหวะที่รถจะออกไป เขาหันกลับมาลักษณะเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ จับใจความได้ว่า เป็นการขอโทษ จากนั้นรถก็เคลื่อนออกไป

ด้าน พ.ต.อ.เจษฎา ผู้กำกับการ สน.วังทองหลาง ระบุว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เขาให้การยอมรับสารภาพทั้งหมด ปมเหตุคือเรื่องที่ถูกหลอกใช้ รับปากจะช่วยเคลียร์หนี้และวิ่งตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทำตามที่คุยกันไว้ จนเกิดความเครียดสะสม และเป็นสาเหตุที่วนกลับมายิงครั้งที่ 2

ล่าสุด ทีมข่าวของเราไปคุยกับ นายจิตเมธี อายุ 45 ปี คนขับรถอีกคนหนึ่งของนายกฤษฎิ์ นักธุรกิจที่ถูกยิงเสียชีวิตบนทางด่วน เปิดเผยให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ปกติแล้วผู้ตายมีคนคนขับรถสองคนซึ่งตัวเองถือว่าเป็นเบอร์หนึ่ง แต่ช่วงหลังตัวเองไม่ว่าง ผู้ตายเลยจ้างหมวดนัทมาเป็นคนขับรถอีกคนหนึ่ง

เท่าที่รู้จักทำงานร่วมกันมาได้ประมาณหนึ่งปี มองหมวดนัทเป็นคนที่นิ่งไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่เท่าที่อยู่ด้วยกันมาก็รู้ดีว่าหนี้สินที่หมวดนัทเครียดพยามหาเงินมาใช้นั้น เกิดจากการใช้ชีวิตประมาทของเขาเอง

เพราะหนี้สินส่วนใหญ่ของหมวดนัทเกิดขึ้นจากการไปเที่ยวกลางคืน แต่ที่อ้างว่าเป็นหนี้หลายล้านบาทแล้วมาบังคับให้ผู้ตายใช้นั้นไม่เป็นความจริง เชื่อว่าหนี้ที่หมวดนัทมีน่าจะแค่ประมาณหลักแสนเป็นหนี้จากการไปเที่ยวเตร่ตอนกลางคืนจนไม่มีเงินมาใช้

ส่วนปมปัญหาที่ทำให้หมวดนัทตัดสินใจจบชีวิตนักธุรกิจหนุ่ม นายจิตเมธีบอกว่าน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา วันนั้นตัวเองขับรถให้กับผู้ตาย โดยผู้ตายบอกว่าพาไปที่ห้างแห่งหนึ่งเพราะนัดคุยกับหมวดนัทเอาไว้ หมวดนัทจะมาเคลียร์ปัญหาที่จะให้ช่วย

พอไปถึงก็เห็นหมวดนัทมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วตัวเองเห็นจากในรถว่ามีการโต้เถียงกันนิดหน่อย

จังหวะนั้นผู้ตายส่งแชตมาหาตัวเองบอกว่าให้ระวังหมวดนัท ให้ดูกระเป๋าให้ดี ซึ่งเชื่อว่าผู้ตายกำลังทะเลาะกันกับหมวดนัทอยู่และเกรงว่าไม่ได้รับความปลอดภัย และที่ผู้ตายให้ดูกระเป๋าของหมวดนัทนั้นคิดว่าน่าจะมีปืนอยู่

ส่วนปัญหาที่ทะเลาะกันในวันนั้นตัวเองได้ถามกับผู้ตายบอกว่าหมวดนัทมาขอให้เจ้านายช่วยลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาให้ ขอให้ลงทุนเกี่ยวกับการธุรกิจผิดกฎหมายบางอย่าง แต่ผู้ตายปฏิเสธ และบอกว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวเพราะเดี๋ยวจะทำให้คนใกล้ชิดเดือดร้อน นี่อาจเป็นสาเหตุที่มาของปัญหาทั้งหมด

นอกจากนั้น ในวันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา จริงๆ แล้ววันนั้นตัวเองต้องเป็นคนไปขับรถให้กับผู้ตาย แต่ตัวเองติดธุระทำให้ผู้ตายเรียกให้หมวดนัทมาขับรถให้แทน

แต่ช่วงค่ำวันนั้นผู้ตายได้ LINE มาขอให้ตนเองมาหาช่วงประมาณสองทุ่มครึ่ง ซึ่งบริเวณที่นัดหมายก็ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ตัวเองก็มานั่งรอปกติจนช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม 49 นาที ใกล้กับช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ผู้ตายโทรมาหาบอกว่า “อยู่ไหน ” ซึ่งก็ตอบไปว่ารอสแตนด์บายครับนาย อยู่ที่นัดหมาย

ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เชื่อว่าผู้ตายน่าจะเริ่มมีปากเสียงกันกับหมวดนัทแล้ว และต้องการเรียกให้ตัวเองไปช่วยเปลี่ยนตัวในการขับรถ เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย และเป็นไปได้ว่าตอนนั้นผู้ตายเริ่มรู้ตัวแล้วว่าจะได้รับอันตราย เพราะไปเจอกระเป๋ารวมถึงเสื้อผ้าที่หมวดนัทเตรียมเอาไว้เหมือนจะหลบหนี จึงโทรเรียกให้ตัวเองมาสแตนด์บายเอาไว้

ส่วนตัวแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะจริงๆ แล้วจุดที่รอผู้ตายอยู่นั้นห่างกับจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่ 10 นาที ถ้าหากว่าผู้ตายมาถึงที่ตัวเองเร็วกว่านี้ แล้วสลับจะเปลี่ยนคนขับรถทันก็อาจจะไม่เกิดเหตุแบบนี้

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ภาพจากวงจรปิด ก่อนที่หมวดนัทจะถูกจับ โดยหลังก่อเหตุเจ้าตัวได้ขับรถออกจากพื้นที่ ไปทิ้งไว้สถานที่แห่งหนึ่งและนั่งรถแท็กซี่ต่อ และถูกจับในเวลาต่อมา

 

เปิดใจเจ้าหน้าที่ทางด่วนโทรช่วยให้ภรรยาและลูกทำให้สามชีวิตรอดตาย จากหมวดนัท

วันนี้ทีมของเราได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางด่วนตามที่ปรากฏในภาพข้อมูลวงจรปิดที่มาถึงในที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงแรกตอนที่หมวดนัท กำลังทะเลาะกันกับผู้ตายอยู่บนทางด่วนก่อนที่จะยิงแล้วหลบหนีวนกลับมาอีกรอบนึง

เจ้าหน้าที่ทางด่วน ให้ข้อมูลกับทีมข่าว ผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตอนนั้นขับรถตรวจไปเจอเหตุการณ์เหตุการณ์ดังกล่าวพอดีแล้วเห็นว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่แต่เข้าใจว่าเป็นเหตุทะเลาะวิวาทจากการขับรถจึงพยายามตะโกนออกไปจากรถว่าขอให้ทั้งคู่ใจเย็นๆ สักพักนึงเห็นคนร้ายใช้ปืนยิงเข้าที่ผู้ตายสองนัดตัวเองจึงต้องหลบเข้ามาในรถแล้วคนก่อเหตุก็ขับรถหนีไป

จังหวะนั้นตัวเองจึงรีบลงไปช่วยเหลือผู้ตายโดยผู้ตายร้องขอให้ตัวเองโทรหาภรรยา จึงรีบกดโทรศัพท์โทรหาภรรยาโดยตอนแรกผู้ตายบอกว่าจะพูดคุยกับภรรยาเองแต่เนื่องจากเหมือนผู้ตายไม่ค่อยมีแรงแล้วจึงฝากบอกกับเจ้าหน้าที่ให้บอกภรรยาว่าให้รีบหนีออกมาจากโรงแรมด่วน ตัวเองจึงรีบกดโทรศัพท์แล้วโทรหาภรรยาของผู้ตายทันที

 

ตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าผู้ตายทราบแล้วว่าคนร้ายจะตามไปยิงภรรยาและลูกรวมกันอีกสามคนที่โรงแรมพอมาทราบทีหลังก็รู้สึกตกใจแต่ก็ก็ยังรู้สึกโชคดีที่ได้มีโอกาสช่วยอีกสามชีวิต

จังหวะที่ตัวเองพยายามช่วยเหลือผู้ตายอยู่นั้นผ่านมาประมาณ 10 นาทีเห็นรถคันเดิมขับวนมาฝั่งตรงกันข้ามซึ่งตอนนั้นตัวเองทราบดีว่าเค้ามีปืนพอเห็นเค้าขับมาด้วยความเร็วแล้วจอดอยู่ฝั่งตรงกันข้ามจึงรีบแอบเข้าไปในรถอีกครั้งนึงก็เห็นชัดเจนว่าคนก็เหตุพยายามมายิงซ้ำจนผู้ตายเสียชีวิตคาที่บริเวณบนทางด่วนทันที

วันนี้ทีมข่าวของเราลงพื้นที่ไปยังโรงแรมที่นักธุรกิจหนุ่มพักอาศัยอยู่กับกับภรรยาและลูกอีกสองคนในคืนวันเกิดเหตุ

โดยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในโรงแรมให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าหลังจากที่คนร้ายขับรถพาผู้ตายออกจากโรงแรมได้ไม่นานก็เห็นว่าภรรยาและลูกชายอีกสองคนของผู้ตายรีบลงมาจากห้องพักแล้วขับรถมาจอดหน้าโรงแรมเพื่อเตรียมออกไปไหนสักแห่งนึง ซึ่งตอนนั้นทางโรงแรมเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

 

แต่ช่วงจังหวะที่ภรรยาและลูกของคนตายกำลังขับรถออกจากโรงแรมคนร้ายก็ขับรถมาอย่างเร็วจอดที่ลานจอดรถแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องพักแต่ไม่ทันเห็นว่ารถของภรรยาและลูกคนตายขับออกไปสวนกันพอดี

ตอนนั้นทุกคนสังเกตเห็นสีหน้าและท่าทางของคนร้ายได้ชัดว่ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและรีบมุ่งไปที่บนห้องพักทันที แต่พอขึ้นไปไม่ถึง 5 นาทีเห็นว่าไม่มีคนอยู่ก็รีบลงมาแล้วหลบหนีไป

พนักงานของโรงแรมทุกคนมองว่าเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้นหากภรรยาและลูกของคนตายหนีไปไม่ทันก็อาจจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นที่โรงแรมนี้

 

ล่าสุด ทีมข่าวของเรา ไปพูดคุยกับ แม่และภรรยาของนักธุรกิจหนุ่มที่ถูกหมวดนัทยิงเสียชีวิตบนทางด่วน

ซึ่งแม่และภรรยาของผู้เสียชีวิตเชื่อว่า น่าจะมีการเตรียมการเพื่อจะมาจบชีวิตลูกชายแล้ว ที่ผ่านมาก็มักจะมาขอให้ช่วยเรื่องเงินมาตลอด แต่ที่กลายเป็นปัญหาก็คือขอให้ผู้เสียชีวิตทำเรื่องสีเทา แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยอมทำตาม

ส่วนเรื่องที่ผู้ตายมีคดีติดตัวเกี่ยวกับฉ้อโกงเยอะนั้นแม่และภรรยาของผู้ตายยอมรับว่าจริงแต่เป็นเรื่องการทำธุรกิจที่เกิดขึ้นจากข้อผิดพลาดในการทำสัญญา ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายหรือเรื่องธุรกิจสีเทา

ยอมรับว่าผู้ตายชอบพกเงินสดประมาณสี่ถึงห้าแสน ซึ่งอาจทำให้หมวดนัทเห็นว่ามีเงินเยอะจึงเกิดความโลภที่ต้องการเงินเอาไปใช้หนี้

 

นอกจากนั้น ภรรยายังเปิดเผยเรื่องที่น่าเหลือเชื่อให้กับทีมข่าวของเราฟังว่า เมื่อคืนนี้หลังจากเธอเหนื่อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังทำใจไม่ได้ทำให้นอนนอนไม่หลับ แต่เมื่อเผลอหลับไปปรากฏว่า ช่วงประมาณตี 1 ได้ยินเสียงคนเดินที่บันได ซึ่งปกติเป็นช่วงเวลาที่สามีคนตายจะกลับมาพอดี แล้วพอได้ยินเสียงแบบนี้ก็จะออกไปหาเขาทุกครั้ง แต่ปรากฏว่าเมื่อคืนลืมคิดไปว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว พอได้ยินเสียงคนเดินตรงบันได ก็ออกไปดู ปรากฏว่าไม่มีคน

ภรรยาของผู้ตายเชื่อว่า เขาน่าจะคงคิดถึงลูกและเป็นห่วงที่เราเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับที่เขาจากไปอย่างกะทันหันเลยกลับมาหา เพราะเชื่อว่าเขาต้องเป็นห่วงเรามาก แต่จะบอกเขาเหมือนกันว่าที่ผ่านมาทำงานเหนื่อยมามากแล้ว ขอให้เขาได้หยุดพักผ่อนอยู่บนสวรรค์

เปิดใจคนสนิทหมวดปืนโหดแฉยับเกิดอะไรคืนสังหารเสี่ย เมียรอดตายซึ้งฮีโร่ช่วยชีวิต