เมียช้ำ ผัวตำรวจนอกใจ ถึงขั้นทำใบหย่าปลอม ซ้ำไม่เคยดูแล ส่งเสียลูก 3 คน

 

สืบเนื่องจากหญิงรายหนึ่งโพสต์คลิปในเฟซบุ๊ก ขณะบุกไปหาสามีตำรวจ ถึงที่พัก และพบว่าสามีอยู่กับกิ๊ก โดยมีการต่อว่าตำหนิถึงพฤติกรรมของสามีและกิ๊กที่อยู่ด้วยกัน ทั้งที่ฝ่ายชายยังมีภรรยาและลูกน้อย 3 คน โดยคลิปดังกล่าวมีความยาว 5 นาที และมีตำรวจอีกนายแต่งเครื่องแบบเข้ามาสังเกตการณ์ด้วย

 

ต่อมา หญิงคนดังกล่าวได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความแชตของสามีกับกิ๊กที่มีการหยอกล้อกัน ในลักษณะ 2 แง่ 2 ง่าม โดยมีข้อความระบุว่า "ในที่สุดเรื่องที่อดทนมานาน เดินทางใกล้ถึงตอนจบ ถามตัวเองอยู่หลายรอบ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเราจริงหรอ คำว่าครอบครัวที่เราพยายามสร้างกันมา 10 กว่าปี ต้องมาจบลงหรอ ลูก 3 คน ต้องมีแค่แม่คนเดียว อยู่กันแบบไม่มีพ่อจริงหรอ

 

คำถามเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวเราทุกวัน ตั้งแต่เรารู้เรื่องเมื่อวันที่ 3 ก.ค.66 แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้กินอาหารหมามาเท่าไรแล้ว โอเคมีคนอื่นเราเข้าใจ แต่เที่ยวไปบอกใครๆ ว่า เรามีผัวใหม่ ทั้งที่เราทำงานแบบนี้ก็ได้หรอ เป็นคนในเครื่องแบบ ปลอมแปลงแม้กระทั่งใบหย่า เพื่อไปบอกอีกฝ่ายว่าจบกับเราแล้ว ไม่สนใจเรายังพอทน แต่กับความรู้สึกลูก 3 คนนี่สิ เคยนึกถึงบ้างไหม

 

ลูกถามหาพ่อทุกวัน จิตใจทำด้วยอะไร กับลูกไม่เคยส่งเสีย มี โอนมารวม ไม่ถึง 5,000 ตลอดระยะเวลา 6-7 เดือนแต่ลูกต้องร้องขอแทบตาย แต่กับหญิงนี่เปย์หมดตัว กู้มาเพื่อเปย์ก็มี หลอกเราขายสร้อยไปเปย์ก็มี ทีกับลูกบอกไม่มี พ่อต้องหาก่อน ไปบอกเราไม่ดีแบบนั้น ไม่ดีแบบนี้ เรากลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนอื่นเสียอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไร เราก็ยอมรับว่าเราร้ายจริงๆ ใครมันจะไปยิ้มได้ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ !!!

 

โอเคเรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่บางส่วน จะให้เรามาพิมพ์ทั้งหมดลงไปก็คงพิมพ์ไม่หมด เราก็แค่อัดอั้นอยากระบายในพื้นที่ของเรา วันนี้เราได้เจอกับตัวเอง ได้รู้จักคำว่าละเอียดอ่อนมันเป็นแบบไหน เราจะไม่ขอให้กลับมา ไปแล้วไปให้พ้น เพราะเราถือว่าเราหมดเวรแล้ว ลูกเรา 3 คนเราดูแลเองได้ ถึงจะเป็นแม่ที่ไม่ดีแต่ก็จะทำให้ดีที่สุด เรื่องแบบนี้ไม่โทษคนอื่น โทษคนของตัวเอง ไม่เปรตจริงทำไม่ได้ ส่วนเราก็ให้ทะเบียนสมรสทำงาน ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เราขอแค่ความยุติธรรมสำหรับเรากับลูกก็พอ"

 

ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาววรัญญา อายุ 30 ปี เธอได้บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองแต่งงานและคบหาอยู่กินกับนายต้น (นามสมมุติ) ฝ่ายชาย ตั้งแต่ปี 2555 หรือกว่า 10 ปีแล้ว โดยนายต้นมีอาชีพรับราชการเป็นตำรวจ ยศสิบตำรวจเอก และมีลูกด้วยกัน 3 คน ที่ผ่านมายอมรับว่า ตนเองรักและไว้ใจสามีมาก

 

ถึงแม้ตั้งแต่ช่วงกันยายน ปี 65 ตนเองกับนายต้นสามีจะต้องแยกกันอยู่ โดยตนเองเปิดร้านเสริมสวยทำงานอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนสามีต่างย้ายไปทำงานเป็นตำรวจอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

 

แต่ในทุกวันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สามีของตนเองจะขับรถมาหาตนเองทุกครั้งในวันหยุด ทุกอย่างดูเป็นปกติ ตนเองไม่เคยระแคะระคายในตัวสามีเลย

 

กระทั่งช่วงหลังสามีเริ่มทำตัวแปลกๆ โดยชอบอ้างว่า จะออกไปเตะบอลกับเพื่อนฝูงบ้าง เข้าเวรบ้าง และสามีเริ่มไม่รับโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้ โดยจะอ้างว่า เน็ตหมดบ้าง โทรศัพท์ไม่ค่อยอยู่กับตัวบ้าง ซึ่งตนเองเริ่มไม่เชื่อ เพราะทุกครั้งที่เจอกันสามีจะเป็นคนติดโทรศัพท์มาก โทรศัพท์ไม่เคยห่างจากตัว

 

กระทั่ง อาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 66 สามีอ้างว่า จะขอกลับจังหวัดนครศรีธรรมราชการ อ้างว่า มีฝึกเข้าแถว รวมพล ตนเองจึงเริ่มสงสัยว่า ตำรวจปกติจะไม่ฝึกเข้าแถวในวันอาทิตย์อยู่แล้ว ดูผิดสังเกต จึงได้โทรศัพท์ไปถามที่โรงพักว่า มีการซ้อมฝึกแถวอย่างที่สามีอ้างจริงหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพักได้ตอบกลับว่า “วันอาทิตย์มันเป็นวันหยุด ไม่มีการฝึกแถวอยู่แล้ว”

 

ตนเองจึงได้โทรศัพท์เช็กไปที่โรงพักใกล้เคียงอีก 3-4 โรงพัก รวมถึงตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ก็ได้คำตอบเดียวกันว่าไม่มีการฝึกเข้าแถว

 

กระทั่ง 3 กรกฎาคม 66 ตนเองจึงให้น้องที่รู้จักเดินทางไปสังเกตสามีที่โรงพักว่า ยังมีการฝึกเข้าแถวอยู่อีกหรือไม่ เมื่อไปถึงพบว่า สามีของตนเองกำลังยืนฝึกเข้าแถวอยู่จริง แต่เป็นคนละวันกับเมื่อวาน

 

กระทั่งเวลาผ่านไป ตนเองได้เจอกับสามีอีกครั้ง จึงได้สอบถามกับสามีว่า 2 กรกฎาคม 66 ที่สามีอ้างว่า ไปซ้อมเข้าแถวนั้น ไปจริงหรือไม่ หรือว่า ไปหนีเที่ยวเล่นกับเพื่อน ตอนนั้นสามีไม่ตอบ แต่ตนเองก็คิดในแง่ดีว่า สามีคงหนีเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้แอบไปมีคนอื่น

 

จนเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วัน ตนเองเดินทางไปทำงาน และได้ลืมสายชาร์จโทรศัพท์ไว้ในรถ จึงได้บอกให้น้องที่ทำงานไปหยิบสายชาร์จที่อยู่ในรถตนเอง มาให้ตนเองหน่อย แต่วันนั้นบังเอิญเพื่อนของรุ่นน้องที่ทำงานได้เดินทางมาด้วย เพื่อนของรุ่นน้องจึงได้ทักตัวเองว่า “พี่อิ๋ว ลองไปดูสตอรี่ของผู้หญิงคนนี้ใน Facebook หน่อย ผู้ชายที่อยู่ด้วยกับผู้หญิงคนนี้ คือแฟนพี่ใช่ไหม?”

 

เมื่อตนเองกดเข้าไปดูก็พบว่าเป็นสามีของตนเองจริง ในคลิป ฝ่ายหญิงซึ่งต่อมาทราบชื่อว่า น้องอันอัน ได้พูดในสตอรี่ว่า “กลับบ้านนะคะ ในรอบ 2-3 เดือน” โดยมีภาพสามีตนเองเดินถามหลังอยู่

 

ตอนนั้นตนเองโมโหและโกรธมาก และได้นำรูปดังกล่าวไปสอบถามนายต้นสามีว่า คนในภาพใช่สามีจริงหรือไม่ แต่สามีเมื่อเห็นภาพได้ปากแข็งปฏิเสธ บอกว่าไม่ใช่รูปของตัวเอง ตนเองจึงเอารูปไปให้ลูกทั้ง 3 คน แต่ลูกทั้ง 3 ยืนยันว่า เป็นพ่อของตัวเองจริงๆ

 

จากนั้นตนเองจึงได้แอด Facebook ทักไปขอเบอร์ น้องอันอัน ผู้หญิงที่อยู่กับสามี และได้โทรศัพท์สอบถามว่า สามีไปกับเธอจริงหรือไม่ ซึ่งฝ่ายหญิงยอมรับกับตนเองว่า ได้พากันไปกินข้าวจริง และอ้างว่า นายต้นสามีเป็นคนบอกว่า เขาโสด และเลิกกับตนเองซึ่งภรรยาแล้ว และสัญญาว่า จะยอมถอยออกจากชีวิตตน

 

แต่จากวันนั้นผ่านไปเพียง 3-4 วัน น้องอันอัน ได้บล็อก Facebook ของตนเองทิ้ง เพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นว่า เจ้าตัวได้แอบอยู่กับสามีตนเองหรือไม่ แต่ตนเองไม่ละความพยายามได้บอกเพื่อนและรุ่นน้องช่วยกันตามสืบจาก Facebook ของฝ่ายหญิง

 

นอกจากนี้ตนเองได้เดารหัสผ่านจากเฟซบุ๊กสามีจนเข้าไปดูแชตทั้งหมดที่คุยกับฝ่ายหญิงได้ ทำให้ความลับทั้งหมดแตก และตนเองเห็นแชตทั้งหมดที่สามีคุยกับน้องอันอัน เชิงลามก อนาจาร จนมารู้ว่าทั้งสองคนยังไม่ห่างกันจริง และยิ่งไปกว่า ได้แอบไปอยู่กันที่บ้านพักตำรวจ และรู้ว่า น้องอันอัน ทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อตรงข้ามโรงพัก ทำให้ง่ายต่อการแอบคบกัน

 

กระทั่งวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ตนเองทนไม่ไหวจึงได้บุกกับรุ่นน้องและลูกๆ โดยไลฟ์เฟซบุ๊กไปด้วย เมื่อสามีเห็นตนเองขี่รถเข้ามา สามีได้เดินออกจากบ้านพักและทำท่ากำลังล็อกประตูบ้าน ตนเองจึงมั่นใจว่าผู้หญิงอาจจะอยู่ในรถของสามี จึงได้เดินพุ่งตรงไปที่รถของสามีเปิดประตูรถเข้าไป และก็ได้เห็น รองเท้าผู้หญิง ชุดชั้นใน เส้นผมของผู้หญิงอื่นอยู่ในรถของสามี โดยเธอได้อัดคลิปไว้เป็นหลักฐาน และส่งให้ทีมข่าวดู

 

จากนั้นเมื่อสามีตนเองเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงได้ไล่ให้ตนเองออกไปจากบ้านพัก โดยขู่ว่าจะฟ้องข้อหาบุกรุก เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ ตนเองจึงตอบสามีไปว่า “กูเป็นเมียมึง กูมีทะเบียนสมรส กูผิดไหม?” จากนั้นสามีได้เดินไปตามตำรวจในโรงพักให้ช่วยมาจัดการตนเอง

 

ระหว่างนั้นตนเองจึงใช้จังหวะที่สามีเผลอ เดินไปเปิดประตูหน้าต่างของบ้านพักของสามี และก็ได้พบภาพบาดตา คือน้องอันอัน นั่งอยู่ภายในบ้าน ตนเองโมโหมาก จึงรีบปีนหน้าต่างบุกไปตบน้องอันอันทันที ส่วนอันอันก็ทำร้ายร่างกายตนเองกลับ สู้กันจนต่างคนต่างใบหน้าเป็นแผล จนนายต้นเข้ามาแยกตนเองออกจากน้องอันอัน

 

ระหว่างนั้น รุ่นน้องตนเองที่มาด้วยจะถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน แต่ถูกสามีตนเองข่มขู่ว่า หากใครบันทึกภาพจะแจ้งความจับ ตนเองจึงสั่งรุ่นน้องว่า งั้นไม่ต้องถ่ายแล้วคลิป ให้ไลฟ์สดไปเลย จึงเป็นคลิปที่เธอไลฟ์ไว้ในเฟซบุ๊ก

 

นอกจากนี้ เธอยังมารู้เพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมา สามียังได้ปลอมใบสำคัญการหย่ากับตนเอง ให้ฝ่ายหญิงดูอีกด้วย โดยหลอกว่า ตนเองได้หย่ากับสามีแล้ว ซึ่งตนเองตกใจมาก เพราะสามีก็เป็นตำรวจ แต่กลับทำพฤติกรรมแบบนี้ ตนเองถามสามีว่า ทำเพื่ออะไร ก็ไม่เคยได้คำตอบจากสามี โดยมีรู้ทีหลังว่า สามีได้คัดลอกแบบฟอร์มมาจากในเฟซบุ๊ก และใช้โปรแกรมตัดต่อเพิ่ม

 

และที่ตนเองออกมาร้องเรียนวันนี้ เพราะกลัวว่า ตนเองและลูกทั้ง 3 จะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมา สามีก็ไม่ได้ช่วยเลี้ยงดู หรือดูแลลูกเลย ตนเองต้องดูแลลูก 3 คน ส่งเสียค่าเทอมเองหมด ตนเองขอเงินจะเอามาเลี้ยงดูแลลูก สามีอ้างว่า ไม่ค่อยมีเงิน แต่กลับเอาเงินไปเปย์ผู้หญิงอื่นหมด และขนาดสามีเป็นข้าราชการตำรวจ สามารถเบิกค่าเทอมให้ลูกได้ แต่สามีก็ไม่เคยเรื่องทำเบิกมาให้

 

ยอมรับตนเองยังรักสามีอยู่ แต่ขอไม่กลับไปแล้ว เพราะรักตัวเองและลูกทั้ง 3 มากกว่า ตนเองขอให้ทะเบียนสมรสทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการฟ้องชู้ แม้ว่าสามีตนเองจะไปลงบันทึกประจำวันว่า เลิกรากับตนเองแล้ว แต่เป็นบันทึกฝ่ายสามีอย่างเดียว โดยที่ตนเองไม่ยินยอม และยืนยัน จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง

 

ดร.ธนกฤต แนะทั้งสองฝ่ายหันหน้าพูดคุยกัน เตือนหากเป็นคดีกันแล้วจะยิ่งส่งผลเสีย

 

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามไปยัง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองขอแบ่งออกเป็น 3 ข้อหา คือ 1.จริยธรรมข้าราชการตำรวจ 2.ความผิดอาญาแผ่นดิน 3.ความผิดทางแพ่ง

 

เรื่องจริยธรรม กรณีข้าราชการไปมีผู้หญิงอื่น ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังมีสถานะเป็นคนโสด ก็จะมีเรื่องความผิดในทางจริยธรรม โทษกักขัง 30 วัน แต่ถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นมีสามี หรือจดทะเบียนสมรสอยู่แล้ว แล้วไปยุ่งกับเขา อันนี้โทษสูงสุดคือ ปลดออก ไล่ออก

 

ส่วนคดีอาญา คือ การปลอมแปลงเอกสารราชการ ก็มีความผิดตามกฎหมาย

 

ส่วนความผิดคดีแพ่ง เรื่องฟ้องชู้ ต้องไปดูว่า ผู้หญิงมีเจตนาจริงหรือไม่ เพราะในเรื่องนี้ ฝ่ายชายมีการปลอมแปลงใบหย่า ทำให้ผู้หญิงเชื่อว่า ฝ่ายชายเลิกกับภรรยาไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม

 

แต่ถ้าเป็นไปได้ตนเองก็ไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคดีต่อกัน และอยากให้พูดคุยเจรจากันมากกว่า เพราะสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญ หากมีการพูดคุยจบลงด้วยดี หาข้อยุติได้ ก็จะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสีย

 

แต่หากคุยกันไม่ได้ก็ต้องยอมรับถึงผลกระทบที่ตามมาในอนาคต เพราะหากฟ้องร้องเป็นคดีกันไปแล้ว จะมายอมความกันไม่ได้อีกแล้วในด้านความผิดอาญาของแผ่นดิน

 

 

เพื่อนบ้านตำรวจลั่น นายตำรวจคนนี้ไม่เจ้าชู้

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ได้พบกับเพื่อนบ้านของนายตำรวจในคลิปดังกล่าว ได้บอกกับทีมข่าวว่า

 

โดยปกติแล้วนายตำรวจคนนี้มีนิสัยดีและอัธยาศัยดี ดีจนน่าสงสาร ตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตนรู้มาสักพักแล้วว่านายตำรวจคนนี้มีภาวะเครียดกับปัญหาต่างๆและภาระหนี้สิน เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความเครียดสะสมเเละปัญหาหนี้สิน ตนมองว่าอาจเป็นเหตุที่ทำให้ไม่อยากอยู่ร่วมกันเเละนอกใจ ส่วนเรื่องการคบหาเมียน้อยต้นเพิ่งมาทราบพร้อมกับข่าวที่ลงโซเชียล โดยนิสัยส่วนตัวของนายตำรวจคนนี้ไม่เจ้าชู้ รักครอบครัว

โดยมีลูกกับภรรยา 3 คน ส่วนตัวภรรยาแยกอยู่กับนายตำรวจคนนี้ประมาณต้นปีที่ผ่านมาโดยภรรยาอยู่สุราษฎร์ธานีนายตำรวจอยู่บ้านพักตำรวจจุดเกิดเหตุ สุดท้ายตนอยากบอกกับนายตำรวจคนนี้สู้กับปัญหาขอให้ผ่านมันไปได้

เมียหลวง! บุกห้องแหกผัว ตร.ปลอมใบหย่ากกสาว "พุทธ" อึ้งศัพท์ใหม่ "น้ำเชื้อยังเอาไม่รอด"