น้องร้องพี่สาวถูกแฟนหนุ่มทำร้ายตาย เชื่อก่อนตายถูกจับขังในห้อง ซ้อมทรมาน 2 เดือน
จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “look petch” ได้โพสต์เรื่องราวของพี่สาวตัวเอง คือ นางสาวเพ็ชรรัตน์ ผุยพันธ์ หรือ แพรว ซึ่งถูกแฟนหนุ่ม คือ นายธนวัฒน์ เฉลยพบ หรือ โบ้ ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต พร้อมนำเรื่องไปร้องให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ
โดยเธอระบุเรื่องราวไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ”ช่วยพี่สาวคนเดียวของหนูด้วยนะคะ มีคนฆ่าพี่สาวหนู เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 แฟนพี่สาวหนูโทรมาหาท่าทีดูตกใจ เขาถามหนูว่าพี่สาวหนูมีโรคประจำตัวไหม หนูก็ตอบไปว่าไม่มีนะพี่ จากนั้นเขาก็บอกว่าพี่หนู ชัก ตัวเขียวไปแล้วไม่รู้เป็นอะไร หนูตกใจมากเลยพูดกับไปว่าแล้วทำไมพี่ไม่ส่งพี่หนูไปโรงบาล จากนั้นเขาตัดสายทิ้งและนำพี่สาวหนูไปส่งโรงพยาบาล เขาโทรกลับมาหาหนูอีกครั้งบอกว่าถึงโรงบาลแล้ว และเสียงที่หนูได้ยินจากพยาบาลที่กำลังถามแฟนพี่หนูว่า คนไข้เป็นอะไรมาคะทำไมไม่มีชีพจรแล้ว หนูได้ยินน้ำตาตกแทบเป็นลมล้มทั้งยืน เขาไปแจ้งกับทางโรงบาลว่าพี่หนูชักเกร็ง หยุดหายใจ เขาไม่ได้บอกทางโรงบาลว่าทำร้ายพี่หนู
จากนั้นหนูรีบมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงพี่หนูก็ไม่มีชีพจรแล้ว หนูกับแม่เลยรีบขอให้หมอเร่งปั๊มหัวใจ ผ่านไปประมาน 10 กว่านาที ชีพจรกับมาและให้ยากระตุ้นหัวใจ หัวใจพี่หนูเลยกลับมาเต้นเพราะใช้เครื่องช่วยหายใจและยา แต่พี่หนูไม่ฟื้น หนูมาถึงโรงบาล สภาพแรกที่เห็นพี่หนูแทบจะขาดใจลงตรงนั้น พี่หนูตัวเขียวช้ำไปทั่วตัว นอนพันสายระโยงระยาง หมอเลยเรียกแม่กับหนูเขาไปถามว่ารู้ไหมคะลูกถูกทำร้ายมา แม่หนูบอกหมอว่า ไม่รู้ค่ะ เค้าบอกแค่ว่าลูกเราชัก หมอเลยบอกว่าตามตัวมีรอยถูกทำร้ายเยอะมาก เขียวช้ำไปหมด และที่สำคัญคือขาดอากาศหายใจมาสักพักแล้ว ผลเอ็กซเรย์พบว่า กระดูกซีกโครกหักหลายซี่ เลือดคลั่งในสมอง ฯลฯ
หนูเลยรีบเดินกลับไปถามแฟนพี่หนูว่ามันเกิดอะไรขึ้น คราวนี้เค้ารับสารภาพว่าเค้าตบพี่หนูไปสองทีจนพี่หนูตกเตียงแล้วก็ชัก ซึ่งเค้าพูดไม่เหมือนกัน 2 - 3 รอบ บอกคิดว่าพี่หนูแกล้ง จึงไม่ได้สนใจ จนเค้าจะเรียกพี่หนูกินข้าว เห็นนิ่งไปพอไปดูเค้าบอกพี่หนูตัวเขียวแล้ว ปั้มหัวใจไม่ฟื้นเลยโทรหาหนูและนำส่งโรงพยาบาล คือเค้าพูดไม่ตรงกัน รนไปหมดทุกอย่าง จนพี่หนูนอนนิ่งไม่ตื่น หมอบอกพี่หนูสมองตายแล้ว รอปาฎิหารเท่านั้น หมอหวังว่ามันจะเกิดขึ้น
สุดท้ายวันนี้ 31 ธ.ค.66 ปาฏิหารไม่เกิดขึ้นค่ะ พี่หนูจากไปแล้ว หมอบอกพี่หนูขาดอากาศหายใจก่อนมาส่งโรงพยาบาลนานเกินไป ตอนนี้คยทำร้ายพี่หนูเค้าหายไปแล้วติดต่อไม่ได้ หนูอยากให้คดีพี่หนูดัง ไม่อยากให้พี่หนูต้องตายฟรี พี่สาวที่เป็นเหมื่อนดวงใจเป็นหัวหน้าครอบครัวของเรา ฝาก #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยพี่หนูด้วยนะคะ”
ต่อมา นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายต้องรอดได้รับเรื่องและประสานไปยัง พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี และ พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง เพื่อขอให้ช่วยให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต และเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับ ลูกพีช อายุ 26 ปี น้องสาวของผู้ตายที่นำเรื่องของพี่สาวมาโพสต์ขอความเป็นธรรม เล่าให้ฟังว่า พี่สาวของตนเองรู้จักกับนายโบ้ผู้ก่อเหตุผ่านทาง Facebook โดยเข้ามาจีบพี่สาวและตกลงคบหากันได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลังจากพี่สาวคบหากับนายโบ้ ได้ประมาณ 5-6 เดือน นายโบ้ได้เอ่ยปากชวนพี่สาวไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของนายโบ้ ซึ่งครอบครัวของนายโบ้มีอาชีพเปิดร้านขายของชำอยู่ภายในจังหวัดนนทบุรี
ตลอดระยะเวลาที่พี่สาวคบกับนายโบ้ พี่สาวเคยมาตัดพ้อกับตนเองว่า มักจะถูกนายโบ้ดุด่าหลายครั้ง เพราะ นายโบ้เป็นคนขี้หึงหวง และอารมณ์รุนแรง แต่พี่สาวไม่เคยมาเล่าว่า ถูกนายโบ้ทำร้ายร่างกายอะไรบ้าง
ก่อนเกิดเหตุครั้งล่าสุดที่ตนเองเจอกับพี่สาวคือช่วงวันเกิดของพี่สาว 19 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งได้จัดงานวันเกิดที่บ้านของนายโบ้ ตอนนั้น ได้สังเกตเห็นรอยเขียวช้ำบริเวณแขนของพี่สาว จึงได้สอบถามว่าเป็นรอยอะไร แต่พี่สาวบอกเพียงว่า “ทะเลาะกับไอ้โบ้นิดหน่อย มันกระชากพี่ลากไปกับพื้น” พี่สาวยิ้ม และบอกกับตนเองว่า ไม่เป็นอะไรมาก
เวลานั้น พี่สาวดูมีความสุขมาก และดูเหมือนนายโบ้ก็รักพี่สาวของตนเองมากเช่นกัน ทำให้ตนเองและแม่ไว้ใจว่า นายโบ้จะดูแลพี่สาวเป็นอย่างดี และจากวันนั้นตนเองก็ไม่ได้เจอกับพี่สาวอีกเลย
กระทั่ง 29 ธันวาคม มาทราบข่าวจากนายโบ้ ที่โทรศัพท์มาหาช่วง 5 โมงเย็น ทำทีโทรศัพท์มาถามตัวเองว่า “พี่สาวมีโรคประจำตัวอะไรไหม” และบอกว่า “ตอนนี้พี่สาวกำลังชัก หมดสติไปแล้ว” ตนเองก็ตกใจมากเพราะที่ผ่านมาพี่สาวเป็นคนแข็งแรง และรีบบอกให้นายโบ้ พาพี่สาวไปส่งโรงพยาบาลก่อน
จากนั้นตนเองและแม่ ได้เดินทางไปถึงโรงพยาบาล และพบว่า ตามร่างกายของพี่สาวพบรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด หมอบอกว่า พี่สาวถูกทำร้ายร่างกาย มีเลือดออกในสมอง กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ ตามตัวบอบช้ำ คาดว่า ถูกทำร้ายมาเป็นระยะระยะเวลานาน และเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ตอนนั้นตนเองตกใจมากและเดินเข้าไปถามนายโบ้ว่า ทำไมไม่พูดความจริง ทำร้ายพี่สาวตนเองทำไม
นายโบ้ อ้างว่า เห็นว่าพี่สาวโทรศัพท์คุยกับผู้ชายคนอื่น จึงหึงหวง และได้ตบพี่สาวไปแค่ 2 ที แต่พี่สาวตกจากเก้าอี้ฟุบไปกับพื้น ตอนแรกคิดว่า พี่สาวแกล้งตาย จึงไม่ได้ช่วยเหลือทันที ซึ่งตนเองไม่เชื่อคำอ้างของนายโบ้
และตนเองกำลังจะไปแจ้งความเอาเรื่อง แต่หลังจากกลับจากแจ้งความ กลับมาที่โรงพยาบาล นายโบ้ก็หลบหนีออกจากโรงพยาบาลติดต่อไม่ได้แล้ว
ตนเองพยายามส่งข้อความแชทไปหานายโบ้ ให้กลับมารับผิดชอบสิ่งที่ทำกับพี่สาว กระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 31 ธันวาคม นายโบ้ ได้ส่งข้อความแชตมาว่า “ น้องไม่อยากได้คำขอโทษ พี่เข้าใจน้องนะ พี่ยอมรับหมดทุกอย่าง แต่ขอพี่บวชให้แพรวก่อนได้ไหม พี่ขอแค่นี้ พี่อยากทำครั้งสุดท้าย และหลังจากนั้นจะให้พี่ไปติดคุก ตายอะไรพี่ก็ยอม” จากนั้นนายโบ้ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ซึ่งตนเองอยากให้นายโบ้กลับมารับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป ไม่ใช่หนีหายไปแบบนี้
ความสัมพันธ์ของ เพ็ชรรัตน์กับนายโบ้
ต่อมา 16.00 น. ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แห่งใหม่ จ.ปทุมธานี ครอบครัวได้เดินทางมาติดต่อรับศพของน้องแพรวที่เสียชีวิต โดยมีเจ้าหน้าที่จากเพจสายไหมต้องรอด คอยอำนวยความสะดวกในการติดต่อขอรับศพ
โดยก่อนหน้าที่ศพจะขึ้นรถ น้องสาวได้จุดธูปเชิญดวงวิญญาณให้ตามกลับไปประกอบพิธีรดน้ำศพที่วัด มีการพลิกดูศพ ซึ่งเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำตามแขน ตัว และใบหน้า
17.00 น. เมื่อศพเดินทางถึงวัดพระพิเรนทร์ ครอบครัวได้นำศพของน้องแพรวขึ้นไปยังศาลา 4 เพื่อทำพิธีรดน้ำศพ โดยก่อนจะรดน้ำศพน้องและแม่รวมถึงเจ้าหน้าที่เพจสายไหมต้องรอด ได้ช่วยกันแต่งหน้าศพให้กับน้องแพรวด้วยความรัก ก่อนที่จะมีพิธีรดน้ำศพ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
ขณะเดียวกันทีมเขาอยากได้พูดคุยกกับนางเข็มพร อายุ 52 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่เชื่อที่นายผู้ก่อเหตุอ้างว่า ตบลูกสาวเพียงแค่ 2 ครั้งจนเสียชีวิต เนื่องจากผลการชันสูตร ระบุว่า ลูกสาวขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต และ มีเลือดออกในสมอง รวมถึงกระดูกซี่โครงหลายซี่หัก และเชื่อว่า นายโบ้ น่าจะทำร้ายลูกสาวมาเป็นเวลานานแล้ว
ที่ผ่านมายอมรับว่า ค่อนข้างไว้ใจนายโบ้ เพราะลูกสาวไม่เคยเล่าเรื่องไม่ดีของนายโบ้ให้ฟังสักครั้ง ช่วงแรกที่นายโบ้ขอคบหากับลูกสาว นายโบ้รับปากกับตนเองดิบดีว่า จะไม่ทำร้ายลูกสาวหากมีเรื่องทะเลาะกัน แต่สุดท้ายนายโบ้ก็ยังทำร้าย และทำร้ายจนตาย
หลังเกิดเหตุตนเองได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังแม่ของนายโบ้ เพราะติดต่อนายโบ้ไม่ได้แล้ว แม่นายโบ้ อ้าง ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน และไม่รู้เลยว่า ลูกชายของตัวเองก่อเหตุทำร้ายแฟนสาว ซึ่งตนเองก็ไม่เชื่อว่าแม่นายโบ้ จะไม่รู้เรื่อง เพราะบ้านที่ลูกสาวถูกทำร้าย ก็อยู่บ้านหลังเดียวกันกับที่แม่บ้านโบ้อยู่ เพียงแต่อยู่กันคนละห้อง และเชื่อว่า เหตุผลที่หลังวันที่ 19 กันยายน วันเกิดของลูกสาว ตนเองไม่เจอหน้าลูกสาวอีกเลย ได้คุยกันแค่ทางโทรศัพท์ คงเป็นพ่อ นายโบ้ ได้จับลูกสาวขังอยู่แต่ในห้องของนายโบ้ ไม่ให้ไปไหนแน่ๆ
ซึ่งหากนายโบ้ฟังอยู่ ตนเองอยากให้นายโบ้ รีบกลับมารับผิดชอบสิ่งที่ทำไป และไม่ต้องอ้างว่า จะขอหนีไปบวชให้ลูกสาว มันฟังไม่ขึ้น
ปีใหม่ปีนี้ ตามจริงแล้ว ลูกสาวจะกลับมาหาตนเอง มานั่งกินข้าว ฉลองปีใหม่ด้วยกัน ทุกปีจะเป็นวันที่ตนเองมีความสุขที่ได้อยู่กับลูกๆ แต่ปีใหม่ปีนี้ กลับเป็นปีที่โชคร้าย ที่ตนเองไม่มีลูกสาวอีกต่อไปแล้ว
แม่อ้างไม่รู้ลูกชายทำร้ายแฟนสาว ยอมรับ ลูกชายอารมณ์ร้อน คบใครไม่ได้นาน
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายโบ้ เราได้พบกับ นางอ้อ (นามสมมุติ) แม่ของนายโบ้ผู้ก่อเหตุ เธอยอมรับว่า ตนเองอยู่บ้านหลังเดียวกับลูกชายจริง แต่ไม่รู้เลยว่า ลูกชายได้ทำร้ายแฟนสาวตัวเองภายในห้องนอนมาโดยตลอด เพราะที่ผ่านมา ลูกชายพาแฟนสาวมาอยู่ภายในห้อง ตลอด 2-3 เดือน ตนเองก็แทบไม่เคยเห็นหน้าแฟนสาวของลูกชายเช่นกัน
ลูกชายไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่ทำการทำงาน อยู่แต่บ้าน ขอเงินแม่กินไปใช้จ่าย หาเงินเองไม่ได้ เป็นลูกเทวดา ส่วนตนเองมีอาชีพเปิดร้านขายของชำหาเลี้ยงลูกชาย
วันไหนที่ตัวเองทำกับข้าวกิน ลูกชายก็จะเดินออกไปจากห้อง และขอข้าวเพิ่มอีกหนึ่งจาน อ้างว่าจะเอาไปให้แฟนสาวกินในห้องอยู่ตลอด ที่ผ่านมาเองแทบไม่เห็นฝ่ายหญิงออกมาจากห้อง และไม่เคยได้ยินเสียงร้องของฝ่ายหญิงออกมาจากห้องนอนของลูกชายเลยด้วยซ้ำ หรือ ลูกชายอาจจะทำร้ายฝ่ายหญิงตอนที่ตนเองและคนในบ้านออกไปขายของก็เป็นไปได้
วันเกิดเหตุ ตนเองก็อยู่ในบ้าน จู่ๆ ลูกชายได้วิ่งมาบอกตนเองว่า แฟนสาวชักหมดสติอยู่ในห้องนอน ก่อนที่ลูกชายจะพาแฟนสาวไปส่งโรงพยาบาล ตนเองก็รู้เรื่องแค่นั้น
ส่วนนิสัยของลูกชายยอมรับว่า เป็นคนอารมณ์ร้อน ที่ผ่านมาคบผู้หญิงคนไหนก็จะคบได้ไม่นาน ผู้หญิงที่คบก็จะหนีหายไป
ส่วนเหตุผลที่ลูกชายทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิง คาดว่า มาจากความหึงหวงของลูกชายเอง เพราะก่อนหน้านี้ ลูกชายกับฝ่ายหญิง เคยเลิกกันไปแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจาก แฟนเก่าของฝ่ายหญิงตามมาง้อขอคืนดีและลูกชายค้นโทรศัพท์แล้วจับได้ ก่อนที่ทั้งสองจะมาคบหากันใหม่ และต่างคนต่างสัญญาว่า จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก กระทั่งมาเกิดเหตุขึ้น
ลูกชายเป็นคนรักใครรักจริง และทุ่มเทให้กับคนรักมาก จนบางครั้งแม้กระทั่งแม่ของตัวเอง ยังเล็กน้อยใจเลยว่า ลูกชายเลือกที่จะรักผู้หญิงมากกว่าแม่ตัวเอง
หลังจากเกิดเรื่องตัวเองก็เสียใจไม่แพ้กัน และพยายามจะติดต่อขอให้ลูกชายมอบตัวแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อลูกชายได้เหมือนกัน
ส่วนที่ลูกชายมีการโพสต์ Facebook ตัดพ้อ คล้ายกับอยากคิดสั้นฆ่าตัวตาย อยากบอกผู้ชายว่า ถ้าจะไปตายก็ไม่ต้องกลับมาตายที่บ้าน ให้ไปตายที่อื่น เพราะตนเองก็ไม่เข้าข้างลูกชายเหมือนกัน อยากไปตายที่ไหนก็ไป
นอกจากนี้กินข้าวยังเข้าไปดู Facebook ของนายโบ้ผู้ก่อเหตุพบว่า หลังจากวันที่ 29 ธันวาคมที่นายโบ้ลงมือทำร้ายแฟนสาวแล้ว เจ้าตัวได้โพสต์ Facebook
โพสต์ที่ 1 ระบุว่า “อยู่ไม่ได้จริงๆต้องสู้นะกลับมานะ”
โพสต์ที่ 2 ระบุว่า “สัญญาที่ให้กันไว้ไม่ลืมนะ เธออยู่ไหน เขาอยู่นั้น เธอไม่อยู่ เขาก็ไม่อยู่ ถ้าเธออยู่ เขาก็อยู่ไม่ลืมสัญญา
โพสต์ที่ 3 ระบุว่า “ขอบคุณนะ รูปที่เธอทำให้ เขาจะอยู่บนหัวนอนของเราตลอดไปนะ“ พร้อมลงรูปคู่ที่ถ่ายด้วยกัน
และโพสต์ที่ 4 ระบุว่า “สุดหัวใจ โบ้รักแพรว“ พร้อมกับลงรูปคู่ที่ถ่ายไว้ ในงานวันเกิดของฝ่ายหญิงที่ตาย
นอกจากนี้นายโบ้ยังได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นภาพถ่ายคู่กัน พร้อมระบุแคปชั่นว่า "ในใจตลอดไป" อีกด้วย