จากกรณีคลิปเก่าที่เจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ถ่ายไว้แล้วนำไปโพสต์ใน TikTok เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 เห็นภาพรถกระบะตู้ทึบขับมาด้วยความเร็ว ออกตัวล้อฟรี ปล่อยควันดำไปทั่วซอย หลังคลิปถูกโพสต์ ปรากฏเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) คนขับรถกระบะตู้ทึบคันนี้ก็บุกเข้ามาหาเรื่องเจ้าของร้าน โดยมีคนถ่ายคลิปตอนเข้ามาในร้านมาในสภาพเหมือนว่าจะเมา ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ถามเจ้าของร้านว่าถ่ายคลิปทำไม มีใครเดือดร้อน ขับแบบนี้มาตลอด ก็ไม่เห็นจะมีใครด่า ทำเอาลูกค้าในร้านพากันตกใจ
ล่าสุด (4 ม.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ร้านหมูกระทะดังกล่าว พบว่าวันนี้ร้านปิดทำการ 1 วัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายทศพล เจ้าของร้านหมูกระทะ เล่าถึงเหตุการณ์คลิปเก่าที่โพสต์รถกระบะซิ่งในซอยเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า เป็นคลิปที่โพสต์ไปนานแล้วแต่กลับกลายเป็นว่ารถกระบะแต่งซิ่งคันนี้เพิ่งเข้ามาหาเรื่องในสภาพที่เมา โดยเจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคลิปที่ถ่ายมันเป็นคลิปเก่า ทำไมถึงเพิ่งมามีปัญหาตอนนี้
ส่วนตัวแค่อยากจะถ่ายคลิปเตือนภัย ว่ารถกระบะขับในซอยไม่ควรขับซิ่ง ขับเร็ว และมีควันดำเนื่องจากตนเปิดร้านหมูกระทะ กลัวว่าขับแล้วรถอาจจะแฉลบตรงพุ่งใส่ร้านหมูกระทะตอนที่มีลูกค้านั่งอยู่ รวมถึงควันดำก็ทำให้ลูกค้าได้รับผลกระทบไปด้วย
รถกระบะแต่งซิ่งคันนี้ถึงว่าเป็นขาประจำที่ขับเร็วในซอย ซึ่งตนก็มองว่าน่าจะเหยียบไม่ต่ำกว่า 80 แถมยังมีควันดำขับแบบนี้มันอันตราย ตนมองว่าวันเกิดเหตุคนขับกระบะเมาหรือไม่ ทางเจ้าของร้านหมูกระทะเองไม่ได้ถือโทษอะไร แค่อยากจะพูดคุยกับทางฝั่งคู่กรณีดี ๆ
ขณะที่ทาง ตำรวจ สภ.คูคต ได้เรียกตัวนายชาย (นามสมมติ) คนขับรถกระบะแต่งซิ่งเข้ามาพบกับตำรวจโดยเจ้าตัวได้พูดคุยกับทีมข่าว ยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกับขอโทษคู่กรณีและทุกคนที่เกี่ยวข้อง
นายชาย ระบุว่า เมื่อวานนี้ตนแค่อยากจะเข้าไปพูดคุยกับทางร้านหมูกระทะที่มีการลงคลิปว่าตนขับรถกระบะเร็ว แต่ด้วยท่าทางและนิสัยของเขาที่เป็นคนพูดเสียงดัง อยากจะเคลียร์จึงมีท่าทางแบบนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เมา
ส่วนเรื่องการขับรถเร็ว เจ้าตัวบอกว่าได้ปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากลายเป็นข่าวเพราะตนก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงยืนยันว่าขอโทษเพราะงานที่ตนทำคือการขับรถส่งของ ค่อนข้างเร่งทำให้ต้องรีบขับรถใช้ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
หลังจากนี้ตำรวจเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกันก่อนจะตกลงกันต่อไป