สาว 18 ช้ำรักถูกทหารเรือข่มขืน ซ้ำถูกหลอกโอนเงินค่ารักษาไตพ่อระยะสุดท้าย สูญ 9 หมื่น

สืบเนื่องจาก มีแม่ของเด็กสาววัย 18 ปีรายหนึ่ง ได้ร้องผ่านทีมข่าวช่อง 8 ให้ช่วยเหลือติดตามคดี หลังลูกสาวถูกหนุ่มพลทหารเรือ ซึ่งรู้จักกันผ่านแอปฯ หาคู่ ทักมาจีบ ก่อนที่จะพูดคุยกันได้ไม่ถึงเดือน จากนั้นฝ่ายชายได้ออกอุบายขอมาดูหนังที่บ้านของลูกสาว และฉวยโอกาสลงมือข่มขืนลูกสาวจนสำเร็จความใคร่ มิหนำซ้ำ หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน หนุ่มพลทหารเรือยังได้หลอกให้ลูกสาวโอนเงินอีกจำนวน 9 หมื่นบาทในบัญชี ซึ่งเป็นเงินเก็บของสามีที่เอาไว้รักษาในการฟอกไตระยะสุดท้ายโอนไปจนเกลี้ยงบัญชี ซึ่งความมาแตกเนื่องจาก ตนเองและสามีไปโรงพยาบาลและจะนำเงิน 9  หมื่นถอนมาจ่ายค่ารักษา แต่กลับพบว่า ลูกสาวโอนเงินให้พลทหารรายนี้ไปไม่เหลือสักบาทแล้ว เมื่อเธอติดต่อไปยังพลทหาร กลับอ้างว่า ลูกสาวโอนเงินให้เอง และจะไม่ยอมคืนเงินให้ อยากได้ให้มากราบตีนก่อน ทำให้เธอทนไม่ไหวและนำเรื่องมาร้องเรียนกับทีมข่าวช่อง 8

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับ

เด็กหญิงแตง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี เด็กผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไปรู้จักกับนายธนากร หรือ อาร์ม ผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่แอปหนึ่ง โดยตนเองทราบภายหลังว่านายธนากรเป็นพลทหารเรือสังกัดอยู่ที่สัตหีบ จ.ชลบุรี

 

หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันได้ไม่ถึง 1 วัน นายอาร์ม ซึ่ง ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า “อาร์มจ๋า” ได้ทักแชตมาจีบ ถามว่า มีแฟนไหม ? ทำอะไรอยู่ ? พร้อมกับชวนตนเองไปเที่ยว โดยอ้างว่า ตัวเองยังโสด ไม่มีแฟนเพราะเป็นทหารไม่ค่อยมีคนชอบ มีแชตที่ตนเองแคปไว้เป็นหลักฐาน

 

จากนั้นตนเองก็ได้พูดคุยกับ อาร์มจ๋า ประมาณ 2 อาทิตย์และได้ตกลงเป็นแฟนกัน จากนั้นอาร์มจ๋า จึงได้เอ่ยปากขอไปนอนเล่นที่บ้าน โดยโทรศัพท์มาถามตนเองว่า “เหงาไหม? ตนเองก็ตอบว่าเหงา ก่อนที่อาร์มจ๋า จะบอกให้ตนเองส่งโลเคชั่นบ้านไปให้ โดยอ้างว่า จะไปอยู่เป็นเพื่อน และยืนยันจะไม่ทำอะไรตนเอง ด้วยความเชื่อใจ และวันนั้น คือ วันที่ 16 ตุลาคม เวลาเที่ยงคืน พ่อของตนเองไปผ่าตัดตาที่โรงพยาบาล แม่ไปเฝ้าพ่อ ทำให้ตนเองอยู่บ้านคนเดียว

 

อาร์มจ๋า เมื่อได้พิกัดจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาหาตนเองที่บ้าน และเข้ามานั่งเล่นในห้องนอนของตนเอง ก่อนที่อาร์มจ๋าจะค่อยๆ กอดและจูบตนเอง ซึ่งขณะนั้นมีป้าของตนเองซึ่งพิการทางสมอง นั่งอยู่หน้าบ้านไม่รู้เรื่อง

 

จากนั้นอาร์มจ๋าก็ค่อยๆ ขอตัวเองมีอะไรด้วย ตอนนั้นตนเองพยายามขัดขืน และถามอาร์มจ๋ากลับว่าไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรตัวเอง แต่อาร์มจ๋าก็ไม่ฟัง และลงมือข่มขืนตนเอง โดยใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งตนเองยืนยันว่า ตนเองพยายามขัดขืนแล้ว และพยายามบอก อาร์มจ๋าว่า ตนเองยังต้องเรียนหนังสือ ไม่อยากให้ท้อง เพราะเดี๋ยวพ่อแม่จะเดือดร้อน แต่อาร์มจ๋าก็ไม่ฟัง

 

และหลังจากคืนนั้นที่อาร์มจ๋าลงมือข่มขืนตนเองแล้ว ยอมรับว่าตนเองไม่กล้าจะขัดใจอาร์มจ๋า อาร์มจ๋าอยากได้อะไร อาร์มจ๋าจะเอ่ยปากขอเงินจากตนเองตลอด ซึ่งอาร์มจ๋ารู้ว่าบ้านของตัวเองค่อนข้างมีฐานะ เพราะวันที่ไปบ้านตนเองคืนนั้น อาร์มจ๋าเห็นเงินสดจำนวนหนึ่งที่แม่ได้จากการขายของวางทิ้งไว้ในบ้าน

 

กระทั่งวันที่ 2 ธันวาคม พ่อของตนเองได้โอนเงินจากบัญชีของพ่อมาทิ้งไว้ที่บัญชีของตนเองจำนวน 90,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่พ่อเก็บไว้รักษาโรคไตระยะสุดท้าย ได้มาจากการที่พ่อกับแม่นำรถไปเข้าไฟแนนซ์ นำเงินออกมารักษาพ่อ

 

ซึ่งจุดประสงค์ของพ่อคือต้องการให้ตนเองไปกดเงินเอามาเป็นค่ารักษาให้พ่อ เพราะพ่อสายตาไม่ค่อยดี แต่เมื่อตนเองเห็นเงินจำนวนมาก ได้ไว้ใจและนำเรื่องไปบอกกับอาร์มจ๋าให้รู้ ซึ่งทันทีที่อาร์มจ๋ารู้เรื่องว่าตนเองมีเงินก้อนจำนวนมาก

 

จากนั้นอาร์มจ๋าก็เริ่มให้ตนเองโอนเงินให้ อ้างว่านำไปซื้อของบ้าง เป็นเงินค่าขนมบ้าง และเป็นเงินค่าโทรศัพท์มือถือ ซื้อ iPhone 13 Pro Max โดยอาร์มจะบอกว่าจะโอนเงินคืนทั้งหมดให้หลังจากเงินเดือนออก ซึ่งตนเองก็หลงเชื่อ และมองว่าแฟนกันคงไม่หลอกกันง่ายๆ ตนเองจึงเริ่มโอนเงินให้อาร์มจ๋า ตั้งแต่ครั้งละ 100 มากขึ้นเป็น ครั้งละ 1000 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งละ 3000 บางวันโอนให้เป็น 10,000 บาท โอนวันละไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง โอนตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม จนถึง 28 ธันวาคม รวมทั้งหมด 90,000 บาท

 

ซึ่งตนเองยอมรับผิดและเสียใจมากที่หลงอาร์มจ๋า ยังไม่พอแค่นี้ ในเงินจำนวน 90,000 บาทนั้น อาร์มจ๋าได้นำเงินที่ตนเองโอนให้ไปเล่นการพนันออนไลน์ เสียอีกจำนวนมาก ซึ่งตนเองด้วยความที่อยากได้เงินคืน เพื่อนำเงินกลับไปคืนพ่อ เติมให้ครบ 90,000 เหมือนเดิม จึงได้นำเงินบางส่วนใน 90,000 ร่วมเล่นสล็อต ช่วยกันกับอาร์มจ๋าหวังว่าจะได้เงินคืน แต่สุดท้ายเงินก็หมดเกลี้ยง กระทั่งความมาแตก เมื่อ 28 ธันวาคม พ่อแม่ได้ไปเบิกเงินที่ธนาคารเพื่อนำเงินไปรักษาโรคไตของพ่อ แต่ปรากฎว่า ไม่มีแล้ว ซึ่งตนเองรู้สึกผิดมาก และอยากขอโทษครอบครัวที่ทำให้เดือดร้อน

 

ตอนนี้ถามว่า ยังรักอาร์มจ๋าอยู่ไหม ก็ยังรัก แต่คงไม่กลับไปอีกแล้ว และอยากให้อาร์มจ๋ารีบเอาเงินมาคืน และออกมารับผิดชอบสิ่งที่ทำไปด้วย ตนเองโง่เอง ซึ่งล่าสุดอาร์มจ๋าได้เปิดตัวแฟนใหม่ เมื่อ 31 ธันวาคมที่ผ่านก็ยิ่งทำให้ตนเองช้ำใจเข้าไปอีก

 

เปิดใจพลทหาร “อาร์มจ๋า” อ้างไม่ได้ข่มขืน ไม่รู้เงิน 9 หมื่น เป็นเงินฟอกไตพ่อเด็ก

 

ล่าสุดทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ  นายธนากร หรือ อาร์มจ๋า โดยเจ้าตัวเปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองยืนยันว่า ได้เดินทางไปที่บ้านของนางสาวแตงจริง ซึ่งนางสาวแดงได้ยินยอมให้ตนเองมาหา ส่วนที่อีกฝ่ายอ้างว่าตนเองไปข่มขืนฝ่ายหญิงยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ฝ่ายหญิงสมยอมเอง

 

ส่วนเรื่องเงินจำนวน 90,000 ที่ฝ่ายหญิงโอนให้ตนเองไว้ใช้จ่าย  ตนเองไม่เคยบังคับ หรือขู่ทำร้าย ฝ่ายหญิงเป็นคนบอกเองว่าตนเองอยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวจะหาเงินมาให้ ซึ่งการที่ฝ่ายหญิงโอนมาให้ตนเองใช้ มีใครบ้างที่จะไม่เอาเงินฟรีๆ ฝ่ายหญิงโอนให้โดยเสน่หาเอง

 

ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างระหว่างนางสาวแตงกับตนเองนั้นจบลงแล้ว  และตอนนี้ตนเองก็มีแฟนคนใหม่แล้วโดยเพิ่งคบกันเมื่อ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ขออย่าให้ฝ่ายหญิงไปยุ่งกับแฟนใหม่ตัวเองอีก ส่วนเรื่องเงินจำนวน 90,000 จะขอดูรายละเอียดก่อนว่า ฝ่ายหญิงโอนเงินให้ตนเองกี่บาทกันแน่ เพราะว่าเงินบางส่วนฝ่ายหญิงได้นำเงินไปเล่นสล็อตเสียเอง

 

ส่วนเงินที่ฝ่ายหญิงให้ตนเองนั้น ยอมรับว่าบางส่วนเช่นเล่นสล็อตเสียเหมือนกัน และนำไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ และของใช้ส่วนตัว ยืนยันว่า เงินทั้งหมดที่ฝ่ายหญิงโอนให้ตนเองไม่รู้เลยว่าเป็นเงินก้อนสุดท้ายของพ่อของฝ่ายหญิงที่นับว่าใช้รักษาโรคไตระยะสุดท้าย หากตนเองรู้ก็คงไม่กล้าใช้หรอก

 

พ่อเศร้าป่วยไตระยะสุดท้าย ลูกสาวพลาดโอนเงินก้อนสุดท้ายค่ารักษาให้พลทหารเรือสูญ 9 หมื่น

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายกุ้ง (นามสมมุติ) พ่อของนางสาวแตงเด็กผู้เสียหายอีกด้วย ซึ่งนายกุ้งนั้นป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้าย และจะต้องฟอกไตทุกอาทิตย์ โดยเจ้าตัวเปิดใจกับทีมข่าวน้ำตาคลอ บอกว่า ตนเองไว้ใจลูกสาว และได้โอนเงิน 90,000 บาทซึ่งได้เงินจากการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ย้ายไปยังบัญชีของลูกสาว เพื่อให้ง่ายต่อการจ่ายเงินค่ารักษาการฟอกไตที่โรงพยาบาล เพราะตนเองก็สายตาไม่ค่อยดีแล้ว บอกว่าให้ลูกสาวไปเบิกเงินให้จะง่ายกว่า จึงได้โอนเงินให้ลูกสาวไว้ติดบัญชี ให้เก็บรักษา เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม

 

ยอมรับว่าที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยเล่าเรื่องพลทหารคนนี้ให้ฟัง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พลทหารรายนี้ได้แอบเข้ามาร่วมหลับนอนและข่มขืนลูกสาวภายในบ้าน เพิ่งมารู้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนเองและภรรยาได้เดินทางไปที่ธนาคารเพื่อจะขอเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลในการฟอกไต แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลับบอกว่า เงินในบัญชีของลูกสาวถูกถอนออกไปหมดเกลี้ยงแล้ว

 

ตนเองและภรรยาจึงได้ถามลูกสาวจึงได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทันทีที่รู้เรื่องตนเองถึงกับล้มฟุบหมดสติ เพราะเงินจำนวน 90,000 บาทนี้ถือเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ตนเองเก็บไว้เพื่อรักษาในการฟอกไตระยะสุดท้ายซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และที่สำคัญไปกว่านั้น ตนเองเหมือนสูญเสียชีวิตของลูกสาวที่ถูกพลทหารดังกล่าวเข้ามาข่มขืนถึงในบ้าน

 

โดยในหนึ่งอาทิตย์ตนเองจะต้องไปฟอกไต ทั้งหมด 3 ครั้ง เสียเงินครั้งละ 1500 บาท ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ ไม่รู้ว่าตัวเองจะหาเงินจากไหน เพื่อจะยื้อชีวิตตัวเองไว้ เพราะตนเองก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อหากไม่ได้รับการรักษา ซึ่งหากพลทหารคนดังกล่าวฟังอยู่ก็อยากให้ช่วยคืนเงินให้ตนเองด้วย และกลับมารับผิดชอบสิ่งที่ทำไว้กับลูกสาว