จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “look petch” ได้โพสต์เรื่องราวของพี่สาวตัวเอง คือ นางสาวเพ็ชรรัตน์ หรือ แพรว อายุ 32 ปี ซึ่งถูกแฟนหนุ่ม คือ นายธนวัฒน์ เฉลยพบ หรือ โบ้ อายุ 34 ปี ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ต่อมาน้องของผู้เสียชีวิต ได้นำเรื่องไปร้องให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ และขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตายเนื่องจากหลังเกิดเหตุ นายโบ้ ผู้ก่อเหตุ ได้หลบหนีไป โดยทิ้งข้อความสุดท้ายอ้างว่า จะขอหนีไปบวชให้ผู้ตายก่อนเพราะรู้สึกผิด จากนั้นถึงจะเข้ามอบตัวกับตำรวจ ซึ่งครอบครัวผู้ตายไม่ได้ต้องการแบบนั้น

 

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของเทศบาลเมืองบางกร่าง จ.นนทบุรี เวลา 18.41 นาที (เวลากล้องไม่ตรง เร็วกว่าเวลาจริง 19 นาที) โดยจะเห็นว่า นายโบ้ได้นำร่างของน้องแพรวแฟนสาวหลังจากตัวเองซ้อมทำร้ายจนเสียชีวิตแล้ว ได้ร่างของน้องแพรวนำขึ้นรถกระบะไฮลักซ์ รีโว่สีดำของแม่ตัวเอง ขับออกจากซอยบ้านที่เกิดเหตุ ไปยังโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โดยคลิปจากกล้องวงจรปิด 6 ตัว ในแต่ละมุมบนถนน จะเห็นนายโบ้ได้ใช้เส้นทางถนนราชพฤกษ์ - นนทบุรี และวิ่งในเลนขวาสุดตลอด ซึ่งโรงพยาบาลจะอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ 7.6 กิโลเมตร

เพื่อนสนิท เปิดคลิปเสียง “ไอ้โบ้” โกหก อ้างตบแค่ 2 ที ซี่โครงหักเพราะตกเตียง

 

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกับผู้เสียชีวิต บอกว่า พวกตนเองรู้จักกับแพรวมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่แพรวไม่เคยเล่าเรื่องที่โดนแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายให้ฟัง ซึ่งที่ผ่านมาตนเองเคยเจอนายโบ้ 2 ครั้ง ก็ดูเป็นคนปกติ ไม่ได้มีท่าทีจะชอบใช้ความรุนแรง

 

กระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แพรวมาเล่าให้ฟังว่า ได้ทะเลาะกับโบ้ พร้อมส่งข้อความแชตให้กับเพื่อนอีกคน ว่า นายโบ้ ทำร้ายร่างกาย พยายามจะเอามือบีบคอ เอาหมอนปิดปากจะฆ่า พร้อมตัดพ้อว่า อยากจะเลิกกับนายโบ้แล้ว

 

แต่ผ่านไปไม่นาน แพรวก็บอกว่าดีกันแล้ว ตนเองก็คิดว่าไม่น่ามีอะไร เป็นการทะเลาะกันตามประสาแฟนทั่วไป

 

กระทั่งวันเกิดเหตุ ทราบข่าว แพรวเข้าโรงพยาบาล จึงได้โทรคุยกับโบ้ผ่านทางเฟซบุ๊กเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นโดยอัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐาน ตอนแรกโบ้บอกว่าแพรวชักด้วยโรคประจำตัว ซึ่งตนเองทราบอยู่แล้วว่า แพรวไม่มีโรคประจำตัว จึงถามต่อว่าเกิดจากอะไร จนโบ้ยอมรับว่า เป็นคนทำแพรว โดยมีการตีและตบและแพรวล้มตกเตียง แต่ไม่ได้เล่าละเอียดว่าศีรษะกระแทกขอบเตียงด้วย โดยสาเหตุที่ทำเพราะจับได้ว่าแพรวไปคุยกับคนอื่น

 

โดยขณะพูดคุยนายโบ้พูดขอโทษ บอกว่าที่ทำไปเพราะรัก และเป็นการพลาดพลั้ง แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนพยายามจะผลักว่าสาเหตุที่แพรวชักเป็นเพราะอาการป่วย ไม่ได้มาจากที่ตนเองทำร้าย

 

แต่ต่อมาตนเองไปเยี่ยมแพรวที่โรงพยาบาล เห็นรอยเขียวช้ำตามร่างกาย คิดว่า ไม่น่าจะเกิดจากโรคอย่างที่โบ้อ้าง จึงโทรไปคุยกับโบ้อีกครั้ง โบ้ได้แต่ขอโทษ และปรึกษาตนเองว่า อยากไปบว ชให้แพรวได้หรือไม่ จะให้บวชให้หรือตายตามไปก็ได้ ตนเองจึงบอกโบ้ว่า อย่าคิดสั้น อย่าทำแบบนั้นเลย ให้ออกมายอมรับความจริงเถอะ

 

จากนั้นวันต่อมา นายโบ้โทรกลับมาอีกครั้ง ขอให้ส่งรูปแพรวให้ ตนเองจึงถ่ายรูปส่งไปให้ จากนั้นนายโบ้ก็บอกว่าขอบคุณมาก ก่อนที่จะติดต่อไม่ได้อีกเลย

 

พ่อแม่ “ไอ้โบ้” ซัดลูกชายเลวทำร้ายแฟนสาว ลั่นจะไปตายที่ไหนก็ไป ติดคุกจะไม่ช่วย เผยเคยเตือนเรื่องอารมณ์ร้อนหลายครั้งแล้ว

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปที่บ้านของนายโบ้หลังเกิดเหตุอีกครั้ง เราได้พบกับนายแอ๊ด (นามสมมุติ) พ่อของนายโบ้ผู้ก่อเหตุ บอกกับทีมข่าวว่า จนถึงขณะนี้ตนเองยังติดต่อลูกชายไม่ได้ และไม่คิดจะติดต่อลูกชายด้วย เพราะตนเองไม่เคยยุ่งเรื่องลูกชายอยู่แล้ว ลูกชายมันจะไปทำเลวอะไรยังไง มันก็เป็นเรื่องของลูกชาย และยืนยันว่าตนเองไม่เคยปกป้องลูกชาย มองว่าสิ่งที่ลูกชายทำเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และสันดารเสีย

 

ส่วนที่ลูกชายไปทำร้ายผู้หญิงจนเสียชีวิต ตนเองมองว่า “ไม่ใช่ว่าผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิงไม่ได้ เพราะลูกชายก็ถือเป็นแฟนหนุ่มของฝ่ายหญิง เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ตนเองเข้าใจว่า ชีวิตครอบครัวก็มีบ้างที่ต้องมีปัญหาตบตีทะเลาะกัน ลิ้นกันฟันเป็นของคู่กัน แต่จะทำร้ายกันถึงขึ้นฆ่ากันจนตาย มันไม่ถูกต้อง”

 

ที่ผ่านมายอมรับว่า ตนเองและลูกชายถึงแม้ว่าจะอยู่บ้านหลังเดียวกันแต่ไม่สนิทกันและแทบไม่เคยพูดคุยกัน เนื่องจากหลังจากลูกชายเริ่มโตเป็นหนุ่ม ก็แทบไม่เคยหาการงานเป็นชิ้นเป็นอันทำเพื่ออนาคตตัวเอง วันๆ เอาแต่มุ่งเรื่องผู้หญิง ตนเองไม่รู้ว่าลูกชายทำอาชีพอะไร แต่พอลูกชายได้เงินมาก็จะนำเงินไปเปย์ให้ผู้หญิงตลอด ตนเองเป็นพ่อไม่เคยได้รับเงินจากลูกชายเลยสักบาท มีแต่ต้องหาเพิ่มให้ลูกชายด้วยซ้ำ

 

ส่วนข้อถามที่ว่า ตนเองอยู่บ้านหลังเดียวกันกับลูกชาย ทำไมไม่รู้เรื่องเลยว่า ลูกชายกักขังฝ่ายหญิง และทำร้ายในห้องนอน ไม่ได้ยินเสียงคนตายร้องขอความช่วยเหลือบ้างเลยเหรอ นายแอ๊ด อ้างว่าตนเองและภรรยามีอาชีพเปิดร้านขายของชำและต้องออกไปขายของตั้งแต่เช้าและกลับมาตอนช่วงเย็นแทบไม่เคยเจอหน้าลูกชายอยู่แล้ว ส่วนหน้าฝ่ายหญิงตนเองก็แทบไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ เพราะวันๆ ฝ่ายหญิงจะนั่งกินนั่งเล่นอยู่แต่ในห้องของลูกชายไม่ออกไปไหน

 

และหากลูกชายฟังตนเองอยู่ ก็อยากให้ลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจซะ แต่หากลูกชายไม่มอบตัว และจะไปฆ่าตัวตายตามฝ่ายหญิง ตนเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร อยากจะไปตายที่ไหนก็ไป เพราะตลอดชีวิตที่ตนเองเลี้ยงลูกชายคนนี้มา มันไม่เคยฟังผมอยู่แล้ว และตนเองฝากความเสียใจไปยังครอบครัวของฝ่ายหญิงด้วย

 

 

เปิดคลิป “ไอ้โบ้” ซ้อมมวย อึ้งแข้งขวาพิฆาต ถีบคู่ต่อสู้กระเด็น

 

ล่าสุดทีมข่าวยังเข้าไปค้นหาในช่อง Tiktok ของนายโบ้ พบว่า ก่อนหน้านี้นายโบ้ เคยเป็นอดีตนักมวยที่ค่ายมวยแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ซึ่งคลิปแรก เป็นคลิปที่นายโบ้ได้ซ้อมเตะ ต่อย แทงเข่า ศอก และชกกับคู่ต่อสู้คือครูฝึกอย่างชำนาญการชก และลีลาการชกของนายโบ้ค่อนข้างแพรวพราว โดยนายโบ้ จากคลิปจะมีท่าไม้ตายเด็ดอยู่ที่ขาขวา ที่เตะได้รุนแรง

 

ส่วนคลิปที่ 2 เป็นคลิปที่นายโบ้ ได้โชว์พลังการถีบคู่ต่อสู้ โดยจะเห็นนายโบ้ ได้ถีบครูฝึกกระเด็นจากกลางเวทีลอยไปติดขอบเวที โดยเขียนแคปชั่นในคลิปไว้ด้วยว่า “จัดให้เด็กมันดู”

 

”ไอ้โบ้“ ติดต่อแม่ ยืนยัน พรุ่งนี้เข้ามอบตัว อ้างทำไปเพราะหึงหวง

ขณะเดียวกันวันนี้ทีมข่าวยังได้สอบถามไปยังแม่ของนายโบ้เพิ่มเติม โดยแม่นายโบ้ ได้บอกกับทีมข่าวว่า วันนี้ตนเองได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกับลูกชาย ซึ่งลูกชายได้รับปากว่าจะเดินทางเข้ามอบตัวในวันพรุ่งนี้ (3 ม.ค.67)

 

เพื่อนบ้านยืนยัน ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กดีแต่อารมณ์ร้อน

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ ป้าอ้อย (นามสมมติ) เพื่อนบ้านติดกับนายโบ้ผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า ตนเองเห็นนายโบ้มาตั้งแต่เด็กจนโต ที่ผ่านมานายโบ้เป็นเด็กดี เวลาเจอตนเองทุกครั้งก็จะยิ้มทักทาย ทันทีที่ตัวเองทราบข่าวว่านายโบ้ก่อเหตุทำร้ายแฟนสาวในบ้านพักจนเสียชีวิตตนเองตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่เคยได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากบ้านของนายโบ้เลยสักครั้ง ยอมรับว่า นายโบ้เป็นคนอารมณ์ร้อนแต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำร้ายผู้หญิงเพศแม่ตัวเองจนเสียชีวิตขนาดนี้

 

น้องผู้ตาย ขอ “ไอ้โบ้” มอบตัว ลูกผู้ชายต้องกล้ารับ

เรายังได้พูดคุยกับ “ลูกพีช” อายุ 26 ปี น้องของผู้เสียชีวิต บอกว่า ส่วนตัวก็รู้สึกพอใจในระดับหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุรับปากจะมามอบตัวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็อยากให้กระบวนการทางกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของเธอ และอยากให้ผู้ก่อเหตุเยียวยา เนื่องจากพี่สาวเป็นเสาหลักของครอบครัวและที่ผ่านมามีรายได้มาเลี้ยงดูเธอกับแม่

 

วันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายโบ้ แล้วนายโบ้สารภาพว่าทำอะไรกับพี่สาวเธอบ้าง ยืนยันว่า ไม่ตรงกับสิ่งที่พูดกับเธอตอนแรกหลังพี่สาวเข้าโรงพยาบาล เพราะตอนนั้นไม่ได้บอกว่า ศีรษะพี่สาวไปกระแทกกับขอบเตียงและไม่ได้บอกว่ามีการต่อยท้อง

 

ส่วนที่อ้างว่านายโบ้ทำไปเพราะพี่สาวแชทคุยกับชายคนอื่น ตนเองไม่ทราบข้อเท็จจริง และมองว่าต่อให้พี่สาวจะคุยกับชายอื่นจริง ก็ไม่สมควรที่จะมาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้

 

และมองว่าครอบครัวตนเองเปิดใจและดีกับนายโบ้มากที่ยังมาเยี่ยมพี่สาวได้อยู่แม้จะทำให้พี่สาวตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ขณะที่ตัวนายโบ้เองก่อนหน้านี้มองว่าไม่ได้ยอมรับความผิด และพยายามปัดความผิดมาที่พี่สาวของตนเอง ซึ่งอยากให้นายโบ้ ยอมมามอบตัว แสดงความเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้

 

หลังจากเกิดเหตุตนเองรู้สึกว่าพี่สาวของตนเองยังไม่ไปไหนเพราะหลังจากพี่สาวเสียชีวิต ตนเองยังได้กลิ่นน้ำหอมของพี่สาวลอยคละคลุ้งอยู่ภายในโรงพยาบาลอีกด้วย ทั้งที่ตัวพี่สาวเสียชีวิตไป 2-3 วันแล้ว

 

“หมอหมู” วิเคราะห์สภาพศพน้องแพรว เชื่อ “ไอ้โบ้” ไม่ได้ตบแค่ 2 ที

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า จากผลการตรวจร่างกายผู้เสียชีวิต เทียบกับคำบอกเล่าของผู้ก่อเหตุมีความสอดคล้องกัน โดยจากที่ผู้ก่อเหตุบอกว่าตนเองเป็นนักมวย และได้ต่อยท้องของผู้เสียชีวิต มองว่า ก็อาจทำให้กระดูกซี่โครงหักได้

 

ส่วนการตบแล้วทำให้ศีรษะไปกระแทกกับอะไรก็ตามคิดว่าจากการเป็นนักมวย ถึงตบโดยไม่กระแทกอะไรก็ตามก็ทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงอยู่แล้ว ส่วนการกระแทกต้องไปพิสูจน์เอา ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ แต่การตรวจที่เกิดเหตุต้องดูวัตถุวัตถุอื่นๆว่า มีวัตถุพยานอะไรที่อาจกลายเป็นวัตถุที่ใช้ในการกระทำด้วยหรือไม่ แต่โดยสรีระด้วยกำปั้น สามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้อยู่แล้ว

 

รวมถึงบางประโยคที่บอกว่า ถูกกระแทกจากของแข็งไม่มีคม เป็นภาษาในทางนิติเวช ซึ่งนอกจากวัตถุที่เป็นอาวุธไม่มีคม ก็ยังรวมถึงมือได้ด้วย ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องเป็นวัตถุ ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่า มีการตบและกระแทกกับขอบเตียงตรงนั้นก็ต้องมีการตรวจสอบด้วย แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนตายจะตกเตียง ที่มีความสูงเพียง 50 ซม. ทำให้ซี่โครงหักได้

 

ถามว่า ฟังแล้วเชื่อไหมว่าแค่ตบ 3-4 ทีแล้วต่อยท้อง ส่วนตัวเห็นบาดแผลร่องรอยจากภาพว่ามีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด และสีของรอยฟกช้ำมีความแตกต่างกัน แสดงว่ามีการกระทำต่างวาระ และเป็นการกระทำที่รุนแรงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะซี่โครงที่หักอยู่ข้างซ้ายตำแหน่งใกล้หัวใจ การชกลงตำแหน่งหัวใจโดยตรง ทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้

 

ส่วนการตบเข้าที่ศีรษะก็มีโอกาสทำให้เกิดเลือดออกหรือบาดเจ็บที่สมองและเสียชีวิตได้อยู่แล้ว แต่ตนเองคิดว่ายังมีกระทำอย่างอื่นอีกทีเจ้าตัวยังไม่บอก

 

ไอ้โบ้ สารภาพเมียร่างน่วมถูกตบ ช็อกเจอท่าเตะซ้ายพิฆาต หมอแฉหมอนพลิกคดี